“เออน่า” ผมกระชากเรื่องน่าปวดหัวทิ้งไปแล้วหันมาสนใจเกมในโทรศัพท์ต่อระหว่างรอเข้างาน
“แหม กูละอิจฉาคนฮอตอย่างมึงจริง ๆ พาสังขารศพ ๆ มาทำงานแขกแม่งก็ยังไม่บ่นสักคำ” ไอ้วินกระแนะกระแหนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่เชื่อเถอะ...ในชีวิตการทำงาน คนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน
โชคดีของผมอีกนั่นแหละที่พี่จุนเจ้าของคลับเป็นเพื่อนสนิทของพี่โฮป เลยทำให้เราสองคนสนิทสนมกันประมาณหนึ่ง อยู่ที่นี่ผมจึงไม่ค่อยโดนข่มเท่าไหร่
หรือถ้าโดน ก็โดนแบบไม่รุนแรงอะไร
“เฮ้ย วันนี้พี่แตงกวาไม่มาทำงานนะ เห็นว่าตกบันไดแขนหัก ต้องนอนโรง’บาลหลายวันเลย”
ผ่านไปราว ๆ สองนาทีเห็นจะได้ ประตูห้องแต่งตัวก็ถูกเปิดพรวดเข้ามาพร้อมกับข่าวร้าย ซึ่งไอ้คนที่ทำเสียงตื่นตระหนกอยู่ตรงนั้นเป็นหนึ่งใน Demon เช่นกัน
ที่นี่มีโคดี้สี่คน สองในสี่เพิ่งลาออกด้วยเหตุผลที่ว่าเลิกงานดึกเกินไป
ส่วนพี่แตงกวาจะเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ Demon Top 10 แต่วันนี้เธอไม่มา นั่นเท่ากับว่าเหลือพี่ซอว์คนเดียวที่ต้องรับผิดชอบพวกเราทั้งหมดในคืนนี้
อุตส่าห์หนีมานั่งเล่นเกมในห้องพี่แตงกวาแล้วแท้ ๆ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่ซอว์อยู่ดี เฮ้อ
ถึงจะอยากเห็นหน้าเธอ แต่เข้าใจใช่ไหม...บางทีผมก็เจ็บที่ต้องมองหน้าหรืออยู่ใกล้
ยิ่งนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ช่วงกลางวัน ตอนพี่ซอว์ถูกพี่โฮปอุ้มเข้าไปในห้อง ภาพนั้นยิ่งทำให้ผมขุ่นเคืองจนต้องกระแทกปลายนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์ กระแทกมันอยู่อย่างนั้นราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยบรรเทาความหงุดหงิดทั้งหมดได้
หลังจากนั้นหลายนาที
“ไอ้เกรย์! มึงเข้าไปได้เลย รีบ ๆ ด้วย”
เสียงของใครสักคนทำให้ผมซึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่หน้าห้องแต่งตัวต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่า Demon คนอื่น ๆ แต่งตัวทำผมกันเรียบร้อยเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ผมที่ยังไม่ได้ทำแม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า
จะว่ายังไงดีละ...
ห้องของ Top 5 กับ Top 10 ถูกแยกออกจากกัน ดังนั้นเสื้อผ้าที่ผมควรจะเอามาเปลี่ยนเองตั้งแต่แรกจึงอยู่ในห้องที่พี่ซอว์เป็นโคดี้ประจำ ด้วยความที่วันนี้ทุกอย่างวุ่นวายเป็นพิเศษ ผมจึงไม่อยากเข้าไปเบียดเสียดให้ตัวเองหงุดหงิดกว่าเดิม เลยคิดว่ารอตอนคนซาสักหน่อยดีกว่า
ผมถอนหายใจแล้วผลักบานประตูเข้าไป จินตนาการในหัวไว้ว่าพี่ซอว์น่าจะกำลังทำผมให้ Demon อีกสองสามคนอยู่และคงใกล้เสร็จแล้ว แต่ในความเป็นจริง นอกจากเธอแล้ว...ไม่มีใครเลย
ผมชะงักอยู่ข้าง ๆ บานประตูที่เพิ่งปิดสนิท
“ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด?”
“...” โดนดุแน่
“ทำไมนายเอ้อระเหยขนาดนี้นะเกรย์ ทั้งที่การเปลี่ยนชุดมันไม่ได้ยากเลย” พี่ซอว์หงุดหงิด ซึ่งผมก็เตรียมตัวมาให้เธอด่าล่วงหน้าแล้ว
เหตุผลของการเอ้อระเหยลอยชายคงมาจากการที่วันนี้ผมไม่ค่อยมีแพสชั่นเท่าไหร่ ใจจริงอยากทำเรื่องลางานด้วยซ้ำ แต่ทำไงได้...ลูกค้าจองตัวผมแล้วนี่นา
“ครับ ผมจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” ไม่มีเวลามาคิดอะไรแล้วจึงเดินไปหยิบชุดที่แขวนไว้บนราว ชุดทำงานของ Demon นั้นจะไม่ซ้ำกันสักวัน บางวันสบาย ๆ บางวันเน้นความเนี้ยบ บางวันก็แฟชั่นจ๋า แล้วแต่ว่าแขกจะรีเควสแบบไหน
แล้วคืนนี้...ผมได้ชุดกึ่ง ๆ เครื่องแบบ
เหลือเวลาไม่กี่นาที แต่เสือกได้ชุดที่ยุ่งยากแบบนี้
“มา” พี่ซอว์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วดึงชุดเครื่องแบบนั้นไปจากมือผม “รีบ ๆ ถอดเสื้อ จะได้รีบ ๆ เปลี่ยน อ้ำอึ้งอยู่ได้”
“ครับ ๆ” ผมถอดเสื้อยืดบนตัวออกอย่างว่าง่าย จากนั้นพี่ซอว์จึงสวมเสื้อสีเข้มให้อย่างคล่องแคล่วกระทั่งถึงขั้นตอนติดกระดุมเสื้อ...ปลายนิ้วเย็นเฉียบของเธอสัมผัสโดนร่างกายผม “พี่ซอว์ครับ...”
ผมหลุบตามองเธอที่ยังคงขะมักเขม้นกับการติดกระดุมเสื้อให้ มองอยู่อย่างนั้นโดยสองมือยังคงแนบไว้ข้างลำตัว ไม่แม้แต่จะยื่นไปสัมผัส
“อะไร”
เธอถามเสียงเรียบ สองตาโฟกัสเพียงเสื้อบนตัวผม
“ตอนกลางวัน...พี่กับพี่โฮปทำอะไรกันในห้องเหรอครับ”
กึก
สิ้นคำถาม สองมือเล็ก ๆ ซึ่งกำลังจัดแจงการแต่งกายของผมให้เข้าที่ถึงกับชะงัก
ผมคงสีหน้าเดิมไว้ขณะสังเกตปฏิกิริยาของเธอ เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ปรากฏออกมาอย่างเบาบาง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างแนบเนียนและเป็นธรรมชาติ
พี่ซอว์น่ะชอบคิดว่าตัวเองเก็บอาการเก่ง คนอื่น ๆ ก็คิดแบบนั้น แต่สำหรับผมที่เฝ้าสังเกตเธอมาเกือบสิบปี แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนผมก็มองเห็น
แต่ผมแค่ไม่รู้ว่ารีแอคชันเหล่านั้นของเธอหมายถึงอะไร
ผมถามตรงจุดเกินไป หรือผม...กำลังก้าวก่ายเรื่องของผู้ใหญ่ที่เธอไม่อยากให้รู้
“อย่ายุ่ง” นิ่งไปชั่วอึดใจเธอจึงยอมตอบ ไม่สิ แบบนั้นคือการตัดบทมากกว่า “มานั่ง จะได้รีบทำผม”
พูดตัดบทอย่างไม่ไยดีเสร็จก็ใช้น้ำเสียงเข้มข้นออกคำสั่งให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้หนังตัวหนึ่งหน้ากระจกบานใหญ่ ผมแค่นหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ แม้จะยังรอคอยคำตอบที่รู้ทั้งรู้ว่าคมพอจะกรีดหัวใจตัวเองออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ในเมื่อเธอบ่ายเบี่ยง ผมคงทำอะไรไม่ได้
“...” หลังจากนั้นผมไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรอีก ทำเพียงจ้องมองพี่สาวคนสวยตรงหน้าที่กำลังจัดแต่งทรงผมให้อย่างพิถีพิถัน
วูบหนึ่ง สมองออกคำสั่งให้ผมหลุบตาลงต่ำ กระทั่งพบรอยช้ำใต้ปลายคางเธอซึ่งยังดูสดใหม่ ไหนจะริมฝีปากที่วันนี้บวมช้ำเป็นพิเศษนั่นอีก เบื้องหลังประตูบานนั้นเมื่อตอนกลางวัน มีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคนจริง ๆ สินะ
แต่คงไม่ถึงขั้น...มีอะไรกันหรอกมั้ง
ผมพยายามปลอบใจตัวเอง คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา
เมื่อก่อนผมคิดว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม คิดว่าถ้าหากรักใครสักคนขึ้นมาคงมีความสุขมากแน่ ๆ แต่ใครจะรู้ละว่าสุดท้ายแล้วความรักจะทำให้ผมกลายเป็นคนน่าเวทนาขนาดนี้
หึ...
ผมถึงกับแค่นหัวเราะให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่ภาพเมื่อวันวานจะไหลย้อนเข้ามาในหัว
...ถ้า ‘คืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน’ ผมไปหาเธอเร็วกว่านี้ ออกแรงวิ่งให้เร็วกว่านั้น กัดฟันอดทนอีกสักหน่อย ผมก็คงไม่ถูกพี่โฮปมาแย่งไป คนที่กลายเป็นหมาหัวเน่าคงไม่ใช่ผม
‘หนึ่งวินาทีก็ช้าไป’ ประโยคนี้ช่างเข้ากับผมจริง ๆ
สองชั่วโมงผ่านไป
ผมปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำเนื่องจากดื่มเบียร์มากไปหน่อย
ทว่าเปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไร สองขาก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอย่างเร่าร้อนตรงจุดอับของห้องน้ำในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ห้องน้ำของ Demon และพนักงานจะแยกออกจากห้องน้ำของลูกค้าเพื่อความเป็นส่วนตัว ดังนั้นไม่ว่าจะเงินหนาแค่ไหน ลูกค้าก็แทบไม่มีสิทธิ์เข้ามาในบริเวณนี้
แต่ลูกค้าผู้หญิงคนนั้นกับ Demon อีกคน...กลับเปลี่ยนห้องน้ำที่มีกฎเหล็กอันเคร่งครัดเป็นสถานที่ทำเรื่องไม่สมควร
“พี่โฮป”
ผมยืนดูภาพนั้นอยู่ไม่นานก็ปริปาก
และใช่ เป็นพี่โฮปกับลูกค้าคนสวย ดู ๆ แล้วสถานการณ์กำลังเตลิดไปไกล ผมเห็นวินาทีที่มือบางของคุณผู้หญิงตะปบลงตรงซิปกางเกงมันด้วย
แน่นอนว่าเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไปของผมทำให้สองคนนั้นหยุดชะงัก “...ที่นี่ห้องน้ำของดีมอน ทำไมพาแขกมาทำ...เอ่อ”
“มีที่ที่ลับตาคนกว่านี้ไหมคะน้องเกรย์” ลูกค้าคนสวยสะดุ้งพอเป็นพิธี ก่อนจะกระชับเสื้อให้เข้าที่แบบไม่รีบร้อนนัก
และอย่างที่เห็น เธอรู้จักผม ต้องรู้จักอยู่แล้วเพราะมาที่นี่บ่อยจนจำหน้ากันได้
“มีครับ แต่รู้ใช่ไหมครับว่าที่นี่มีกฎ” ผมเตือนพร้อมรอยยิ้ม
“ค่า พี่รู้น่า ทำด้วยมืออย่างเดียวก็ไม่เรียกว่ามีเพศสัมพันธ์ใช่ไหมคะ?”
“...” ผมอึ้งไปทันที แต่เธอคนนั้นกลับขยิบตาให้แล้วจูงมือพี่โฮปออกไป ทว่าก็มีบางสิ่งทำให้สองคนนั้นหยุดฝีเท้า ราวกับว่าบางสิ่งที่ว่านั้นกำลังขวางทางไว้
ผมหันกลับไปมอง และได้คำตอบว่าเบื้องหน้าพวกเขาสองคนถูกขวางไว้ด้วยร่างผอมเพรียวของพี่ซอว์
เธอยืนนิ่ง ใบหน้าปราศจากคลื่นอารมณ์ แววตาที่แทบจะไร้ความรู้สึกแผ่รังสีเยียบเย็นออกมาจนรับรู้ได้
พี่ซอว์ไม่ใช่คนขี้หึง แต่ในบางกรณีมันก็ไม่ใช่
“คุณลูกค้าซื้อเวลากี่ชั่วโมงเหรอคะ” พี่ซอว์เค้นเสียงถามผู้หญิงคนนั้น เธอดูใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ระเบิดอารมณ์
“จนกว่าคลับจะปิดเลยค่ะ” ลูกค้าคนนั้นตอบ
“อ้อ” พี่ซอว์พยักหน้า “...งั้นขอให้สนุกนะคะ”
ว่าจบพี่ซอว์ก็หันหลังเดินจากไป ส่วนพี่โฮปซึ่งกำลังเมามายได้ที่ถูกลูกค้าคนสวยลากไปอีกทาง
“พี่จะไปไหนครับ” สิ่งที่ผมทำหลังจากนั้นคือตามไปคว้ามือบางของพี่ซอว์ไว้
“กลับคอนโด ฯ” เธอตอบ “นายไปดูแลลูกค้าต่อเถอะ”
“พี่โอเคหรือเปล่า” ผมยังดื้อดึงและไม่ยอมปล่อยมือ พี่ซอว์จึงหันกลับมา สองตาขึงขังขึ้นหลายระดับ “ถ้าไม่โอเคก็บอกผม”
“ทำไมจะไม่โอเค โฮปทำงานนี้มาหลายปีแล้วนะ เขาถูกผู้หญิงมากหน้าหลายตาสัมผัสไปถึงไหนต่อไหนฉันก็ยังผ่านมาได้ ทำไมแค่นี้จะไม่โอเค!”
“พี่ซอว์”
“ปล่อยมือฉันสักที”
“เดี๋ยวผมไปส่งที่คอนโด ฯ เอง” ผมกระชับมือเธอแนบแน่นจนหยาดเหงื่อผุดซึม “แล้วถ้าไม่รังเกียจ ให้ผม...อยู่เป็นเพื่อนพี่ได้ไหม”