ความรักเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมสวยงามเสมอ

1533 คำ
เช้าของวันใหม่ เมื่อเข็มทิศขับรถออกไปได้ไม่นาน มินตราก็ต้องแปลกใจกับแขกที่มาเยือน แน่นอนหญิงวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ลูกค้าของเธอ เพราะนางคือมารดาของเข็มทิศนั่นเอง “เช้านี้ยังไม่มีลูกค้าก็ดีฉันยังไม่อยากประจานเธอ ฉันขอพูดอะไรกับเธอหน่อยสิ” นางพูดพร้อมกับใช้สายตามองหญิงสาวอย่างเหยียด “เชิญนั่งก่อนค่ะคุณน้าจะรับน้ำอะไรดีคะ เดี๋ยวมินจะทำให้ชิม ที่คุณน้าให้เกียรติเข้ามานั่งในร้านวันนี้” มารดาของเข็มทิศเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง พร้อมกับเชิดหน้าหยิ่งๆ ใส่มินตราก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเหยียดๆ ส่งไปให้เธอ “ฉันไม่ได้มาเพื่อชิมน้ำของหล่อน กำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าไม่มีธุระที่จำเป็นและสำคัญฉันคงไม่เข้ามาเหยียบร้านของเธอให้เป็นเสนียดเท้าฉันหรอก” มินตราที่ฟังอยู่พยายามข่มใจเอาไว้ การที่เธอเป็นหม้ายมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมล่ะ ในเมื่อผู้ชายเป็นฝ่ายผิดแล้วผู้หญิงที่ถูกกระทำต้องยอมรับกรรมแต่เพียงผู้เดียว มันถูกต้องแล้วหรืออย่างไร “เชิญคุณน้าพูดธุระมาได้เลยค่ะมินมีงานต้องทำอีกมาก” มินตราพูดพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้ามมารดาของเข็มทิศ เธอรู้สึกอึดอัดกับความใจแคบของผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งความเป็นจริงแล้วคนเป็นแม่ก็ย่อมหวังดีกับลูก เธอก็ผิดที่ไปยุ่งกับลูกชายของนาง “ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ ลูกชายของฉันกำลังจะมีอนาคตที่ดี เข็มทิศเป็นถึงลูกเจ้าของโรงงานและอีกไม่นานเขาก็จะได้รับตำแหน่งประธานบริษัทแทนพ่อของเขา เธอเลิกยุ่งกับลูกชายของฉัน ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันในฐานะเพื่อนบ้านติดกันมานาน” ความจริงแล้วมินตรารู้ดีว่าสถานะของเธอไม่เหมาะและคู่ควรกับเข็มทิศเลยแม้แต่น้อย เธอก็อยู่ในที่ของเธอแต่ชายหนุ่มนั้นต่างหากที่พยายามวิ่งเข้าหา และรบเร้าเธอให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ แม้เธอจะพยายามเลี่ยงแล้ว “มินอยากให้คุณน้าไปบอกลูกชายของคุณน้า ให้เลิกยุ่งกับมินมากกว่า เพราะมินเองก็ไม่คิดที่จะยุ่งกับเขาอยู่แล้ว” มินตราพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ก็เพราะว่าฉันบอกลูกชายของฉันไม่ได้ ฉันถึงต้องมาบอกเธอ ถ้าเธอไม่เล่นด้วยมีหรือเข็มทิศจะเข้าออกบ้านของเธอได้ดึกๆ ดื่นๆ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” หญิงวัยกลางคนเริ่มสียงดังขึ้น “คุณน้าเป็นแม่น่าจะรู้นิสัยของลูกชายของคุณน้าดีนะคะ เวลาที่เขาจะทำอะไรแล้วใครก็ขวางไม่ได้” “แต่เธอเป็นเจ้าของบ้าน ถ้าไม่เปิดประตูไว้มีหรือเข็มทิศจะเข้าไปได้ แม่หม้ายอย่างเธอผ่านอะไรมาเยอะ ฉันขอเถอะ ให้ลูกฉันได้เจออะไรดีๆ กับเขาบ้างไม่ใช่เจอแต่ของมือสองเกรดตก” คำพูดของมารดาเข็มทิศทำให้มินตราถึงกับนั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองนั้นเอาไว้ มือของเธอจับที่เก้าอี้ไว้แน่น นางดูถูกเธอราวกับว่าไม่ได้เป็นผู้หญิงด้วยกัน “ถ้าเข็มทิศมามินจะไล่เขาออกไปเองค่ะ จะไม่ให้เขาเข้าบ้านหลังนี้อีก มินจะล็อกบ้านลงกลอนให้ดีแต่ถ้าเขายังพยายามเข้ามาหรือทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุ มินจะเรียกตำรวจมาไล่เขาออกไปในข้อหาบุกรุกหวังว่าคุณน้าคงพอใจนะคะ ลูกค้ามาพอดีมินขอตัวไปต้อนรับก่อน” พอมินตราเดินออกไปต้อนรับลูกค้า มารดาของเข็มทิศก็เดินออกไปจากร้านของเธอทันที มินตราชงกาแฟให้ลูกค้าเสร็จก็มีลูกค้าเดินเข้ามาหลายราย ทำให้เธอวุ่นอยู่กับการต้อนรับลูกค้าจนไม่มีเวลารับประทานข้าวเที่ยง และที่สำคัญเธอก็ไม่รู้สึกหิวกินอะไรไม่ลง เวลาผ่านไปหลังจากที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนไม่มีเวลานั่งพักมินตรารู้สึกเมื่อยและอ่อนล้าหากเธอไม่จ้างใครมาช่วยร่างกายของเธอต้องมีอันพังก่อนเวลาเป็นแน่ เมื่อเธอเก็บข้าวของในร้านเรียบร้อยเช็กของขาดของเหลือเงินที่ขายได้ ก่อนจะนั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านไม่นานเธอก็ทำมันเสร็จ ขณะที่มินตรากำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น เธอรู้สึกหน้ามืดก่อนจะเซถลาล้มลงไป มือหนาได้เข้ามาจับประคองรับร่างอรชรของเธอเอาไว้ทัน ก่อนที่หัวของเธอจะฟาดลงกับพื้นกระเบื้องอันแข็งโป๊กนั่น ชายหนุ่มอุ้มมินตราขึ้นไปบนบ้าน ก่อนจะวางร่างเพรียวลงที่เตียงนอนอย่างช้าๆ และเบามือ จากนั้นเขาก็เดินไปเอากะละมังใบเล็กใส่น้ำมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนน้อยซับหน้าให้กับเธอ หญิงสาวค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้น เมื่อโดนอะไรเย็นๆ มากระทบที่ใบหน้าของเธอ มินตราค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆ แต่ก็ต้องหลับตาลงตามเดิม เมื่อเพดานนั้นมันหมุนราวกับว่าเธอกำลังเล่นเครื่องเล่นที่โลดโผนมันหมุนติ้วๆ จนเธออยากจะอ้วกออกมาให้ได้.. อ๊วก!!! ในที่สุดจากอาการมวนท้องเธอก็อ้วกออกมาจนได้ แม้จะออกมาไม่มาก แต่กลิ่นของมันไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่ออยู่ในห้องแอร์แบบนี้กลิ่นกระจายคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ชายหนุ่มค่อยๆ เช็ดอ้วกของเธอออกก่อนจะหาผ้ามาซับอย่างไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย “ออกไป.... ดีขึ้นเดี๋ยวฉาน...ทาม...เองออกปาย...ออกไปสิ" เธอพยายามผลักเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแม้แต่เสียงพูดที่เปล่งออกมายังเบาและยานเสียจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ เขาส่ายหัวให้กับความพยายามของเธอ ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างจากนั้นเขาก็ปิดแอร์แล้วกดปุ่มเปิดพัดลมแทน ชายหนุ่มลงไปต้มข้าวต้มให้กับเธอเพราะดูจากสภาพแล้วมินตราคงไม่มีแรงลุกขึ้นมาทานข้าวแน่ๆ สาเหตุที่มีตราเป็นแบบนี้มันเกิดจากความเครียดและไม่ได้ทานข้าวเมื่อตอนกลางวัน ชายหนุ่มทำอยู่พักใหญ่ๆ ใส่โน่นใส่นี่เสร็จแล้วก็ยกขึ้นไปให้เธอบนห้อง เขาจัดแจงอุ้มเธอขึ้นนั่งชิดกับหัวเตียงก่อนจะเอาหมอนมาหนุนให้เธอพิงเอาไว้ “ค่อยยังชั่วแล้วเดี๋ยวฉันทานเองนายกลับไปได้แล้ว” “นั่งอยู่เฉยๆ จะป้อนแรงจะขยับยังไม่มีเลยยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก” มินตรายอมให้เขาป้อนอย่างว่าง่ายเพราะเวลานี้เธอไม่มีแรงเหมือนที่เขาว่าจริงๆ เมื่อเธอรับประทานไปได้แค่สี่ห้าคำก็รู้สึกอิ่ม มันพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก “พอแล้วไม่เอาจะอ้วก!” มินตราพูดพร้อมกับส่ายหน้าแล้วเอามือปิดปากเอาไว้ “อีกคำเดียวคำเดียวก็พออ้าปาก” “คำเดียวจริงๆ นะห้ามบังคับไม่อย่างนั้นฉันจะอ้วกใส่หน้านายคอยดู” “อืม..คำเดียวจริงๆ อ้าปาก” มินตรายอมอ้าปากรับข้าวที่เขาตักมาป้อนเต็มช้อนนั้นอย่างว่าง่าย เธอพยายามเคี้ยวและกลืนลงอย่างช้าๆ เพราะกลัวว่ามันจะอ้วกออกมาอีก ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งกำลังตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย “นั่นมันข้าวที่ฉันกินเหลือนายกินเข้าไปได้ยังไงทำไมไม่ลงไปตักเอาใหม่” มินตราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ “ทำไมผมจะกินไม่ได้” เข็มทิศตอบกลับไปแต่ยังคงตักข้าวใส่ปากไม่ได้ฟังคำทักท้วงของมินตรา “แต่น้ำลายของฉันมันติดอยู่ในช้อนในถ้วยและก็ในข้าวต้มนั่นด้วย” “ไม่เห็นเป็นไรเลยอะไรที่เป็นคุณผมไม่เคยรังเกียจ แต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ทำอะไรให้หรือแม้แต่การที่ได้ทานข้าวชามเดียวกันกับคุณ” มินตราไม่โต้ตอบกลับหากแต่นึกถึงคำที่มารดาเขาพูดกับเธอตอนเช้า เธอจะกลายเป็นคนผิดคำพูดหากเขายังอยู่ที่นี่กับเธอแบบนี้ “ทานข้าวเสร็จก็กลับไปได้แล้วฉันจะไปอาบน้ำและต้องการพักผ่อน” “ลุกไหวไหมทานข้าวเสร็จจะอาบน้ำเลยเหรอ อาหารยังไม่ย่อยเลยนะ” “แค่ข้าวต้มมันย่อยแล้วกลับบ้านไปฉันจะอาบน้ำ” เข็มทิศไม่พูดอะไรแต่ลุกไปช้อนตัวมินตราขึ้นในท่าเจ้าสาว เธอขัดขืนดิ้นไปมาด้วยร่างกายที่บอบบางและอ่อนแรง มันจึงไม่เป็นผลต่อเข็มทิศเลยสักนิดเดียว “ทำบ้าอะไรของนายปล่อยนะปล่อยเดี๋ยวนี้” มินตราเริ่มโวยวายเสียงดังมากขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม