Key & Primrose - 5 กลายมาเป็นเพื่อนสนิท
"อ้อ เราชื่อมะตูมนะ ส่วนนี่ก็พริมโรส" พอจบประโยคมะตูมก็หันมาแนะนำตัวเองพร้อมกับแนะนำชื่อของฉันให้นทีรู้จัก ส่วนนทีเองก็แนะนำตัวเองพร้อมทั้งเพื่อนๆ อีกสองคนของเขาด้วยเหมือนกัน
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ นี่ฟาโรห์ ส่วนคนนี้ชื่อคีย์"
"สวัสดี" คนที่ชื่อฟาโรห์พูด
ฉันกับไผ่หลิวจึงหันไปส่งยิ้มให้ทั้งฟาโรห์และคีย์
ฟาโรห์ก็คือคนที่หน้าคมๆ แบดๆ คนนั้นนั่นแหละ วันนั้นที่เจอกัน อีกฝ่ายดูเป็นคนที่ค่อนข้างสบายๆ ที่สุดในกลุ่ม พอเจอวันนี้ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ส่วนอีกคนที่ชื่อคีย์…
ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่านะ ฉันสังเกตว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ค่อยจอยกับที่นี่เท่าไหร่ เพราะตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ อย่างมากที่สุดก็ส่งยิ้มมาแบบขอไปที
ก่อนที่พวกมะตูมกับไผ่หลิวจะเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน เริ่มที่นทีที่เอาแต่ถามนั่นนี่ไผ่หลิว หผ่หลิวมักเป็นคนชอบช่วยเหลือนั่นก็เลยทำให้เธอคิยให้คำตอบนทีจนกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่กำลังนั่งจับคู่คุยกันก็ไม่ปาน
"จริงหรอ? ที่นนน่าเที่ยวดีเหมือนกันนะ นี่แก พวกเราไปเที่ยวที่นนกันม้ะ? นทีจะเป็นคนอาสาพาเที่ยวเองเลยนะ"
ไวมากก ฉันไม่ได้พูดออกไป แต่ใช้เวลาแค่ไม่นานยัยไผ่หลิวก็ยอมจะไปเที่ยวกับเขาซะแล้วหรอเนี่ย
"ไปๆๆ ไปกัน จะได้ไปกระชับมิตรกันไง" มะตูมติบตกลงทันที ส่วนฉันก็คงจะได้แค่เออออไปสินะ
พวกเราเริ่มดื่มด้วยกันแล้วก็พูดกันไปด้วยจะมีก็แต่คนที่ชื่อคีย์นั่นแหละที่เอาแต่นั่งฟังเงียบกริบไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
แต่ไม่ว่าอย่างไรในท้ายที่สุดทั้งกลุ่มของฉันและนทีก็ได้มานั่งร่วมโต๊ะกันไปโดยปริยายโดยมีมะตูมเป็นตัวตั้งตัวตี พูดคุยกันไปก็ได้รู้ว่าพวกนทีเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายเหมือนกันเพราะที่บ้านทำธุรกิจแล้วมีคอนเนคชั่นกันก็เลยทำให้ทั้งสามได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น
นทีเป็นลูกเจ้าของร้านทองกับรับออกแบบภายในและฟาโรห์ที่บ้านทำโครงการอสังหาริททรัพย์ ส่วนคนสุดท้ายที่ชื่อคีย์ที่ของเขาทำรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่
ตอนแรกฉันก็คิดว่ากลุ่ทของนทีนั้นจะเข้ามาเพื่อหวังเรื่องอื่น แต่ผิดคาดพวกเราดันคุยกันสนุกและถูกคอจริงๆ จนถึงกับสร้างกลุ่มไลน์ที่มีพวกเราทั้งหกคนอยู่ในนั้นครบ
"แล้วเธอเป็นคนกทม.ตั้งแต่เกิดเลยหรอ?"
ฟาโรห์ถามฉันตอนที่ฉันกำลังจะหยิบขนมเข้าปาก
"อื้อ ตั้งแต่เกิดก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เพิ่งจะได้แยกออกจากที่บ้านก็ตอนมหาลัยเหมือนกัน" ฉันตอบ
"พ่อกับแม่ไม่เป็นห่วงแย่หรอแบบนี้? เป็นผู้หญิงด้วย" ฟาโรห์ถามต่อด้วยความสงสัย
"ก็ห่วงแหละ แต่พอดีฉันขอพ่อมาซื้อคอนโดอยู่กับมะตูมอะก็เลยไม่ได้ติดปัญหาอะไรมาก"
ใช่แล้ว ฉันกับมะตูมอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นกว่าจะทำให้พ่อวางใจได้ก็ยากอยู่เหมือนกันแต่พอดีว่าแม่กับมะตูมดันรู้จักกับแม่ฉัน นั่นก็เลยทำให้พ่อยอมอนุญาต ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม
"หืม? นอนห้องเดียวกันเลยหรอ?" ฟาโรห์ถามอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูแปลกใจ ฉันก็เข้าใจได้นะว่าผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันยังไงมันก็มองว่าเป็นห่วงอยู่ดี
"อ๋อ ยัยโรสชีบ้านรวยจ้า นางซื้อคอนโดแยกห้อง ไม่ได้นอนด้วยกันหรอก แค่ฟีลเพื่อนข้างบ้านมั้ง ฮ่าๆๆ"
เป็นมะตูมที่ตอบคำถามให้ ส่วนฟาโรห์ที่ได้ยินก็หายสงสัย
"แล้วพวกฟาโรห์ล่ะ ได้อยู่ด้วยกันมั้ย?" ฉันถามกลับบ้าง
"ก็ไม่เชิงเพราะหาห้องแล้วมันเต็ม ก็เลยได้แค่อยู่ใกล้ๆ กันแทนน่ะ"
"แบบนี้ก็น่าเสียดายแย่เลยสิ อุตส่าห์มาเรียนที่เดียวกัน" มะตูมตอบ ก่อนที่ฟาโรห์จะยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่ขนาดนั้น เพราะว่าอย่างน้อยๆ นทีก็อยู่คอนโดโครงการเดียวกันกับฟาโรห์ มีก็แต่คนที่ชื่อคีย์ที่แยกไปอยู่อีกคอนโด
ฉันแอบหันไปมองคีย์อยู่ครู่หนึ่ง มาถึงขนาดนี้เขายัยแทบจะไม่พูดอะไรจนฉันนึกสงสัย
"เอ้อ! ว่าแต่คีย์ปกติเป็นคนเงียบๆ แบบนี้ตลอดเลยหรอ?" มะตูมถาม
นั่นเป็นคำถามที่ฉันอยากจะถามมาตลอด นี่มะตูมรู้ใจฉันหรือเปล่านะ ไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาทำตัวแปลกจริงๆ จนทั้งฉันและมะตูมต่างก็สงสัยเหมือนกันแน่ๆ
"ฮ่าๆๆๆ ! ไม่หรอก มันพูดได้ ใช่มั้ยไอ้คีย์" พูดจบฟาโรห์ก็หันไปตบไหล่คีย์ดังปุๆ ก่อนคีย์จะหันมายิ้มให้ นั่นเป็นครั้งแรกในหลายชั่วโมงที่คีย์เลิกทำหน้าเหวี่ยง
เขาทำสีหน้าเหมือนเบื่อจัด ๆ ก่อนจะยอมยิ้มออกมาแค่เล็กน้อย
"ก็ไม่รู้จะพูดอะไร พวกมึงแย่งกันพูดหมดแล้ว อีกอย่างกูไม่ใช่คนพูดมากเหมือนพวกมึง"
คำแรกที่พูดมาก็ท็อปฟอร์มเลยจริงๆ เพราะอ้าปากมาก็แซะเพื่อนตัวเองไปเลยหนึ่งที
"ฮ่าๆๆ พูดน้อยต่อยหนักน่าดู" มะตูมชอบใจหัวเราะใหญ่ ส่วนฉันก็ขำตามเสียงหัวเราะของมะตูมเพราะได้ยินทีไรก็ต้องขำตามมุกที
"หึๆ" เขาหัวเราะในลำคอตามสถานการณ์ ก่อนจะพูดอีกว่า "กูพูดเรื่องจริงป่ะ" ก่อนจะหันกลับไปดื่มเครื่องดื่มในแก้วของตัวเองต่อ
ในตอนนั้นทุกคนต่างหัวเราะกับมุกของคีย์ มีก็แต่ฉันนี่แหละที่ไม่ได้รู้สึกขำด้วย หรือบางทีฉันอาจจะแค่กลัวเขามากไปก็ได้มั้ง