Key & Primrose - 2 คุ้น ๆ
ไม่นานมะตูมก็กดตัดสายแล้วหันมาสะกิดแขนฉันอีกครั้ง
“มึง.. เห็นม้ะ โต๊ะข้างๆ อะ”
“โต๊ะไหน?”
“โอ๊ย นี่ก็อีกคน ตาไม่มีเรดาห์เอาซะเลย” มะตูมเริ่มจะเหลือทนกับความเซ่อซ่าของฉัน นังถอนหายใจเหมือนจะเอือมระอา
“อ้าว ก็ไม่เห็นอะ บอกหน่อยสิ” ฉันเองที่กลั้นความอยากรู้ไม่ไหวก็รีบคะยั้นคะยออีกฝ่ายต่ออย่างไม่นึกย่อท้อ จนมะตูมเริ่มขยับหน้าเขามาใกล้ๆ
“ข้างซ้่ายมึงจ้า คนเสื้อเชิ้ตสีน้ำงเงิน ขาวโอโม่มากแม่”
ขวับ!
ฉันที่ฟังจบ ความอยากรู้ที่อัดอั้นจนแทบล้นก็สั่งงานให้หน้่าของฉันเอี้ยวไปทางด้านซ้ายของตัวเองทันที แล้วรีบกวาดสายตามองหาทุกโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะโดนมือของมะตูมมาดึงแขนพร้อมกับร้องแหวออกมาเพื่อปรามฉันอีกเป็นชุด
“ว๊าย อิพริมโรส มึงนี่! เดี๋ยวโป๊ะแตกหมด”
“อ๊าว… ก็ไม่เห็นนี่ แล้วเขานั่งอยู่ไหนอะ” ฉันเองเริ่มชักจะตื่นเต้น เพราะการได้นั่งมองคนหล่อๆ แล้วฟังมะตูมเล่าเรื่องก็เป็นอีกอย่างที่ฆ่าเวลาแะมมีอรรถรสสุดๆ
“นั่นไงง เขาหันมามองมึงแล้วน่ะ”
ฉันได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอายขึ้นมาทันที คงเพราะจะรู้ตัวแล้วว่าถูกฉันมองแน่ๆ
“จริงหรอมึง แล้วตอนนี้เขาหันกลับไปรึยัง?” ฉันพยายามทำเป็นไม่ได้สนใจ แต่ปากก็ถามอีกฝ่ายไม่หยุดว่าชายหนุ่มคนนั้นเขาเลิกสงสัยฉันแล้วหรือยัง
“ยังง” มะตูมตอบกลับก่อนในขณะที่มือยังสะกิดแขนฉันยิกๆ
“เนี่ย เขารู้ตัวแล้วแน่ๆ อิโรสส มึงโดนเขาจับได้แล้วแน่ๆ”
“โอ๊ย ไม่นะ มึง.. กูไม่ได้ตั้งใจอะ แคอยากรู้เฉยๆ เอง” ฉันรีบลนลาน บอกให้มะตูมทำทีเป็นคุยเล่นกับฉันแทนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ ส่วนมะตูมเองก็ยอมทำตามแต่โดยดีเพราะหวังว่าเหตุการณ์แสนน่าตื่นเต้นนี้จะค่อยๆ คลี่คลายลง กระทั่งอีกฝ่ายนั้นเลิกสนใจที่เราแล้ว
“เลิกโวยวายได้แล้ว เขาหันกลับไปละ” สักพักมะตูมก็บอกเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างนั้นกลับมาเป็นปกติดี ก่อนที่ฉันจะรู้สึกโล่งอกแล้วยอมทำตัวตามปกติ
“เห้อ ถ้าเขาจับได้เขาต้องหาว่าฉันมองเขาแน่ๆ เลยอะ”
“แหม ก็เออน่ะสิ สอนกี่ครั้งไม่เคยจะจำ ไม่มีศิลปะในการมองผู้ชายเลยนะมึง” มะตูมว่าต่อ
"มึงนี่ไม่มีชั้นเชิงในการมองผู้เลยนะ"
"มาแล้ววว"
ก่อนจะมีเสียงใสๆ ของใครบางคนดังขึ้น มันดังจนกลบเสียงเพลงในผับได้เลยจนทั้งฉันและมะตูมต้องหันไปพร้อมๆ กัน
ใครอีกคนที่มาใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก
"อีไผ่หลิววว!" มะตูมเรียกชื่ออีกฝ่ายกลับเสียงดังเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งสองจะกรี๊ดกร๊าดกันตามประสาสายเม้าท์สายจอย
ทั้งมะตูมและไผ่หลิวยิ้มหน้าบานอ้าแขนออกพร้อมกับวิ่งเข้าไปหากันก่อนจะกอดกันแล้วกระโดดกระดี๊กระด๊ากันอยู่สองคน
เอาจริงๆ ฉันเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันนะว่าดีใจที่ได้เจอกันขนาดนั้นเลยหรอ เพราะว่าเมื่อเช้าพวกเราก็เพิ่งจะเจอกันเอง
ฉันนึกก่อนจะมองทั้งสองคนจับมือแล้วกระโดดเป็นวงกลมจนผู้หญิงโต๊ะข้างยังขำ
โอ๊ย เวลาสองคนนี้เจอกันทีไรมันมักจะมีคอนเท้นท์ตลอดเลยสินะ
มะตูมทั้งกรี๊ดทั้งชมไผ่หลิวไม่หยุด เพราะว่าวันนี้ไผ่หลิวแต่งตัวมาน่ารักเซ็กซี่มาก ส่วนไผ่หลิวก็ชอบใจที่ถูกมะตูมชมรีบยิ้มแล้วหมุนตัวให้อีกฝ่ายดู
"ปังมากจ้าหนูหลิว เด็กปั้นของเจ้" ทุกครั้งที่ไผ่หลิวทำดีถูกใจ มะตูมก็มักจะพูดคำนี้ออกมาพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามให้อีกคนเพื่อความอรรถรส
"จ้าๆ เริ่มกันได้รึยังเนี่ย โต๊ะข้างๆ มองหมดแล้ว" ส่วนฉันเองที่เริ่มเห็นว่าทั้งสองดี๊ด๊าเกินเหตุจนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจกันหมดแล้วจึงรีบแทรกเสียงเข้าไปช็อตฟีลพวกหล่อนให้กลับมาสนใจที่ฉันก่อน
ส่วนไผ่หลิวก็รีบเดินมานั่งที่โต๊ะก่อนจะยกมือขึ้นเรียกเด็กในผับให้มารับออร์เดอร์
"แล้วไหนล่ะหนุ่มหล่อที่มึงบอก?" ไผ่หลิวที่พอนั่งได้ปุ๊ปก็ชะโงกหน้าเข้ามาถามมะตูมทันที ก่อนจะบุ้ยปากแล้วส่งสายตาไปที่โต๊ะข้างๆ เป็นสัญญาณให้มองตามไป ไผ่หลิวที่ได้รับสัญญาณก็ค่อยไปทำทีเป็นว่าหันไปมองนกมองไม้ทางนั้นทันที
นี่สินะ… การแอบมองอย่างมีชั้นเชิงที่มะตูมบอก ฉันนึก
ก่อนที่สักพักจะหน้าขวับกลับมาพร้อมสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไป
"มึง! พริมโรส!" สองมือถูกยกขึ้นมาจับแขนของฉันและมะตูมไว้ ดวงตากลมสวยของไผ่หลิวเบิกขึ้นเหมือนกับคนเจอผีก่อนที่จะเรียกชื่อฉันและมะตูมออกมา
"มีอะไรอะ?" ฉันมีปฏิกิริยาตอบกลับไปทันที
"ก็คนหล่อโต๊ะข้างๆ ที่มะตูมว่าน่ะสิ จำกันไม่ได้หรอ?"
ไผ่หลิวเอ่ย ส่วนฉันและมะตูมที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงหันมาสบตากันก่อนจะหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอฟังสิ่งที่ไผ่หลิวจะบอกต่อ