Episode 10 พี่ศึก

1272 คำ
Episode 10 ปึก! “นั่งด้วยดิ” ร่างสูงกระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้ามานั่งข้างๆ เราทันควัน “กระแทกจนจานข้าวแทบจะแตก ไม่ทราบว่าไปโมโหใครมาเหรอคะ?” มะปรางกล่าวถาม พร้อมๆ กับตักข้าวในจานเข้าปาก “อากาศมันร้อนอะ! ไม่มีอะไรหรอก!” กรีนกล่าว ก่อนที่จะตักข้าวเข้าปากรัวๆ เอิ่ม…อะไรจะรีบกินขนาดนั้นคะคุณพี่ “ค่อยๆ กินก็ได้ ยังเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง” น้ำตาลพูดต่อ ก่อนที่จะยื่นขวดน้ำไปให้ร่างสูงได้ดื่มกิน “หิวจัดจนต้องรีบกินเลยเหรอ?” “เปล่า! แค่ไม่รู้จะกินช้าไปทำไม!” เขาหยุดกินและหันมาตอบน้ำตาล ก่อนที่จะหันกลับไปกินต่อด้วยความเร็วแสง “ร้อน!” “ไม่ทราบว่า…ที่ร้อนเนี่ยหมายถึงอากาศมันร้อนจนเหงื่อแตก หรือร้อนเพราะหัวร้อนที่มีแต่คนมาแซวซิงกันแน่” มะปรางพูดแซว ซึ่งสิ่งที่มะปรางพูดนั้นก็เป็นความจริง เพราะภายหลังจากที่คุยกับผอ.เสร็จ น้ำตาลและมะปรางสองสาวเพื่อนซี้ของเราก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี พวกเราก็พากันเดินมากินข้าวที่โรงอาหาร และในตอนนั้นเองก็มีนักเรียนชายหลายๆ คน เข้ามาแซวแล้วก็ขอเบอร์เรากันใหญ่ แต่ส่วนใหญ่จะแซวมากกว่า และถ้าหากอยากทราบว่าพวกเขาแซวเรื่องอะไรนั้น ตอบได้เลยค่ะว่า เขาแซวเราเรื่องฐานกิจกรรมในตอนเช้า ฐานที่หนึ่ง! ที่เราจับดิลโด้แล้วก็สาธิตการสวมถุงยางอนามัยนั่นแหละค่ะ!!! กรี๊ดดดดดด! แทบช็อก! แซวกูทำไมคะ! “เราเปล่าสักหน่อย! เราไม่ได้เป็นอะไร! เรื่องอะไรเราต้องมาหัวร้อนด้วย! ก็มีคนมาแซวซิงอยู่เป็นประจำอยู่แล้วนี่” กรีนเบะปากคว่ำ ก่อนที่จะคว้าขวดน้ำที่น้ำตาลยื่นให้ในตอนแรกขึ้นดื่มหลังจากที่ตัวเขากินข้าวหมดจานแล้ว เรียกได้ว่ากระหายน้ำขั้นสุดเพราะน้ำเต็มขวด… เขาซัดหมดเลย! คุณพี่เป็นนายเงือกหนีทะเลมาหรือเปล่าคะเนี่ย! 5555 “เชื่อได้เหรอ? ขนาดป้ายชื่อยังเขียนว่าเมืองเมาเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองชื่อกรีนแท้ๆ” มะปรางกล่าวแซวอีกครั้ง ก่อนที่จะชี้ไปที่ป้ายชื่อของกรีน ในตอนแรกที่เขาได้ป้ายชื่อไปเขียนเราก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก จนได้มาสังเกตแบบจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่มะปรางบอกเนี่ยแหละค่ะ “ซิงคลั่งรักเมืองเมาเท่าโลก! ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับซิงจะมาเขียนชื่อตัวเองแบบนี้ทำไมคะ?” “ชอบเชิบอะไร! ก็…ผู้หญิงอ่านนิยายเป็นคนเดียวเหรอ?” กรีนรีบปฏิเสธทันควัน “เราก็อ่านได้เว้ย! การอ่านนิยายมันไม่จำกัดเพศหรอก ขนาดตัวนักเขียนเก่ง บางคนเป็นผู้หญิงก็ยังเขียนนิยายวายได้เลย เราก็อ่านเป็นเหมือนกัน!” “หืม~ คนอย่างนายอ่านนิยายกับชาวบ้านเขาด้วยงั้นเหรอ?” น้ำตาลรีบวางช้อนลงในทันที “ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยจริงๆ” “ก็เป็นดิ! เราเห็นพวกเธอสองคนทะเลาะกันห้องแทบแตกสลาย! เราก็เลยอยากรู้ว่าไอ้พระเอกนิยายที่ชื่อเมืองเมามันมีอะไรดี เราก็เลยไปหาอ่านดู เออ! มันก็น่าสนใจดีเหมือนกันนี่หว่า! จากนี้ไปให้เรียกเราว่าเมืองเมา! ต่อแต่นี้เราชื่อเมืองเมา ไม่ใช่ชื่อกรีน!” “ถุย…หยุดคุกคามเมืองเมาของเราเดี๋ยวนี้เลย!” ว่าพลางชี้หน้าร่างสูงทันควัน “นอกจากจะมาเป็นเมนคนเดียวกันไม่ได้แล้ว ก็อย่าบังอาจมาเอาชื่อแฟนเราไปตั้งใส่ตัวเองแบบนี้ด้วย เรารับไม่ได้!” “เอ้า! เราผิดอะไร? เราไม่ได้ทำผิดกฎหมายประเทศไทยสักหน่อย” กรีนไหวไหล่พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีกฎหมายมาตราไหนงั้นเหรอที่บอกว่าห้ามเราเปลี่ยนชื่อจากกรีนไปเป็นเมืองเมาน่ะ?” “โอ๊ย! รับไม่ได้อะ!” ว่าพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พอแล้ว! ต่อไปนี้เราจะไม่ชอบเมืองเมาแล้ว! เพราะเราจะไปชอบพี่ศึกของพี่ชองแทน! นามปากกาชิมชองอี สนุกมากค่ะ!” ว่าพลางเชิ่ดหน้าใส่ร่างสูงไปหนึ่งที “จะชื่อเมืองเมาก็เชิญตามสบาย เพราะเราไม่ชอบเมืองเมาแล้ว เราไปชอบพี่ศึกแล้ว” “ก็แล้วแต่อะนะ” ร่างสูงไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะไป “ฝากเก็บจานด้วย” “เอ้า! อีตาบ้านี่! ตัวเองเป็นคนกินเองแท้ๆ ยังจะมาใช้คนอื่นอีก!” พูดไปแล้วยังไงต่อคะ? พูดไปก็ไม่ได้อะไรค่ะ เพราะเจ้าหมอนั่นวิ่งสี่คุณร้อยจากไปแล้ว เพียงแค่ชั่วพริบตา เขาก็หายไปแล้ว เฮ้อ…อยากทุบให้หลังแอ่นจริงๆ เลย! และก็นั่นแหละค่ะ สุดท้าย…เราก็ต้องเก็บจานข้าวให้เขา เพราะเพื่อนสาวอีกคนสอง ก็ไม่ยอมเก็บให้ค่ะ ภายหลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว เราทั้งสามก็พากันขึ้นไปยังหอประชุม เพื่อฟังวิทยากรพูดเกี่ยวกับการตั้งท้องในวัยเรียน แล้วก็เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ เมื่อขึ้นมาอยู่หน้าหอประชุมแล้ว พวกพี่ๆ ก็ยังไม่ได้อนุญาตให้พวกเราเข้าไปกันหรอกนะคะ เขาให้พวกเราจัดแถวตามห้อง แล้วเดินเข้าไปทีละห้องค่ะ ซึ่งเราอยู่ห้องหกทับหนึ่ง ห้องแรกสุดในระดับชั้นมอหก และเมื่อจัดแถวกัน เราก็ได้ยืนอยู่ต่อหลังเรดค่ะ และนั่นก็หมายความว่า…เราจะได้นังข้างเขาค่ะทุกคน กรี๊ดดดดดด! จับหนูหน่อย หนูจะวูบแล้วล่ะค่ะ!!! “หกทับหนึ่ง ถ้าพร้อมแล้วเดินเข้าไปได้เลยครับ” อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าว ก่อนที่จะเปิดประตูให้ห้องทับหนึ่งของเราได้เดินเข้าไป ซึ่งในตอนแรกก็เรียงกันโดยที่ เรด เรา น้ำตาลและมะปราง แต่ทว่า… พอหันกลับมาอีกที ดันพบ… “กรีน!” “เราชื่อเมืองเมา” “…” “นายแซงคิวเพื่อนเราเหรอ?” เราเบ้ปากคว่ำก่อนที่จะหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้แถวหน้าสุด เพราะเป็นห้องแรกสุดที่ได้เข้ามา “เราจำได้ว่าน้ำตาลกับมะปรางต่อข้างหลังเรานะ” “ไม่รู้ดิ…” กรีนตอบด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย ไม่สนและไม่แคร์อะไร “มันก็แค่ที่นั่ง! ก็นั่งๆ ไปเถอะ เธออย่าเรื่องมากเลย!” “เรายังไม่ทันได้เรื่องมากอะไรเลยย่ะ!” ว่าพลางยกแขนขึ้นกอดอกด้วยความไม่พอใจ “เราก็แค่ถามเฉยๆ ว่านายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังๆ ทั้งๆ ที่ในตอนแรกเป็นน้ำตาลและตามด้วยมะปราง!” “…” “จะนั่งก็นั่งไปเถอะค่ะ! เห็นนายมาเข้าร่วมกิจกรรมแบบที่คนปกติเขาทำ แค่นี้ก็ดีใจละ” “อันอื่นที่เราไม่เข้าร่วมเพราะว่าเราไม่เห็นความสำคัญของมันน่ะ” เขากล่าวพร้อมกับยกมือหนาขึ้นเสยผมตัวเอง “แต่อันนี้เราเห็นคุณค่าและประโยชน์ของมัน เราก็เลยเลือกที่จะเข้าร่วมด้วย” “คนอย่างนาย…นึกถึงคุณค่าของกิจกรรมเป็นด้วยเหรอ? ขนาดการบ้านยังไม่เอาเลย” “เป็นดิ!” “เหรอ?” “ก็เรื่องพวกนี้มันสำคัญและมีประโยชน์นะ เราอยากจะเรียนรู้เอาไว้ เผื่อว่าวันหนึ่ง…จะได้ใช้ความรู้ตรงนี้ไว้สอนสั่งลูกของเราไง” “…”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม