ในขณะที่เธอกำลังเหม่อ ฝ่ายเขาก็ขยับสะโพกถี่ๆ กว่าทุกครั้ง ขณะเดียวกันได้ใช้มือข้างหนึ่ง ที่นิ้วของเขาด้านสักหน่อยคลึงอย่างหื่นกระหายที่ปุ่มเกรสซึ่งสั่นรั่วระริก สลับการบี้ย้ำๆ เป่าเหลียนตกใจ เธออยากร้องไห้ อยากถอยหนี แต่ร่างสูงใหญ่ของตงเยี่ยหรงตึงร่างเล็กกว่าให้อยู่กับเขา
สุดท้ายเสียงคำรามก็ดังติดๆ กัน ก่อนที่บางสิ่งจะฉีดพ่นเข้าไปด้านใน
อ๊ะ... โลกที่จากมาเธอเป็นหมอ ไฉนจะไม่รับรู้ว่า เขาได้มอบน้ำขาวข้นใส่ในร่างกายใหม่นี้ และนั่นอาจมีผลไม่พึงปรารถนาตามมา
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก พร้อมกันนั้นก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ขณะที่เธอหวิดสะอื้นไห้อีกหน พร้อมผลักร่างหนาให้พ้นตัว เสียงด้านนอกก็ดังขึ้น
“ท่านแม่ทัพ มีความผิดพลาดขอรับ เรื่องนี้ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน”
เสียงดังกล่าวแสดงความร้อนใจ เป็นตอนนั้นที่ผ้าคลุมพื้นใหญ่ถูกโยนปิดร่างบอบบางของเป่าเหลียน
นายทหารสองคนก้าวมาในกระโจม มีเสียงพูดคุยที่เบากว่าปกติ ทว่าเป่าเหลียนพอจับการสื่อสารนั้นได้ ด้วยมันเกี่ยวข้องถึงตน
“หาจนทั่วแล้ว ผ่านมาเกือบสิบวันก็ไม่พบร่างคุณชายห้า แต่มีคนเห็นเหตุการณ์ ได้บอกว่าเขาถูกทั้งธนู และไฟเผาร่าง ก่อนจะพลัดตกหน้าผา ส่วนเจ้าสาวมีคนลักพาตัวนางไป เอ่อ... ตะ แต่...”
“รีบพูดมา ข้าไม่มีเวลาให้ใครต้องมาเล่นลิ้น”
“เชลยที่เราจับตัวได้เมื่อไม่กี่วันก่อน... หนึ่งในนั้นมีเจ้าสาวของคุณชายห้าขอรับ นางมาจากสกุลซ่าง...แต่เดิมอาศัยเรือนนอก เลยไม่มีใครพบเห็นนางสักเท่าใด อีกทั้งสตินางก็หลุดหาย จึงคล้ายคนปัญญาอ่อน”
นายทหารคนหนึ่งบุ้ยใบ้ไปที่เป่าเหลียนที่มีผ้าคลุมร่างอยู่
“จงกล่าวมาให้ละเอียด”
“เชื่อว่ามีคนต้องการสังหารคุณชายห้า และโยนความผิดให้เขาเกี่ยวกับการร่วมมือกับสกุลซ่าง ที่ยามนี้ถูกจับกุมอยู่ในเมืองหลวง เพราะสนับสนุนฝ่ายฟ่านเทียนโหวกับองค์ชายสี่”
“ฮึ เสี่ยวซี มองไม่ออกหรือเขาว่าถูกหลอกให้แต่งงานกับสตรีอัปยศ และเป็นต้นเหตุให้ตนต้องเสียชีวิต”
ตงเยี่ยหรงกล่าวถึงลูกชายของตนหรือไคซี ผู้เป็นเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เข้าหอ แต่ต้องพบกับวิวาห์เลือดที่น่ากลัว
นายทหารผู้นั้นสูดลมหายใจลึกและกล่าวว่า
“สกุลซ่างย่อมต้องการให้เป็นเช่นนี้ จึงส่งคุณหนูเจ็ดของตนมายั่วยวนคุณชายห้าขอรับ สุดท้ายจึงมีงานมงคล ทั้งที่ท่านแม่ทัพไม่เห็นชอบ และสั่งให้พวกข้าขัดขวางอย่างเต็มกำลัง ทว่ามีมือที่สามได้เข้าแทรกแซง จนมีเรื่องร้าย แล้วพยายามโยนความผิดว่าเป็นฝีมือของทหารสกุลตง เพราะท่านแม่ทัพไม่เห็นด้วยที่จะสกุลซ่างกับสกุลตงเป็นดองกัน”
ตงเยี่ยหรงเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้ ลูกชายคนนี้หัวรั้น ไม่ฟังความ มักสร้างเรื่องเสมอ นับตั้งแต่เขาพรากอีกฝ่ายมาจากมารดา ไคซีก็ทำให้เขาต้องอบรมหนักกว่าพี่น้องคนอื่นๆ นอกจากนั้นไคซียังอ่อนหัดในการใช้ชีวิต และน่าเสียดายที่เขาอายุสั้น ยังไม่ได้ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์ต่อบ้านเมือง
“สิ่งที่เจ้าจะบอกข้าก็คือ สตรีแซ่ซ่างปะปนอยู่ในกลุ่มเชลย และตอนนี้ เป็นนางรับใช้ข้าใช่หรือไม่” ตงเยี่ยหรงกล่าว
อย่างไม่อ้อมค้อม
นายทหารทั้งสองคนได้ยินแล้วพลันเข่าอ่อนทรุดลงพื้น ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องเหลวไหลโดยแท้ ราวกับเป็นกรรมเวร ด้วยผู้เป็นบิดาของเจ้าบ่าวได้หลับนอนกับสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสะใภ้ และนางก็คือ ซ่างเป่าเหลียน!
“แม่ทัพตงเข้าใจถูกทั้งหมดขอรับ”
ตงเยี่ยหรงคำรามเสียงห้าวใหญ่ แล้วถามเสียงเข้มชัดเจน
“มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง...” ตงเยี่ยหรงถาม ยามนั้นปลายดาบแหลมคมจ่อที่คอของนายทหารซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ยิ่งกว่านั้นเขามั่นใจว่า ทั้งหมดนี้ไม่มีความบังเอิญ และนับแต่ซ่างเป่าเหลียนพลัดหลงอยู่ในกลุ่มเชลย จนถูกจับป้ายแขวนคอเป็นคณิกา ซ้ำยังถูกส่งตัวมาที่กระโจมของเขาย่อมมีมือลึกลับเตรียมการไว้ ซึ่งอีกไม่ช้าเขาจะลากตัวมาลงโทษโดยเร็ว
พอทหารสองคนออกไป แม่ทัพใหญ่ก็มองมาที่ซ่างเป่าเหลียน ท่าทางเขาเย็นชาพอๆ กับดวงตาคมกริบคู่นั้น
“ใครบ่งการให้เจ้ามาแต่งงานกับเสี่ยวซี เป็นสกุลซ่าง หรือว่าฝ่ายของฟ่านเทียนโหว”
หัวสมองหญิงสาวว่างเปล่า นางไม่รู้สิ่งใด ราวกับยามนี้เจ้าของร่างพยายามปิดกั้นเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ นั่นคงเพราะเสียใจ ที่งานมงคลของตนทำให้เจ้าบ่าว หรือไคซีต้องจากไป
“ข้าถามว่าใครสั่งให้เจ้ามาแต่งงานกับซีเอ๋อร์”
เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่เงียบ และท่าทางก็ดูแตกตื่นต่อทุกสิ่ง ตงเยี่ยหรงยิ่งรำคาญ เขาคว้าร่างบอบบางมา แล้วก็ใช้มือข้างหนึ่งบีบลำคอระหงไว้
“มีโอกาสอีกครั้งเดียว ก่อนที่กระดูกเจ้าจะหักในมือของข้า”
เป่าเหลียนกลัวในแวบแรก ก่อนจะคิดได้ว่า บางทีการมีโอกาสได้รับชีวิตใหม่ ในร่างที่ถูกย่ำยีนี้สมควรตายๆ ไปซะ ย่อมดีกว่าทนอยู่ในโลกที่ยังจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ได้ และคนผู้นี้ก็ดูเหมือนว่ามีอิทธิพลมากยิ่ง
หางตาของเธอมีน้ำอุ่นใสไหล และการร้องไห้นั้น ทำให้ตงเยี่ยหรงขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สงสาร ด้วยน้ำตาของสตรีล้วนเป็นการแสร้งทำเพื่อเอาตัวรอดจากความผิด
ยามนั้นแรงมือของเขาหนักขึ้น ทำให้เธอหน้าแดง ท่าทางก็เหมือนจะขาดอากาศในมิช้า
“ได้... ข้าจะปล่อยให้เจ้าเก็บซ่อนความลับไว้สักพัก แต่จำไว้ เจ้าจะอยู่ในสายตาข้าตลอด พร้อมสำนึกผิดที่ทำให้เสี่ยวซีต้องจากไปก่อนวัยอันควร”
เมื่อคำย้ำเรื่องนี้อีกหน เจ้าของร่างก็แสดงความอ่อนแอหนัก นั่นเป็นเพราะรักปักใจต่อตงไคซี เขาคือหลักยึดของชีวิต ทว่ายามนี้กลับจากไปเสียแล้ว
“ใครอยู่ข้างนอกเข้าทำความสะอาดให้ข้าที”
เมื่อกล่าวจบ ตงเยี่ยหรงก็ก้าวออกไปจากกระโจมใหญ่
เป่าเหลียนถูกพาไปชำระร่างกายกับคนแปลกหน้า ฝ่ายนั้นเป็นทหารหญิง หน้าตาบึ้งตึงอยู่สักหน่อย เธอมีหลายสิ่งอย่างสอบถาม แต่ไม่มีใครเปิดปากอยากคุยด้วย
กระทั่งผ่านไปเกือบสองชั่วยาม มีสตรีนางหนึ่งพาเธอไปด้านนอกและแจ้งหลายสิ่งให้รู้
“แม่นาง... พรุ่งนี้ เจ้าต้องไปจากค่ายฯนี้ ท่านแม่ทัพให้จัดหาที่เหมาะสมไว้ให้แล้ว ห่างจากเมืองเหนี่ยวราวๆ ห้าร้อยลี้”
“เขาจะให้ข้าไปที่ใด”
สตรีวัยกลางคนทำท่านึกอยู่ประเดี๋ยว และยิ้มให้เธอด้วยความห่วงใย
“ในเมื่อไม่ใช่เชลย และท่านก็สมควรมีชีวิตรอดอยู่ ... ผิดแต่จะไม่ได้อิสระใดๆ จนกว่าทุกอย่างจะกระจ่างชัดว่า ท่านมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณชายห้า รวมถึงการที่สกุลซ่างคิดก่อกบฏ ด้วยการร่วมมือกับฟ่านเทียนโหว”
สิ่งที่หญิงวัยกลางคนกล่าวส่งผลให้หัวใจเจ้าของร่างหดเกร็ง
มือเรียวสวยจับที่หน้าอกของตน ชั่วอึดใจต่อมาก็หน้ามืดก่อนจะสลบไป ราวกับไม่อยากรับรู้สิ่งใดในโลกคู่ขนานนั้นอีก แล้วหากเป็นไปได้ ขอกลับอยู่ในร่างของเจ้าหญิงนิทราตามเดิมย่อมประเสริฐที่สุดแล้ว