หลังจากเสร็จงาน ฟานเทียนเผยนั่งมองชายที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องเขยของตนด้วยความแปลกใจ เนื่องจากความสามารถที่อาเฟยมีนั้นมันเกินคำว่าอดีตชายตัดฟืน
“ข้าถามเจ้าสักเล็กน้อยเถอะว่า เจ้าไม่คิดที่จะสืบหาเรื่องราวความเป็นมาของตัวเองหรือไง ความสามารถของเจ้าที่ข้าพบเจอกับตัวเอง เจ้าไม่น่าจะเป็นชายตัดฟืน”
“แล้วอย่างไร ต่อให้ตัวข้าจะใช่ชายตัดฟืนหรือไม่ มันสำคัญด้วยหรือขอรับ”
อาเฟยมองออกไปนอกห้องสายตาเขาอยู่บนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน
“ตระกูลฟ่านของเราแม้จะไม่มองฐานะของเจ้าก็ตามที แต่ตัวเจ้าเองควรจะสืบหาความเป็นมาฐานะของเจ้า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเคยเป็นคุณชายที่ไหนสักแห่ง ถึงตอนนั้นฮวาเอ๋อร์ของพวกเราจะได้ไม่น้อยหน้าผู้ใด”
“เมื่อถึงเวลานั้น ฮวาเอ๋อร์จะต้องไม่น้อยหน้าผู้ใด ข้าสัญญาขอรับ”
อาเฟยสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต้องตามหาอดีตของตนเองเช่นกัน เพื่อไม่ให้ภรรยารักต้องน้อยหน้าผู้ใด
ฟ่านเทียนเผยเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนี้จึงไม่พูดอะไรอีก แต่ข้าเชื่อว่าชายตรงหน้าที่ชื่ออาเฟยย่อมทำได้อย่างที่กล่าว
ตำหนักองค์ชายสาม
หลังจากกลับมาถึงตำหนัก องค์ชายสามจึงอยู่ในห้องทรงงานโดยมีองครักษ์คนสนิทอยู่ด้วย หลังจากที่แยกตัวจากฟ่านเทียนเผยและอาเฟย เหมือนมีบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขาไม่น้อย
“เจ้าคิดว่าอาเฟยคือบ่าวตัดฟืนอย่างที่มีข่าวจริงหรือ”
“กระหม่อมไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ แต่แววตาของอาเฟยไม่คล้ายกับบ่าวทั่วไป กระหม่อมคิดว่าเบื้องหลังของอาเฟยย่อมต้องไม่ธรรมดา อาจจะเป็นคุณชายมาจากต่างแคว้น ถ้าหากเป็นคุณชายจวนใดในแคว้นหลานย่อมต้องมีข่าวการหายตัวลูกหลานตระกูลนั้น แต่นี่กลับไม่มีข่าวการหายสาบสูญของผู้ใดเลย”
องครักษ์คนสนิทตอบกลับตามความคิดของตน แต่แล้วกลับมีเสียงขันทีดังเข้ามา
“เสียนเฟยเสด็จ”
เสียงขันทีหน้าตำหนักส่งเสียงเข้ามาเมื่อมู่เสียนเฟยมาเยือนตำหนักขององค์ชายสาม ทำให้พระองค์และองครักษ์รีบรุดเดินออกมาต้อนรับเสียนเฟยที่มาเยือน
“เสด็จแม่ มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ มาหาลูกถึงที่ตำหนัก”
“แม่ไม่มีอันใดหรอก แม่เพียงแค่อยากมาเยี่ยมเจ้าแล้วนำภาพวาดของคุณหนูจวนต่าง ๆ ที่เหมาะกับเจ้ามาให้ดู เรื่องนี้ฝ่าบาทเห็นสมควรแล้ว แต่แม่เกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นน่ะสิ เจ้าก็รู้ว่าองค์ชายรองยังไม่ได้สมรส เรื่องของพระองค์กับคุณหนูเหอก็จบไปแล้ว”
มู่เสียนเฟยกล่าว นางพยายามเลือกคุณหนูที่ไม่มีฐานอำนาจใด ๆ ให้กับบุตรชายคนนี้ หากนางเลือกตระกูลที่มีอำนาจขึ้นมา กลัวว่านางและบุตรชายจะอยู่อย่างไม่สงบ ตัวของนางเองบ้านเดิมก็ไม่มีอำนาจเช่นกัน
“เสด็จแม่อย่ากังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ลูกไปเจอกับเทียนเผย เจ้านั่นมากับอาเฟยสามีของคุณหนูเหอ ลูกคิดว่าหากเสด็จพี่รู้ฐานะที่แท้จริงของนางคงได้กระอักเลือด และไม่แน่ว่าอาจจะแย่งชิงนางกลับไป”
มู่เสียนเฟยเมื่อได้ยินคำพูดของบุตรชายจึงทำหน้าแปลกใจ
“ลูกหมายความว่าอย่างไร ฐานะของคุณหนูเหอคืออะไร”
“นางคือนายหญิงแห่งหอประมูลและหอขายข่าวมู่ตานพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ เสด็จแม่คิดว่าหากเรื่องนี้เข้าถึงหูเสด็จพี่ เสด็จพี่ยังคงนิ่งเฉยได้หรือไม่”
“ที่เจ้ากล่าวมาคือเรื่องจริงหรือ”
สีหน้าของเสียนเฟยตกใจไม่น้อยเมื่อรู้เบื้องหลังของเหอหลันฮวา
“จริงพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อาเฟยยอมรับกับกระหม่อมด้วยตนเอง”
องค์ชายสามตอบรับด้วยท่าทีสบาย แตกต่างจากมู่เสียเฟยที่ในตอนนี้คิ้วของนางแทบจะชนกัน
“แม่กลับไม่คิดเช่นนั้น ต่อให้องค์ชายรองต้องการนางกลับมา ตามกฎมณเฑียรยังไงนางไม่อาจมาอยู่ในตำแหน่งของพระชายาได้ และด้วยนิสัยของนาง นางย่อมไม่ยินยอม”
“ลูกคิดว่าคนที่ไม่ยอมคืออาเฟย กลิ่นอายของเขาไม่ใช่กลิ่นอายของบ่าวตัดฟืนและไม่ใช่กลิ่นอายของชาวบ้านธรรมดา เมื่อไหร่ที่ความทรงจำของอาเฟยกลับมาเราคงจะได้รู้คำตอบขอรับ”
หลานหยางคุนกล่าวกับมู่เสียนเฟยอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ทั้งคู่รักกันยิ่งกว่าแม่ลูกที่แท้จริงเสียอีก
“เอาเถอะ แม่ดีใจที่หลันฮวาแต่งงาน แม้ว่าจะไม่ได้นางมาเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แต่มารดาของนางกับแม่เคยเป็นสหายกันมาก่อน แม่ย่อมต้องรู้สึกดีหากนางได้สามีที่ดี”
มู่เสียนเฟยนางยังคงเสียใจที่สหายเพียงคนเดียวของนางตายไปก่อนวัยอันควร จากนั้นนางจึงคุยกับหลานหยางหลงเพียงชั่วครู่จึงกลับตำหนักของตนเอง
เหอหลันฮวาใช้เวลาอยู่ที่จวนตระกูลฟ่านจนถึงยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) เมื่ออาเฟยกลับมา ทั้งสองจึงอยู่ร่วมทานมื้อเย็นก่อนจะกลับจวนของตนเอง
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านพี่ ไปดูงานกับพี่รองฟ่าน”
เหอหลันฮวาเอ่ยถามสามีหลังจากที่ทั้งคู่เตรียมจะเข้านอน
“วันนี้ข้าพบกับองค์ชายสาม และเกริ่นให้พระองค์ทราบเรื่องหอขายข่าว ฮวาเอ๋อร์ไม่โกรธข้าใช่หรือไม่”
“ไม่โกรธหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะโกรธท่านพี่ทำไม ในเมื่อองค์ชายสามเป็นสหายกับพี่รองฟ่าน และตัวขององค์ชายสามไม่ได้เป็นอันตรายกับเราสองคน”
นางไม่สนใจว่าท่านพี่ของนางจะบอกกล่าวเรื่องนี้กับผู้ใด นางรู้ดีว่านี่คือเกราะคุ้มกันนางและสามีเป็นอย่างดี
จากนั้นอาเฟยยังคงบอกเล่าเรื่องราวในวันนี้ให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง เมื่อพูดคุยกันเสร็จสิ้น ทั้งสองจึงล้มตัวนอนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันด้วยใจที่อบอุ่น
วันต่อมาหลังจากทานมื้อเช้าเหอหลันฮวาจึงพาอาเฟยมาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมที่ใหญ่พอควร สามารถเทียบเท่ากับของตระกูลฟ่านได้เลย แต่ไม่คิดว่าการมาของนางครั้งนี้กลับต้องพบหน้าคนที่ไม่อยากเจออย่างองค์ชายรองหลานหมิงฮ่าว
“ไม่พบกันนานเจ้าสบายดีหรือไม่ฮวาเอ๋อร์”
“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ไม่ควรที่จะเรียกสตรีที่แต่งงานแล้วเช่นนั้นนะเพคะ”
เหอหลันฮวาแบ่งแยกสถานะชัดเจน และมองหลานหมิงเย่วอย่างไม่ชอบใจ
ใบหน้าของหลานหมิงฮ่าวเจื่อนไปเล็กน้อย แต่กลับมาเป็นปกติด้วยความรวดเร็ว
“แล้วเจ้าจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเช่นไร ในเมื่อสามีของเจ้าเป็นเพียงบ่าวที่ไม่มีชื่อแซ่”
“เว่ย เรียกนางว่าเว่ยฮูหยิน”
แต่แล้วอยู่ ๆ อาเฟยกลับพูดแซ่เว่ยออกมา ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเอ่ยแซ่นี้ แต่เขากลับมีความเชื่อมั่นว่าเขานั้นแซ่เว่ย ทำให้องครักษ์แซ่จื่อทั้งสี่คนที่เดินตามเข้ามายืนนิ่งค้างและมองหน้ากันด้วยแววตาประหลาดใจ
“ท่านพี่ ท่านจำชื่อแซ่ตัวเองได้แล้วหรือเจ้าคะ”
เหอหลันฮวาไม่สนใจผู้ใดอีก นางจับมืออาเฟยด้วยความดีใจ
“ข้ายังจำไม่ได้ แต่ข้ามั่นใจว่าแซ่เว่ยคือแซ่ของข้า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านจำได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”
นางกล่าวกับสามีด้วยรอยยิ้มและความอ่อนโยน ก่อนจะหันมาพูดกับหลานหมิงฮ่าวด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน
“เช่นนั้นหม่อมฉันรบกวนองค์ชายเรียกขานหม่อมฉันให้ถูกต้องด้วยนะเพคะ ท่านพี่ของหม่อมฉันแซ่เว่ย หม่อมฉันย่อมต้องเป็นเว่ยฮูหยินเช่นกัน จื่อโหวเจ้าไปจ้างช่างให้ทำป้ายประตูจวนเป็นจวนเว่ยด้วยล่ะ”
ในเมื่อท่านพี่ของนางจำแซ่ของตัวเองได้แล้ว นางควรจะมีชื่อจวนเสียที
“ขอรับฮูหยิน”
จื่อโหวรับคำก่อนจะรีบเดินออกมาหน้าโรงเตี๊ยม แล้วแจ้งให้คนจัดการแทน ในโรงเตี๊ยมมีองค์ชายรองอยู่ด้วย เขาไม่มั่นใจในความปลอดภัยของนายท่านและฮูหยิน ก่อนจะรีบเดินเข้าไปด้านใน
“กระหม่อมและฮูหยินต้องขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ เราทั้งสองต้องการความเป็นส่วนตัว”
อาเฟยเลือกที่จะกล่าวเพราะไม่ต้องการให้เหอหลันฮวาอยู่ใกล้ชายตรงหน้า เขาไว้ใจฮูหยินของตนแต่กลับไม่ไว้ใจองค์ชายรองหลานหมิงฮ่าว
เหล่าองครักษ์เตรียมที่จะเดินหน้าเข้ามา และสี่พี่น้องแซ่จื่อเตรียมป้องกันเจ้านายทั้งสองเช่นกัน
หลานหมิงฮ่าวยกมือห้ามคนของตน และปล่อยให้สองสามีภรรยาเดินขึ้นไปชั้นสองและเข้าห้องส่วนตัวไป
ภายในใจของชายหนุ่มเกิดความไม่ยินยอมเมื่อเห็นภาพของสองสามีภรรยารักใคร่กันตรงหน้า คล้ายกับว่าภาพนี้ควรจะเป็นตนเองที่ยืนอยู่ข้างนาง ก่อนจะเดินกลับออกมาจากโรงเตี๊ยมด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก