EP.4
“นี่นาย! ไหนบอกว่าสามชั่วโมงไงล่ะ แล้วนี่อะไร นายให้ฉันรอตั้งนาน นายนี่แย่จริงๆ ทำให้ฉันเสียเวลาทั้งวัน แล้วนายก็มาทำกับแบบเนี้ย นายมันแย่ แย่! แย่!”
“นี่คุณ!”
“นายมันแย่!”
“คุณ! เว้นช่องไฟให้ผมพูดบ้าง”
“ก็นายไม่รักษาเวลา”
“ใครกันแน่ที่ไม่รักษาเวลา นี่คุณดูปากผมนะ ‘ผมนะเสร็จตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้ว’ แต่คุณน่ะหลับ แล้วจะให้ผมทำยังไง จนจะค่ำแล้วก็ยังไม่ตื่น จนผมต้องเขี่ยอยู่นี่ไง คิดว่าหลับตายคารถไปแล้ว”
ผู้ชายที่ยืนประจันหน้าชูก้านดอกหญ้าในมือเป็นหลักฐานว่าเขาทำจริง แต่นั่นยิ่งทำให้ปานฤทัยโมโห ไม่รู้ว่าดอกหญ้าพวกนี้สกปรกหรือเปล่า แล้วหล่อนจะแพ้ไหม
“จะบ้าหรือไง ใครจะไปหลับขนาดนั้น”
“ก็คุณไง! นาฬิกาไม่ได้บอกเวลาเหรอ”
ปานฤทัยหน้าม้าน เพราะจริงอย่างที่เขาบอก แต่ก็นึกโกรธที่เขาให้เธอนอนหลับยาวโดยไม่คิดจะเรียกก่อนหน้านี้
“แล้วนายกล้าดียังไงเอาของแบบนี้มาถูกหน้าฉัน ถ้าหน้าฉันแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง นายรู้ไหมว่าฉันจะเสียหายแค่ไหน”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เมียมีสิวมีฝ้าบ้างนิดหน่อย ผมว่าเป็นธรรมชาติดี ไม่ใช่หน้าหนาสามศอกต้องเอาชะแลงมางัด ผิวเน่ากันพอดี ไม่เคยเจอออกซิเจน”
“นาย!”
ปานฤทัยกัดปากตัวเองแน่นพยายามเรียกลมหายใจเข้าปอด ‘ท่องไว้ๆ หนูใจ ยุบหนอ พองหนอ อึ๊ยยยยย... ไอ้หมอบ้า!”
“นินทาผมน่ะ ได้ยินนะ”
“บ้าหรือไง! ใครจะบ้านินทานาย นี่นายไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย สรุปว่าพร้อมจะฟังเงื่อนไขของฉันหรือยัง”
“ยัง”
“นี่นาย! นายให้ฉันรอตั้งนานแล้วนายจะมาพูดแบบนี้อีกเหรอ”
“ก็พร้อมนั่นแหละ แต่ต้องไปคุยที่บ้านผม อนามัยเขาจะปิดอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาก็ดับไฟ จะมายืนคุยอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
“งั้นนายก็ขับรถนายนำไปเลย ฉันจะขับตาม”
ปานฤทัยมองไปทั่วบริเวณและก็เห็นรถโฟวิลคันโตจอดอยู่ในที่จอดรถของอนามัยซึ่งก็มีเพียงตาข่ายพลาสติกมุงไว้อย่างลวกๆ หล่อนหันมองใบหน้าคีรินทร์จะบอกให้เขาไปเอารถ ทว่าแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าสาดส่องมาจากด้านหลังของเขากลับทำให้หล่อนอึ้ง
‘หล่อ’ คำจำกัดความได้แค่คำนี้เท่านั้น ถ้าไม่ติดที่ว่าเขากับหล่อนต้องตกลงเงื่อนไขกันให้เรียบร้อยซะก่อนถึงจะญาติดีกันได้ หล่อนคงจะจีบเขาไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าที่หล่อนจะเปิดตัวสักชิ้นแน่ เพราะนายนี่คงอยู่ในชมรม ‘หมอหล่อบอกต่อด้วย’ นั่นเท่ากับจะเรียกลูกค้าให้หล่อนได้อีกเท่าตัว
“อย่ามองนานสิ ผมเขิน ผมรู้ว่าผมหล่อ ไม่ต้องชมในใจด้วย”
“บ้าน่ะสิ! ไปถอยรถนายมาเลย”
“ไม่ได้ขับรถไป”
“อ้าว... ไม่ขับรถไป แล้วจะไปยังไง”
“ก็บ้านอยู่แค่ตรงเนี้ย เดินไปก็ได้ รถก็จอดไว้นี่แหละ”
“ไหน… ตรงไหนบ้าน ไม่เห็นจะมีสักหลัง มีแต่ต้นไม้”
“คุณไม่รู้อะไรซะแล้ว บางทีต้นไม้พวกนี้... อาจเป็นบ้านก็ได้นะ”
“บ้าน... บ้านของใคร อย่าบอกนะว่านายมีต้นไม้”
“ไม่ใช่... ผมหมายถึงคนที่สิงในต้นไม้น่ะ”
ปานฤทัยอึ้งก่อนจะหน้าตาตื่นเมื่อเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา
“นาย... บ้าหรือไง!”
“หึหึ... จะคุยก็รีบตามมาเร็วๆ ผมหิวข้าวแล้วด้วย”
เขาหันกลับและออกเดินโดยไม่สนใจหล่อนสักนิด ปานฤทัยหันรีหันขวาง บรรยากาศรอบกายค่อยๆ สลัวลงและต้นไม้รอบด้านก็ดูอึมครึมมากด้วยเช่นกัน รีบคว้ากระเป๋าสะพาย กดล็อกรถ ก่อนจะก้าวตามเขาอย่างเร็ว
“นี่นาย! รอฉันด้วย รอฉันด้วย! ว้าย!”
ปานฤทัยเร่งรีบจะก้าวให้ทันแต่ความสลัวกับพื้นดินขรุขระก็ทำให้หล่อนถลาไปข้างหน้า ดวงตาหลับปี๋ หัวใจหล่นวูบเพราะคาดเดาถึงความเจ็บที่จะได้รับ แต่กลายเป็นว่าไม่เจ็บสักนิด และจากสัมผัสก็รู้ว่ามีอ้อมแขนแข็งแกร่งรับเอาไว้ แน่นอนว่าเป็นเขา ทว่าดวงตาคมมีแววล้อเลียนอยู่ใกล้แค่คืบก็ทำให้หล่อนผละห่าง
“นาย...”
“แหม... คุณว่าที่เมีย เจอกันครั้งแรกก็อ้อยแล้วนะครับ แบบนี้คงจะหวานน่าดู”
“นาย... ไอ้บ้า! ปล่อยฉันสิ!”
“พูดไม่เพราะแบบเนี้ย น่าจะจับจูบจะให้เข็ด”
“ไอ้บ้า! ไอ้... ไอ้... ไอ้หมอบ้า!”
คำด่าแบบผู้ดีนึกคำไม่ออกสลับกับเสียงวี้ดว้ายของปานฤทัยเมื่อเขาโน้มหน้าจะจูบทำให้คีรินทร์หัวเราะร่วน ปานฤทัยช่างเป็นสีสันให้กับท้องไร่ท้องนาจริงๆ แล้วแบบนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร คิดอย่างมาดหมายดวงตาคมเต็มไปด้วยเรื่องสนุก และจะเริ่มต้นนับจากนี้
บ้านไม้ยกพื้นสูงที่ตั้งอยู่กลางสวนแม้จะหลังไม่ใหญ่แต่ก็พอมองรู้ว่าถูกสร้างจากช่างฝีมือประณีต แต่ปานฤทัยก็ไม่มีเวลาชื่นชมเพราะไม่ใกล้เลยตั้งแต่หล่อนเดินมาจากโรงพยาบาลประจำตำบลที่นายหมอบ้านนอกเรียกว่า ‘อนามัย’ และบางช่วงที่เป็นดินแฉะๆ ก็ทำให้รองเท้าส้นสูงราคาหลักแสนของหล่อนเข้าไปติด
ยิ่งเดินก็ยิ่งลำบากและยิ่งเหนื่อย จนนึกกร่นด่านายหมอบ้านนอกที่ทำให้หล่อนต้องลำบากขนาดนี้ แทนที่จะคุยๆ กันให้เสร็จ แต่เขากลับแกล้งให้หล่อนเดินมาที่นี่ และถ้าไม่เพราะเรื่องนั้นหล่อนจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด