สาวรุ่นพี่กับหนุ่มรุ่นน้องนั่งรถเงียบกันมาตลอดทาง ทั้งสองแอบชำเลืองมองกันไปมา มินตราแอบมองที่มุมปากของเข็มทิศ ที่มีรอยแดงช้ำและมีเลือดซึมเล็ดออกมาเล็กน้อย แต่ในเวลานี้ต่างคนต่างก็คิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
มินตรากำลังนึกถึงความรู้สึกที่เธอมีให้กับเจตต์ ผู้ชายที่เคยเป็นสามี หญิงสาวกำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงขยะแขยงเขาได้มากมายถึงเพียงนี้ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กับเขานั้นมันหมดไปจนสิ้น สุภาษิตที่ว่าตัดบัวยังเหลือใยสำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่ เพราะแม้แต่ใยหรือความทรงจำดีๆ เธอก็ไม่มีให้กับเขาอีกต่อไปแล้ว..
ส่วนทางด้านเข็มทิศกำลังคิดว่า เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะของความกลัว เมื่อสายตาที่เจตต์มองมายังมินตรามันแอบแฝงเรื่องร้ายๆ ไว้ข้างในเขาเป็นผู้ชายด้วยกันพอจะดูออก เจตต์ยังหวังที่จะได้มินตรากลับคืนไป
เมื่อรถแล่นเข้ามาถึงบ้านทั้งสองหลังที่อยู่เคียงกัน ก่อนที่มินตราจะลงไปจากรถ เข็มทิศได้คว้ามือของเธอมากุมไว้
“ไม่ต้องลงกลอนประตูอาบน้ำเสร็จเดี๋ยวไปหา” น้ำเสียงทุ้มบ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยว
“ไม่ต้อง จะมาทำไมมันดึกแล้ว”
“จะไปก็คือจะไปอย่าห้าม เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จะล็อกก็ได้นะ ผมจะเตรียมค้อนไปด้วยงัดไม่ได้ก็จะพังมันเข้าไปเลย”
มินตราไม่พูดอะไรเธอลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านทันที หญิงสาวไม่คิดว่าชายหนุ่มจะดื้อด้านแบบนี้ เธอจำใจแง้มประตูเอาไว้ไม่ลงกลอน ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เพราะแน่ใจว่าเข็มทิศไม่พูดเล่นแน่ ขนาดหน้าต่างของเธอยังเกือบแตกมาแล้ว และตอนนี้เธอก็ยังไม่อยากได้ประตูบ้านบานใหม่..
มินตราตรงไปยังห้องน้ำ เธอเปิดน้ำไว้เต็มอ่างก่อนจะลงไปนอนแช่ เพื่อชำระล้างร่องรอยที่เจตต์ทำมันเอาไว้ เธอพยายามขัดมันแรงๆ ที่ซอกคอไปมาไม่รู้กี่รอบเพื่อให้ความรู้สึกและสัมผัสนั้นมันจางหายไป
ใครจะรู้ครั้งหนึ่งเคยรักหมดใจ อยู่ๆ มันจะหมดไปไม่เหลือแม้แต่เยื่อใยให้กัน มินตราไม่รู้ว่าภรรยาและลูกของเขาจะรอการกลับบ้าน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเธอเฝ้ารอเขากลับหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นผู้หญิงคนนั้นคงจะทรมานใจไม่ต่างจากเธอสักเท่าไร
การอาบน้ำที่ครั้งนี้เธอใช้เวลานานกว่าทุกครั้งเพราะมันคือการชำระล้างร่างกายและจิตใจ การที่เธอได้ใช้ความคิดในเวลาที่ร่างกายเปลือยเปล่ามันทำให้มินตรารู้ว่าแท้จริงแล้ว ความรักมันก็เป็นแค่ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับน้ำในแก้ว หากดื่มหรือใช้ไปแล้วไม่นำมาเติมมันก็มีวันหมดไปได้ เหมือนดังเช่นความรักของเธอกับเจตต์ที่เขาใช้ไปโดยที่ไม่เคยเติมมันลงมาเลยสักครั้ง..
หญิงสาวอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาเวลานี้เธอมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวเท่านั้นที่พันรอบอกเอาไว้ ในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กที่ใช้ซับและเช็ดผมไปมา ก่อนจะเสียบไดร์เป่าผมแล้วนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง..
“ว้าย!...” มินตราอุทานออกมาจนทำให้ไดร์ในมือแทบหล่นลงพื้น เมื่อเธอมองภาพสะท้อนจากกระจกเงานั่น เธอลืมไปเสียสนิท ประตูห้องไม่ได้ลงกลอนสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมายังเธอ ซึ่งเวลานี้ร่างกายของมินตรามีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนสั้นที่พันรอบอกเอาไว้ มันทำให้เธอถึงกับหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตะเบ็งออกมาเกือบสุดเสียง
“ไอ้เด็กบ้าออกไปเลยนะ!” ขณะที่มือข้างหนึ่งจับผ้าขนหนูเอาไว้ที่อก ส่วนอีกข้างเธอได้โยนของทุกอย่างอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งไปที่เข็มทิศ ไม่ว่าจะเป็นลิปสติกแป้งหรือแม้แต่ขวดน้ำหอมดีนะที่มันไม่แตก
“โอ๊ย! คุณจะฆ่าผมหรือไง” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่เขาก้มลงไปเก็บของที่เธอโยนมาเกลื่อนเต็มพื้น เข็มทิศค่อยๆ เก็บทุกอย่างเข้าที่ดังเดิม ก่อนจะกดเธอนั่งลงที่เก้าอี้แล้วหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอ เขาทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เมื่อเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในห้องของเธอ..
“พอได้แล้ว เดี๋ยวฉันทำเองนายหันหน้าไปเลยนะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปใส่เสื้อผ้า ที่หน้าทีหลังก่อนจะเข้าห้องก็หัดเคาะประตูแล้วก็ดูสภาพของฉันด้วย” มินตราได้เปลี่ยนสรรพนามตัวเองใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเมื่อเธอกำลังโกรธเขาอยู่
“แป๊บเดียวมันจะแห้งแล้วนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าเป็นกำไรชีวิตคุณก็นะ เสร็จแล้วไปใส่เสื้อผ้าซะก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหวยุบหนอพองหนอ" เข็มทิศพูดพร้อมกับแกล้งทำเสียงสองจนมินตรารู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่ม
“ฉันไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาด่านายดีเป็นไรมากไหมเนี่ย นายป่วยหรือเปล่า ฉันจะบ้าตาย”
มินตราพูดพร้อมกับทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด ก่อนจะเดินกระทืบเท้าปังๆ เข้าห้องแต่งตัวไปแต่มือสองข้างก็ไม่ลืมที่จะกุมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ เพราะหากมันหลุดเขาคงเห็นหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าแค่คิดก็หลอนแล้ว
สักพักมินตราก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนที่รัดกุม จนทำให้เข็มทิศมองมายังเธออดที่จะฉีกยิ้มไม่ได้ เพราะเธอดูน่ารักจนเขาแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว
“สรุปจะนอนที่นี่ให้ได้ใช่ไหม” เขาไม่พูดอะไรก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคงซ้ายแล้วเว้นช่องว่างไว้ให้เธอนอนชิดติดกับผนัง จากนั้นเขาใช้มือตบลงที่เตียงเบาๆ
“นอนตรงนี้มาเร็วไหนบอกว่าง่วงไงมานอนได้แล้วครับ” มินตราหมดปัญญาที่จะพูดกับเขาแล้ว เธอจึงขึ้นไปนอนที่เตียงอย่างว่าง่าย เด็กอะไรตื้อติดยังกับตังเมเธอไม่อยากเห็นหน้าเขาจึงนอนหันหน้าเข้าหาผนังของห้อง แต่อยู่ๆ มือหนาของชายหนุ่มก็จับเธอพลิกและหันหน้าเข้าหาเขาจนได้
ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง ใจของมินตราเริ่มเต้นรัวและแรงขึ้นราวกับว่าเธอกำลังเจอรักแรกก็ไม่ปาน เข็มทิศค่อยๆ จุมพิตลงที่หน้าผากของมินตราเบาๆ สิ่งที่เขาทำนั้นมันยิ่งกระตุ้นให้ใจของเธอเต้นแรงขึ้นจนมันจะกระเด็นออกมาข้างนอกแล้ว
“ทำไมใจเต้นแรงจัง นอนได้แล้วผมสัญญาจะไม่ทำอะไรเกินเลย จนกว่าคุณจะพร้อมรับผมเข้ามาในชีวิต” คำพูดของเข็มทิศทำให้มินตราก้มลงอย่างเขินอาย ก่อนจะเงยขึ้นมองไปยังใบหน้าเขาอีกครั้ง ทำให้เธอเห็นรอยเขียวช้ำนั่นชัดเจนยิ่งขึ้น
“เจ็บไหมขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุทำให้นายต้องเจ็บตัว” เธอพูดพร้อมกับเอามือลูบเบาๆ ที่มุมปากของชายหนุ่ม ทำให้เขาอดที่อมยิ้มไม่ได้เมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยที่เธอมอบให้มา..
“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกหากมันจะทำให้ผมปกป้องคุณได้ กู๊ดไนท์นะ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับจุมพิตไปที่หน้าผากของเธออีกครั้ง ก่อนจะห่มผ้าให้และกระชับเธอเข้ามาในอ้อมกอด การที่มีเขาเดินเข้ามาในชีวิตของเธอยามที่ไม่มีใคร หากวันหนึ่งเขาต้องจากไปเธอจะอยู่ได้อย่างไรไม่อาจรู้ได้..และในเวลานี้มินตราเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหนุ่มน้อยตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกดี..