“ท่านเรียกข้ามา มีข่าวอันใดจากชายแดนหรือไม่ หรือว่าในเมืองหลวงจะเกิดเหตุการณ์ใด”
ฟ่านเทียนเผยใช้คำสนทนาประดุจชาวบ้านทั่วไปกับสหายที่มีตำแหน่งเป็นถึงองค์ชาย ซึ่งองค์ชายสามหลานหยางคุนไม่ว่ากล่าวอันใด เขากลับชอบที่จะให้สหายเรียกเช่นนี้
“ทางพี่ใหญ่ของเจ้า และสองพี่น้องตระกูลเหอส่งข่าวมาว่า ตอนนี้แถบชายแดนมีข่าวลือขององค์หญิงจากแคว้นเว่ยและนางกำนัลรวมถึงองครักษ์ไม่กี่คนเดินทางมาที่แคว้นหลาน มาด้วยเรื่องอันใดนั้นยังไม่มีผู้ใดตอบได้ ข้าจึงอยากมาขอคำปรึกษาจากเจ้าว่าควรทำเช่นไร แต่การมาขององค์หญิงแคว้นเว่ยนั้นน่าจะเดินทางมาเป็นการส่วนตัว คงไม่เกิดศึกระหว่างแคว้นเป็นแน่”
“ข้าไม่เชื่อเรื่องการเปิดศึก แคว้นหลานและแคว้นเว่ยต่างมีไมตรีต่อกัน ต่อให้จะไม่มีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นก็ตามที ดังนั้นคงเป็นเหตุผลอื่นที่ทำให้องค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยยอมเดินทางมาแคว้นหลาน”
อาเฟยคล้ายกับคุ้นชินเมื่อได้ยินคำว่าแคว้นเว่ย แต่เป็นจื่อหลงและจื่อกวงที่มีแววตาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินภายในห้องอาหารส่วนตัวพูดคุยกันเรื่องแคว้นเว่ย
“แม้ว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าองค์หญิงจากแคว้นเว่ยมาด้วยเรื่องอันใด สิ่งที่ข้ากังวลใจย่อมไม่ใช่เรื่องนี้ สายข่าวของข้าแจ้งว่าตอนนี้องค์ชายใหญ่สร้างกองกำลังขึ้นมาเพื่อการใดนั้นไม่อาจรู้ได้”
หลานหยางคุนเป็นกังวล เขาทราบดีว่าองค์ชายใหญ่นั้นต้องการตำแหน่งรัชทายาท เพียงแต่ฝ่าบาทยังไม่ยอมแต่งตั้งองค์ชายองค์ใด และยังไม่ยอมแต่งตั้งตำแหน่งอ๋องให้ใคร
ด้วยตัวเขาเป็นองค์ชายที่เกิดจากมู่เสียนเฟย ทำให้เหล่าบรรดาสนมและองค์ชายต่างพากันคิดว่าเขาจะได้รับตำแหน่งนี้ เพราะว่ามู่เสียนเฟยนั้นคือสนมที่ฝ่าบาทรักมากที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อองค์ชายใหญ่คือบุตรที่เกิดจากฮองเฮา ตำแหน่งนี้ย่อมต้องตกไปที่พระองค์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“เจ้ามีอะไรหรือเปล่าอาเฟย”
ฟ่านเทียนเผยคล้ายเห็นว่าน้องเขยเหมือนมีอะไรจะพูด เขาจึงเอ่ยถาม
“กองกำลังไม่ทราบจำนวนมีอยู่ที่บนเขาของเมืองตงไค่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคาดว่าไม่น่าเกินสิบวันน่าจะมีคำตอบได้ว่า ใช่กองกำลังเดียวกันหรือไม่กับที่องค์ชายสามกล่าวถึง”
อาเฟยตอบกลับ เขาคิดว่าเรื่องที่หอขายข่าวได้มากับเรื่องที่องค์ชายสามพูดถึงน่าจะเชื่อมโยงกัน
“เจ้าทราบข้อมูลนี้มาจากที่ใด”
หลานหยางคุนแปลกใจที่น้องเขยของสหายผู้นี้มีข้อมูลเดียวกับเขา
“กระหม่อมขอถามว่า พระองค์คงได้ข่าวสารเรื่องนี้มาจากหอขายข่าวมู่ตานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
อาเฟยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามหลานหยางคุน แต่เลือกที่จะถามกลับ เรื่องนี้เหอหลันฮวาฮูหยินของเขาพูดแล้วว่า หากพี่ชายต่างแซ่ถามก็ให้ตอบตามความเป็นจริง และให้เขารับเป็นเจ้าของหอประมูลและหอขายข่าวมู่ตาน
เมื่อหลานหยางคุนพยักหน้าอาเฟยจึงตอบกลับเช่นกัน
“กระหม่อมได้ข่าวสารมาจากหอขายข่าวมู่ตาน พระองค์น่าจะทราบว่าหอขายข่าวมู่ตานข้อมูลไม่เคยผิดพลาด แม้ว่าจะเปิดมาเพียงไม่นานก็ตาม
ส่วนเรื่องที่พระองค์ต้องการทราบว่ากระหม่อมเอาข้อมูลมาได้ยังไงนั้น กระหม่อมตอบได้เพียงว่าความคิดของพระองค์นั้นถูกต้องแล้ว และเรื่องนี้กระหม่อมหวังว่าองค์ชายจะเก็บเรื่องนี้ไว้โดยไม่เปิดเผยกับผู้ใด”
อาเฟยเลือกที่จะให้ทั้งสองคิดเองว่าคำตอบของเขาคืออะไร ต่อให้ตอนนี้อาเฟยจะไม่มีความทรงจำเก่าก่อนหลงเหลือ แต่ความฉลาดและเล่ห์กลของเขาย่อมไม่หายไปด้วย
ฟ่านเทียนเผยเข้าใจในความหมายของอาเฟย เขาคิดว่าหอข่ายข่าวย่อมต้องเป็นของน้องสาวต่างแซ่เป็นแน่แท้ และความคิดของหลานหยางคุนไม่แตกต่างไปจากฟ่านเทียนเผยนัก
หลานหยางคุนมองว่าอาเฟยคนนี้ไม่ธรรมดา ต่อให้หอขายข่าวจะเป็นของเหอหลันฮวา แต่การบริหารและจัดการย่อมต้องเป็นของอาเฟย และคนดูแลย่อมต้องมีความสามารถไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นเพียงหนึ่งเดือนจะทำให้ชาวบ้านและเหล่าขุนนางจะรู้จักหอขายข่าวมู่ตานได้อย่างไร แต่เดี๋ยวก่อนนะ หอประมูลมู่ตาน หอขายข่าวมู่ตาน
“เจ้าอย่าบอกนะว่า หอขายข่าวมู่ตานและหอประมูลมู่ตานมีเจ้าของคนเดียวกัน”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ทั้งสองหอที่องค์ชายกล่าวมา มีเจ้าของคนเดียวกัน”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าล่ะสะใจนัก มีทุกอย่างอยู่ในกำมือ แต่กลับมาพลาดเพราะความมักมากของตนเอง พี่ชายข้าคนนี้ช่างโง่เขลาสิ้นดี”
หลานหยางคุนหัวเราะร่วนด้วยความสะใจและสมน้ำหน้าพี่ชายต่างมารดา แทนที่จะได้อำนาจจากฝ่ายตระกูลฟ่านและมีของแถมคือฐานะเจ้าของหอประมูลมู่ตาน ทว่ากลับไม่เหลือสิ่งใดเพราะความมักมากของตน ส่วนตัวเขาเชื่อว่าเรื่องระหว่างคุณหนูใหญ่เหอและอาเฟยย่อมต้องมีเบื้องหลัง และเรื่องนี้นั้นย่อมต้องมาจากน้องสาวต่างมารดาของนาง
“ส่วนเจ้าอาเฟย ข้าพอจะรู้ว่าตัวเจ้าเองไม่มีความทรงจำเหลืออยู่ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ใด เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่ ข้าพอจะรู้จักหมอเทวดาคนหนึ่ง แต่เจ้าหมอนี่อยู่ไม่เป็นที่อาจจะต้องใช้เวลา”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ให้มันเป็นไปตามกาลเวลาดีกว่า กระหม่อมเชื่อว่าวันหนึ่งความทรงจำของกระหม่อมย่อมต้องกลับคืนมา”
อาเฟยเลือกที่จะปฏิเสธการรักษาในเวลานี้ เพราะกลัวว่าเมื่อรู้เบื้องหลังของตนเอง จะทำให้เกิดอันตรายต่อภรรยา เขาจึงขอเป็นอาเฟยสามีบ่าวตัดฟืนของเหอหลันฮวาเช่นเดิม รอให้เขาแข็งแรงในทุก ๆ ด้าน แล้วค่อยหาวิธีฟื้นความทรงจำ
“อืมแล้วแต่เจ้าเถอะ ต้องการเมื่อไหร่มาแจ้งข้าได้ทันที เจ้าเองเปรียบเสมือนสหายของข้าเช่นกัน”
“นี่ท่านกำลังหลอกล่ออาเฟยให้เป็นพวกเดียวกับท่านใช่หรือไม่”
ฟ่านเทียนเผยเอ่ยล้อ เบื้องหลังของน้องสาวต่างแซ่อย่างเหอหลันฮวา เขาเองก็เพิ่งจะรู้วันนี้เช่นกัน
“ข้าไม่เคยหลอกล่อผู้ใด เจ้าเองน่าจะรู้ว่าข้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ข้าอยากมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบ”
หลานหยางคุนตอบกลับ เขาคิดว่าตนเองนั้นไม่เหมาะที่จะปกครองแคว้น เขาต้องการใช้ชีวิตอยู่กับพระมารดาอย่างสงบ
“ท่านไม่เหมาะแล้วใครกันเล่าที่เหมาะ”
ในแคว้นนี้ผู้ที่น่าจะได้ตำแหน่งมากที่สุดคงจะมีเพียงองค์ชายสามเท่านั้น
“จริงสิ เดือนห้าใกล้จะเข้ามาแล้ว ข้าจะส่งเทียบเชิญให้เจ้ากับฮูหยินของเจ้า ตำหนักของพระมารดาจะจัดงานเลี้ยงน้ำชา เจ้าอย่าลืมพาฮูหยินมาล่ะ”
งานเลี้ยงน้ำชาอย่างไรเขาต้องให้หัวหน้าขันทีส่งเทียบเชิญให้กับบรรดาฮูหยินของขุนนาง คุณหนูทั้งหลายอยู่แล้ว งานครั้งนี้คล้ายกับจะมองหาว่าที่ชายาให้กับเขาด้วย
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะแจ้งให้ฮูหยินของกระหม่อมทราบ”
อาเฟยรับคำ จากนั้นทั้งสามคนยังคงคุยเรื่องทั่วไปอีกพักใหญ่ ก่อนที่หลานหยางคุนจะกลับตำหนัก และฟ่านเทียนเผยเองก็พาอาเฟยมาศึกษางานเรื่องการค้า ก่อนจะสั่งให้บ่าวคนสนิทส่งเทียบเชิญให้กับใครอีกหลายคนเพื่อนัดขอพบที่นี่ในวันพรุ่งนี้
เหอหลันฮวาเมื่ออาเฟยไม่อยู่ นางจึงกลับเข้ามาห้องเดิมของท่านแม่ของนาง ก่อนจะให้หลันจิงมาช่วยฝนหมึก เนื่องจากนางต้องการเขียนจดหมายและส่งข่าวไปถึงพี่ชายทั้งสอง
“ฮูหยินจะส่งข่าวถึงคุณชายทั้งสองคนหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ข้าตั้งใจจะเขียนจดหมายบอกกล่าวท่านพี่ทั้งสองของข้า ในเมื่อน้องสาวเช่นข้าแต่งงานมีครอบครัว ท่านพี่ควรที่จะรับรู้ด้วยไม่ใช่หรืออย่างไร”
เหอหลันฮวาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา นางตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องของท่านแม่ และเรื่องที่นางเกือบต้องจบชีวิตคล้ายกับท่านแม่
นางเชื่อว่าพี่ใหญ่และพี่รองเมื่อรับจดหมายฉบับนี้ย่อมต้องรีบกลับมา เพราะชายแดนอยู่ในสถานการณ์ที่สงบ ดังนั้นสามารถลางานจากท่านลุงได้ ในเมื่อกองทัพที่พี่ชายนางอยู่คือกองทัพฟ่านและอยู่ภายใต้แม่ทัพใหญ่ฟ่านซึ่งนั่นคือท่านลุงของนาง
หลันจิงคล้ายจะเข้าใจความคิดของเหอหลันฮวาฮูหยินของตน ก่อนจะทำหน้าที่ช่วยฝนหมึกต่อไป