SPACE BAR 4
ไม่รู้ว่าหลับไปนานไหมแต่มารู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนที่โดนปลุกให้มากินข้าว กดดูนาฬิกาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าตัวเองหลับไปนานเกือบสี่สิบนาที รู้สึกอายมากเลยเพราะเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าบนโต๊ะนั้นมีกับข้าววางอยู่แล้ว ฉันนอนน้ำลายยืดไหมตอนที่มีคนเข้ามาในห้อง ฮื่อ ฉันจะกล้าเดินออกจากที่นี่ได้ยังไงกันฉันอาย
“กินข้าวได้แล้ว กับข้าวจะเย็นแล้ว”
“อื้อ” พยักหน้ารับก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวนั่งบนโซฟา เสื้อแจ็กเกตสีดำล่นลงมาที่ต้นขา จำได้ว่าตอนหลับฉันหลับไปโดยที่ไม่ได้ห่มอะไรเลยนะ
“กลัวหนาวเลยหาเสื้อมาห่มให้ก่อน ที่นี่ไม่เคยซื้อผ้าห่มไว้น่ะ”
“อ้อ ขอบคุณ”
“กินข้าวเถอะ”
เรานั่งกินข้าวด้วยกันเงียบ ๆ มีบ้างที่เกรฟตักกับข้าวมาใส่จานให้ ฉันเองก็ไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไรเลยตั้งใจไว้ว่ากินเสร็จก็อาจจะขอกลับก่อนส่วนร้านกาแฟเดี๋ยวฉันจะแวะเองไม่อยากรบกวนเขา แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่กินข้าวเสร็จก็มีพนักงานเข้ามาเก็บจานออกไปทันที ส่วนเกรฟก็เดินเข้าไปคุยกับใครบางคนที่เข้ามาพร้อมกับพนักงานเก็บจาน ฉันหาจังหวะบอกอีกฝ่ายไม่ได้ กระทั่งคนที่เขาคุยด้วยเดินออกจากห้องไปเกรฟถึงได้ชวนฉันกลับ
“กลับแล้วเหรอคะคุณเกรฟ” เมื่อเดินลงมาที่ชั้นหนึ่งที่มีพนักงานทำความสะอาดอยู่นั้นก็มีคนเอ่ยถามเกรฟ ฉันที่เดินมาพร้อมกับเขาได้แต่ทำตัวเล็ก ๆ ลีบ ๆ เพราะแอบประหม่าเมื่อถูกสายตาของพนักงานที่ร้านมองมาใคร่สงสัยแบบนั้น
“กลับแล้วครับ ไปก่อนนะ”
“สวัสดีค่ะเจ้านาย”
รอกระทั่งเกรฟคุยกับพนักงานเสร็จถึงได้กลับบ้าน ไม่สิ จะบอกว่ากลับบ้านก็ไม่ถูกเสียทีเดียวเมื่อเรานั้นแวะที่ร้านกาแฟและขนมแห่งหนึ่ง เกรฟบอกว่าเป็นร้านอร่อยซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยกับเขาที่บอกว่าเป็นร้านอร่อย เพราะนี่คือร้านประจำฉันเลยก็ว่าได้แต่ส่วนใหญ่จะโทรสั่งให้ที่ร้านไปส่งเนื่องจากคอนโดกับที่ร้านไม่ได้ไกลกันมากและยังอยู่ในรัศมีที่ร้านไปส่งได้ เมนูกับข้าวของที่ร้านก็อร่อยนะ ฉันสั่งอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะ
“อาเกรฟ!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่นานก็มีร่างของเด็กวิ่งตรงเข้ามาหาเกรฟ คนถูกเรียกคล้ายจะรู้ตัวเขาย่อตัวลงก่อนจะรับคนตัวเล็กเข้ามาอุ้มไว้อย่างคุ้นเคย
“ครับ ฮึบ! โตแล้วยังวิ่งให้อุ้มนะ”
“ก็พี่แฟนอยากให้อาเกรฟอุ้มนี่นา” คนตัวเล็กที่ฉันเริ่มจำหน้าได้เอ่ยตอบเกรฟ พร้อมกับสอดแขนเล็กโอบรอบคอเกรฟไว้กันพลัดตกลงมา
“ม๊ากับป๊าไปไหน?”
“ม๊าอยู่บ้านกับน้องครับ ม๊าไม่สบายพี่แฟนกับป๊าเลยออกมาซื้อข้าวไปให้ม๊ากับน้อง ๆ” น้องแฟนตอบเกรฟอย่างฉะฉาน พูดเก่งมากเลยล่ะหน้าตาก็น่ารักจิ้มลิ้มเหลือเกิน
“เก่งจังเลย แล้วป๊าล่ะ”
“เข้าไปทำงานให้ม๊าในห้องครับ”
“อ๋อ แล้วทักทายอามิ้งหรือยัง?” เกรฟเบี่ยงตัวให้น้องแฟนได้มองเห็นฉันบ้าง
“อามิ้งสวัสดีครับ” คนตัวเล็กยกมือไหว้อย่างน่ารัก บ่งบอกได้อย่างดีว่าทั้งพ่อและแม่คงสอนมาดีมาก ๆ เลยล่ะน้องถึงได้มีกิริยาน่ารักแบบนี้
“สวัสดีค่ะ”
“พาอามิ้งดูขนมหน่อยเร็ว อาเกรฟจะเข้าไปหาป๊าเราหน่อย”
“ได้ครับ” เกรฟค่อย ๆ วางน้องแฟนลงบนพื้นรอกระทั่งหลานเขาเดินเข้ามาจับมือฉันพาเดินไปดูเค้กเจ้าตัวถึงได้เดินไปอีกมุมหนึ่ง
“อันนี้อร่อยนะครับ สูตรของมะม๊าเลย” น้องแฟนทำหน้าที่แนะนำขนมได้อย่างดีเยี่ยมเลยก็ว่าได้ เพราะความเอ็นดูและขนมในร้านอร่อยจริง ๆ ฉันจึงสั่งเค้กอย่างละหนึ่งชิ้นรวมถึงกาแฟคาลาเมลมัคคิอาโต้ ระหว่างนั่งรอขนมและเครื่องดื่มเกรฟก็เดินออกมาพร้อมกับพี่ชายเจ้าตัวที่ฉันรู้จัก
“พี่กราฟสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ สั่งอะไรหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ มีคนเชียร์เก่งมาก” เอ่ยแซวน้องแฟน ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างพอใจที่ถูกแซวแบบนั้น
“เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยง เอาขนมอย่างอื่นไปไว้ติดห้องด้วยเลย” พี่กราฟบอกอย่างใจดี แต่ว่าฉันน่ะรู้สึกเกรงใจมาก ๆ เลยนะ ไม่กล้าให้พี่เขาจ่ายให้หรอก
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ตั้งใจมาอุดหนุนค่ะ”
“แต่...”
“อย่าบังคับ เดี๋ยวจ่ายกันเอง” กระทั่งเกรฟเอ่ยช่วยพูดกับพี่กราฟ พี่กราฟถึงได้ยอมให้เราจ่ายเงินกันเอง เราคุยกันเล็กน้อยก่อนที่พี่กราฟจะขอตัวกลับส่วนฉันและเกรฟรอเครื่องดื่มและอาหารไม่นานก็กลับบ้านฉัน หมายถึงคอนโดนั่นแหละเกรฟมาส่งที่ห้องและนั่งเล่นด้วยอีกสักพักใหญ่หลังจากกินมื้อเย็นด้วยกันเสร็จเกรฟถึงได้เอ่ยบอกว่าจะกลับบ้าน และพรุ่งนี้ตอนบ่ายจะเข้ามารับไปกินข้าว
ทุกคนงงไหม?
แต่ฉันน่ะงงมาก ๆ เลย ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้พยายามเข้าหาแบบนี้กัน
ต้องคุยกับแพรแล้วแบบนี้น่ะ
(อะไรยังไง ทำไมในกลุ่มไลน์ถึงได้แซวแกกับเกรฟขนาดนั้น) น้ำเสียงติดจะแซวของแพรดังมาตามสายเมื่อเพื่อนโทรกลับเข้ามาหาหลังจากวันที่ฉันไปร้านของเกรฟเกือบ ๆ สามวัน และแน่นอนว่าระหว่างสามวันเกรฟยังติดต่อ ยังโทรหาและมารับไปกินข้าวทุกวันจนบังเอิญเจอเพื่อนของเขาและทุกคนก็พร้อมใจกันแซวเรื่องนี้ในไลน์กลุ่มที่มีแพรฉันเกรฟและเพื่อนของเขา
“เขาเป็นน้องพี่ที่คอยแบ่งงานมาให้ แล้วเจอกันบ้างเขาเลยพาไปกินข้าวแล้วก็เจอเพื่อนเขาแซวนั่นแหละ” พอเอาเข้าจริงฉันก็ไม่กล้าเล่าไปหมดทุกอย่างหรอก บางเรื่องฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้สำคัญไม่อยากพูดอะไรให้เพื่อนเป็นห่วง เพราะเป็นเพื่อนกันมานานเลยทำให้เข้าใจว่าช่วงนี้เพื่อนทำงานหนักและยุ่งมาก ๆ เรื่องไหนไม่สำคัญก็ไม่อยากพูดให้เพื่อนคิดมากก็แค่นั้น
(เกรฟจีบแกเหรอ? ถ้าใช่เตรียมกรี๊ดเลยนะ)
“กรี๊ดอะไรเล่า เขาไม่ได้จีบสักหน่อยเถอะ” ปฏิเสธสิ่งที่เพื่อนเอ่ยถาม ฉันไม่เคยคิดแบบนี้จริง ๆ เลยนะ เพราะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่ได้มีอะไรน่าดึงดูด เลยค่อนข้างมั่นใจว่าเกรฟไม่ได้สนใจฉันอยู่แน่ ๆ
(อยากจะเมาส์จังแต่ต้องทำงานแล้วนี่สิ เอางี้ถ้าปิดกองเรานัดกันไปร้านเกรฟดีไหมมีคนอยากแนะนำให้รู้จักด้วย)
“ได้เลย บอกได้เลยจะเคลียร์คิวให้เอง”
(เยี่ยม เอาละตั้งใจทำงาน พักผ่อนด้วยอย่าลืมกินข้าว โอ๊ะลืมไปว่าเดี๋ยวนี้มีคนพาไปกินข้าวแล้ว)
“แพรอย่ามาแซว” เขินร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งหน้าแล้วเนี่ย
(ฮ่า ๆ ๆ โอเคไปแล้วเจอกัน)
“เจอกัน ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย”
ก่อนวางสายไม่ลืมบอกย้ำกับเพื่อนตัวเองให้ดูแลตัวเองดี ๆ ส่วนฉันนั้นเหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้จะห้าทุ่มแล้ว งานที่รับมาจากพี่กราฟฉันทำเสร็จแล้วและส่งไดรฟ์ให้พี่กราฟแล้วจบงานพี่กราฟไปอย่างสวยงาม และตอนนี้ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำงานกับพี่กราฟ พรุ่งนี้จะเข้าไปคุยรายละเอียดและสัญญาจ้าง
ฉันคงต้องปรับตัวเองเยอะเลยล่ะ เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันทำงานร่วมกับคนอื่นแบบเต็มตัว และอีกอย่างที่สตูดิโอของพี่กราฟนั้นมีช่องยูทูปเป็นของบริษัทตัวเองด้วยทำคอนเทนต์ต่าง ๆ รวมทั้งทำงานของลูกค้าคนอื่นด้วย
เอาละ พรุ่งนี้บ่ายโมง มาลุ้นกันว่าวันแรกของการทำสัญญางานที่ใหม่ฉันจะรอดไหม
ครืด ครืด ครืด
เกือบเที่ยงคืนฉันที่อาบน้ำเพิ่งเสร็จเดินเช็ดผมกลับมาที่เตียงนอนก็ได้ยินเสียงและแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนที่นอน เป็นเกรฟที่โทรเข้ามาในเวลานี้ วันนี้ตอนเย็นเขาบอกว่าจะเข้าร้านเหล้านี่นาทำไมตอนนี้ถึงได้โทรมาล่ะ คิดกับตัวเองด้วยความสงสัยมือก็รับสายที่โทรเข้ามาพร้อมกับกดเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ลงบนเตียงนอนดังเดิม
“ฮัลโหล” เอ่ยทักปลายสายด้วยน้ำเสียงปกติ มือก็จับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กซับหยดน้ำออกจากเส้นผม
(นอนหรือยัง?) เสียงเกรฟเอ่ยถามแทรกเสียงดนตรีที่ดังเข้ามาแผ่ว ๆ
“กำลัง ทำไมเหรอ?”
(ไม่มีอะไร เปิดกล้องหน่อย) ปลายสายร้องขอ ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยและไม่ได้เปิดกล้องตามที่อีกฝ่ายบอก
“ไม่เอา ไม่เปิด จะนอนแล้ว”
(เปิดหน่อยครับ// คุณเกรฟคะ เครื่องดื่มค่ะ // ผมไม่ได้สั่งครับ เอาออกไปเถอะ // แต่หนูนาชงมาให้...) เกรฟคล้ายกับกำลังคุยกับใครสักคนฉันไม่ได้ฟังแต่เลือกที่จะเดินเอาผ้าที่ใช้ซับผมไปตากและเดินกลับมาขึ้นเตียงนอน ยื่นมือไปปิดไฟเปิดไว้เพียงโคมไฟข้างเตียงนอน
(มิ้ง)
“หือ?”
(เปิดกล้องหน่อย เฝ้าหน่อย)
“เฝ้าอะไร?” ถามอย่างไม่เข้าใจ จากน้ำเสียงทำไมถึงรู้สึกว่าเกรฟกำลังหงุดหงิดนะ
(คอลเฝ้าหน่อย นะครับ)
“ก็ได้ แต่ถ้าเราหลับก็วางสายด้วยนะ” ท้ายที่สุดก็ยอมคอลกับเกรฟ โดยที่ฉันวางโทรศัพท์พิงไว้กับหมอนอีกใบ มือหยิบไอแพดขึ้นมากดเล่นเกม ส่วนปลายสายที่ขอให้วิดีโอคอลด้วยนั้นกำลังนั่งที่เก้าอี้ทำงานคล้ายกับกำลังเคลียร์เอกสาร
(อาบน้ำแล้วเหรอ?) เกรฟพักมือที่กำลังทำงานเอ่ยถามฉันเสียงนุ่ม ต่างจากเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
“อื้อ อาบแล้วกำลังจะนอน”
(เคลียร์งานหมดแล้วใช่ไหม?) เกรฟยังถามต่อ
“ใช่ ทำหมดแล้วทั้งของพี่กราฟแล้วก็ลูกค้าส่วนตัวของเรา” ฉันอวดพร้อมกับทำหน้าดื้อ ๆ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะขอเริ่มงานหลังจากนี้สามถึงสี่วันเพราะอยากไปเที่ยวก่อนเริ่มงานแบบจริงจัง
(ดูทำหน้าเข้า) เกรฟหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะละสายตาไปอีกทางอย่างไม่พอใจ
(คุณเกรฟคะ...//ไปตามคุณภพเข้ามา // หนูเอาเครื่องดื่มมาให้ // ไปตามคุณภพมาให้ผมเดี๋ยวนี้) ดุจัง ไม่เคยเห็นเกรฟเป็นแบบนี้มาก่อนเลยล่ะ
(จะนอนเลยไหม?)
“อื้อ ง่วงแล้วอยากนอนเร็ว ๆ บ้าง” ฉันตอบ ยื่นมือไปวางไอแพดไว้ข้างเตียงที่ว่าง
(งั้นก็นอน เดี๋ยวคุยงานเสร็จจะรีบกลับ) หือ? รีบกลับ อะไรยังไง งงนะ
(คุณเกรฟครับ // แป๊บหนึ่งครับ มิ้งครับ เดี๋ยวรีบกลับนะนอนก่อนเลยเดี๋ยวเข้าห้องเอง)
“อือ” เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเกรฟเป็นยังไงเลยไม่กล้าที่จะตอบอะไรออกไปมากกว่าการเออออตามเขา
(ไม่ต้องวาง นอนพักเลย) แม้จะยังงงแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก
นอนพลิกไปมาอยู่นานโดยที่หน้าจอโทรศัพท์ยังจับมาที่ตัวเองไม่นานก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยจากการโหมเคลียร์งานอย่างหนักของตัวเองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้นอนเร็วในรอบหลายวันเลยก็ว่าได้
หลับ ทั้งที่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้กล้าหลับทั้งที่ยังคอลค้างสายกับเกรฟไว้อยู่และฝั่งเขานั้นฉันจำได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่พอตื่นนอนก็พบว่าสายวิดีโอคอลถูกตัดไปแล้วและมีข้อความจากเกรฟบอกว่ากำลังกลับบ้าน ถัดมาจากข้อความแรกเกือบสามสิบนาทีก็มีข้อความเข้ามาอีกบอกว่าถึงบ้านแล้ว รวมถึงข้อความที่บอกว่าฝันดีและจะมารับตอนเที่ยงตรงเพื่อพาไปกินข้าว
งงไหม? คิดว่างงอีกแล้วค่ะ
เขาเทคแคร์ฉันดีเกินไปมากจริง ๆ
จะถามถึงสาเหตุของการกระทำฉันก็ไม่กล้าที่จะถามออกไปตรงๆ