ยังจะมีอยู่หรือผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน
“หลับตาสิครับ”
พี่ช้างกระซิบ อารมณ์ของเขาตอนนี้มันเกินเลยที่จะใช้เพียงคำว่า กระเจิดกระเจิง แต่ก็ต้องยอมอดทน
เพราะความงดงามของหญิงสาวกำลังทอดกายสังเวยให้กับเขาอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
เขาขยับลุกขึ้น ให้ลำตัวออกห่างจากเรือนร่างของเธอ การเสียดสีสัมผัส เร่งเร้าให้อุณหภูมิในร่างกายระอุเสียจนไม่อาจควบคุม
จันทร์เจ้าหลับตา ไม่เหลือความอาจหาญสำหรับการประสานสายตากับพี่ช้างอีกแล้ว
พี่ช้างเริ่มต้นแก้มหอมกรุ่นของหญิงสาวอีกครั้ง เสียงหอมดังฟอดใหญ่ จากแก้ม....พี่ช้างค่อย ๆ ประกบริมฝีปากกับริมฝีปากของเธอ
จันทร์เจ้าไม่รู้จะทำอย่างไร รับรู้เพียงแค่ว่า กำลังถูกลิ้นของพี่ช้าแซะเพื่อให้เธอเปิดปาก ซึ่งในที่สุด เธอก็ยินยอมเผยอเปิดออกเพียงเล็กน้อย
แค่เผยอเท่านั้น ลิ้นของพี่ช้างก็ฉกเข้าไปข้างใน ลิ้นของเธอถูกลิ้นของพี่ช้างต้อนจนมุม ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงอย่างไร ที่สุด...ยินยอมเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของพี่ช้าง ริมฝีปากไม่ได้แค่นาบแนบ แต่ยังบดเบียด
จูบปาก แต่กลับกระตุ้นให้อารมณ์คุโชน เปล่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบาย
หัวใจเต้นผิดจังหวะมานานแล้ว กำลังจะผิดจังหวะหนักหน่วงเข้าไปอีก เมื่อถูกมือของพี่ช้างวางลง
เนื้อตูมเคร่งเครียด เมื่อถูกมือชายสัมผัส
เสียงของพี่ช้างดังฮื่อ กระเส่าเร่าร้อน
และมือไม่รู้ข้างไหนของพี่ช้างก็ควานไปจับมือของจันทร์เจ้าให้สอดลอดผ่านเข้าไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างของพี่ช้าง
“อุ๊ย...”
สะท้านในหัวอกของจันทร์เจ้า เพราะมือเจ้ากรรมรับรู้ว่า แท่งแข็ง ๆ หน้าขาของพี่ช้างนั้นมีฤทธิ์มากเหลือเกิน
ทั้ง ๆ ที่จับต้องแค่ภายนอก ยังรับรู้ได้เลยว่า แท่งนั้นแกร่งน่าเกรงขาม
ตอนแรกเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พี่ช้างก็ช่วยสอนให้เธอรู้ว่า ต้องขยับมือลูบไล้ไปบนแท่งแข็ง ๆของเขา
ยิ่งลูบ ยิ่งพบว่ามันแข็งจนหญิงสาวอดตระหนกไม่ได้ ทว่าความตระหนกนั้น เกิดมีพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้น อยากเห็น
ขณะ...พี่ช้างขยับมาอยู่ในตำแหน่งเหนือร่างของเธอ มือของเธอก็เริ่มขยับลูบแท่งรัวเร็ว ตอนนี้เองที่หญิงสาวรู้เลยว่า เธอไม่ได้หวาดกลัวความแข็งแกร่งของพี่ช้าง เพราะไม่อย่างนั้น ริมฝีปากของเธอกับของเขาคงไม่บดเข้าหากันอย่างสอดคล้อง แม้จะไม่เคยมาก่อนก็ตาม
เสียงของจันทร์เจ้ากับเสียงของพี่ช้างสอดประสานกัน มันดูเหมือนไร้ความหมายในทางภาษา แต่มีความหมายและเข้าใจกันได้ด้วยอารมณ์ความรู้สึก
อารมณ์ของจันทร์เจ้าเวลานี้...
อยากเหลือเกิน อยากให้พี่ช้างแทรกเข้ามาทั้งหมด อุ้งมือ เรียวนิ้วที่กำรูด และชักรัวไปบนแท่งแข็งแกร่ง เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เธอต้องการ
แค่ไม่สามารถหลุดปากอธิบาย
พี่ช้าง...ผู้พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เร็วเกินไป จนปลายลำกล้องทำให้กางเกงชั้นในชุ่มด้วยเมือกเหนียว
เพราะในเมือกเหนียวนั้น ไม่ได้มีแค่หยาดรักที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมแต่เพียงอย่างเดียว มันยังเจือด้วยธารารักขุ่นข้นที่เขาไม่สามารถสะกดเอาไว้ จึงปล่อยให้มันทะลักออกมาบางส่วน
รู้สึกถึงเพียงนี้ พี่ช้างก็ยังใจแข็งมากพอที่จะยังไม่ได้แตะต้องส่วนสำคัญของจันทร์เจ้า ราวกับว่า...
ต้องการเก็บเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด
จูบเนิ่นนานเสียจนจันทร์เจ้าแทบใจหายหายคอไม่ออก ก่อนจะละริมฝีปากออก นาบท่อนล่างลงไป
แท่งแข็งกดทับลงไปบนเนินนูนที่ยังอัดตัวแน่นอยู่ในกางเกงชั้นในของเธอ
จันทร์เจ้าหน้าแดง ลืมตามองเขาด้วยความรู้สึกอันหวั่นไหวปั่นป่วนอย่างที่สุด
“น่ากลัวจังค่ะพี่ช้าง”
เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ เนื้ออูมสามเหลี่ยม รับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดขยี้อยู่ด้านบน นี่แหละกระมังคือสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกเสียวสะท้าน สะบัดร้อนสะบัดหนาว
ขนาดที่ทาบลงมา กับขนาดที่เธอเพิ่งใช้มือลูบให้เขา มันไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่...เมื่อถูกบดขยี้ลงมาเหนือเนินอูมของเธอต่างหาก กลับให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“กลัวทำไม”
“ของพี่ช้างอันโตจังค่ะ”
“โต... ไม่นะ มาตรฐาน”
ยิ่งฟังพี่ช้างพูด หัวใจของหญิงสาวยิ่งเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ จะไม่โตได้อย่างไร มือเรียวที่เคยกุมด้ามจอบด้ามเสียม ถากถางป่า ยังกุมแท่งลำที่ผงาดแข็งของพี่ช้างไม่รอบ
“ถ้ากลัวก็อย่าลืมตานะครับ”
เขาปลอบโยน แล้วพรมจูบแก้มหอมอย่างอ่อนโยน แผ่วเบา
แท่งแข็งถูกบดคลึงเหนือเนินสวาทของจันทร์เจ้า
เรียวแขนทั้งสองข้างของหญิงสาววางแนบลำตัว ยามนี้เหมือนสิ้นเรี่ยวแรง ทั้ง ๆ ที่สาวบ้านป่าอย่างเธอพละกำลังเหลือเฟือ
งานหนักในไร่ในทุ่ง สามารถผลาญพลังงานในร่างกายของเธอก็จริง แต่ทุกครั้งเมื่อพักผ่อนหายเหนื่อยแล้วก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนหยัดทำงานต่อไปได้อีก
ช่างต่างจากตอนนี้ ยังไม่ได้ออกแรงอะไรเลย แค่จูบจากพี่ช้าง แค่สัมผัสจากความแข็งแกร่งของเขา ยังไม่ทันได้ล่วงล้ำ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในสภาพอ่อนเพลี้ย สิ้นเรี่ยวแรงต่อกร อย่าพูดถึงแรงขัดขืน มันไม่ได้มีหลงเหลืออยู่เลย
จันทร์เจ้าแอบคิดในใจว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
เสื้อเริ่มถูกพี่ช้างถลกขึ้น เธอยกศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้เขาถอดเสื้อออกได้อย่างสะดวก ท่อนบนจึงเหลือแค่ยกทรง
ดอกบัวตูมคู่งาม ซ่อนเนื้อเคร่งครัดอยู่ในยกทรง
จันทร์เจ้าคงไม่ได้เห็นหรอกว่า ดวงตาของพี่ช้างเบิกกว้าง เมื่อได้เห็นความงดงามของเธอตรงหน้า เขาสะกิดปมผ้าถุง แล้วดึงออกไป...
คราวนี้ เรือนร่างดุจประติมากรรมชั้นเลิศค่อย ๆ อวดตัวขึ้นเต็มสองตาของพี่ช้าง
ความขาวนวลเนียนซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อผ้า และบัดนี้อยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
จันทร์เจ้ารู้สึกเพียงว่า ตอนนี้พี่ช้างขยับลุกออกห่างจากตัวเธอ จนเริ่มสงสัยว่าเขาหายไปไหน เธอจึงลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ต้องสะทกสะท้านหัวใจ หลุดปากอุทานเสียงสั่นเครือ
“อุ๊ย พี่ช้าง”
พี่ช้างหัวเราะกับท่าทางเขินอายของเธอ
“ไหนบอกจะไม่ลืมตาไง”
“ก็พี่อ่ะ...”
“พี่ทำอะไร”
“หนูนึกว่าพี่หายไปไหน”
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของจันทร์เจ้าก็คือ พี่ช้างอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ไม่มีผ้าแปะแม้แต่ชิ้นเดียว เพิ่งได้เห็นจัง ๆ เต็ม ๆ สองสายตาว่า พี่ช้างเป็นผู้ชายที่น่าเกรงขามเอาการ
เพิ่งเห็นเต็มตาว่า ตอนที่น้องชายของเขาผงาดเต็มที่แล้ว เป็นอย่างไร จากมือที่เพิ่งสัมผัสแค่ภายนอกก็รู้แล้วว่ามันแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากด้ามจอบด้ามเสียมอันคุ้นมือ
สีผิวตรงนั้นของเขาเข้ม ส่วนหัวกลับแดง ผิวเต่งตึงกว่าผิวหนังของเด็กน้อยเสียอีก
จันทร์เจ้าหน้าแดง ไม่รู้จะหลบสายตาไปไหน อยากจะหลับตาลงอีกครั้งก็ทำไม่ได้ มันเก้อเขินปั่นป่วนไปหมด
พี่ช้างลงมานอนข้าง ๆ แล้วเอื้อมดึงมือของจันทร์เจ้าไปวางใกล้ ๆ กับแท่งแข็ง ๆของเขา
จันทร์เจ้ารู้ด้วยสัญชาตญาณว่า เขาต้องการให้จับ จึงรวบเอาไว้แต่ไม่ได้กำแน่น และเริ่มขยับอย่างช้า ๆ นุ่มนวล
“เป็นไงบ้างครับ”
“มันใหญ่อยู่ดีนั่นแหละค่ะ” จันทร์เจ้าตอบเสียงเบา แหบพร่า “คงเจ็บน่าดู”
“ไม่เจ็บหรอกครับ พี่จะไม่ให้จันทร์เจ็บเด็ดขาด”
เขาพรมจูบแก้มนวลของหญิงสาวอย่างทะนุถนอมอีกครั้ง คราวนี้จันทร์เจ้าหลับตาสนิท มืออีกข้างรวบประคองแท่งของเขาและขยับทำอย่างที่เขาต้องการ
ความรู้สึกวาบหวิวซ่านเสียว จนต้องหลุดเสียงครางฮื่อ...
พี่ช้างเลื่อนจากแก้มมาที่ริมฝีปาก จันทร์เจ้าเพิ่งจะถูกจูบเมื่อสักครู่ และต่อให้มีการจูบอีกหลายครั้ง เธอก็คงมีอาการ...ไม่เป็นเช่นเดิม เพราะเรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลา
ถึงกระนั้น...พี่ช้างก็สามารถทำให้จันทร์เจ้าเผยอริมฝีปากออก แล้วส่งลิ้นเข้าไปในกระพุงปากของเธอจนได้
ริมฝีปากที่นาบแนบ ลิ้นที่พัวพันกันโดยอัตโนมัติ และเป็นไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายของหญิงสาวพล่าน...
ร้อนราวน้ำคลองกลางเปลวแดดเปรี้ยงอย่างนั้นแหละ
“ฮือออออ...”