มวลเมฆลอยเคลื่อนคล้อยตามแรงลม แสงสีทองตัดกับเส้นขอบฟ้าราวกับเบื้องบนกำลังร่ายเวทมนตร์ ดวงตะวันลาลับแล้ว จันทรากำลังสาดแสงเข้ามาแทนที่ แว่วเสียงสรรพสัตว์จากพงไพรถักทอทำนองขับขานชวนน่าฟังลอยผ่านมาในสายลม
"ฝ่าบาท"
เสียงหญิงสาวเรียกชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลไข้ขึ้นเพราะพิษบาดแผล ตอนนี้สีหน้าเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมา ปากเรียวตอนนี้แดงระเรื่อเพราะพิษไข้
"ฝ่าบาท จวินเฟยหลง ได้ยินไหม"
"อือ" ชายหนุ่มพยายามขานตอบหญิงสาว
"ลุกขึ้นมาดื่มยาหน่อยนะ" ตงฟางหรงพยุงชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง โดยมีองครักษ์อู่ติ่งยืนมองอยู่ใกล้ๆ
"ฝ่าบาทอ้าปากหน่อย อ้า..." ตงฟางหรงทำท่าอ้าปากชวนขำสำหรับผู้พบเห็น จวินเฟยหลงได้แต่มองเธอด้วยความเอ็นดู
"โอ๊ย!...ร้อน ร้อน!..นี่เจ้าจะฆ่าข้าใช่ไหมตงฟางหรง" ชายหนุ่มพ่นยาที่เพิ่งกินเข้าไปออกจากปาก
"ขอโทษเพคะ หม่อมฉันลืมเป่า" ตงฟางหรงก้มหน้าก้มตาเป่ายาที่อยู่ให้ถ้วยให้คลายความร้อน โดยมีจวินเฟยหลงส่ายหัวอยู่ข้างๆ
"นี่ข้าต้องมาตายเพราะดื่มยาของเจ้าอย่างนั้นหรือ"
"ฝ่าบาทก็พูดเกินไปแค่ร้อนนิดหน่อยเองทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ มาเย็นแล้วดื่มได้แล้วอ้าปากซิเพคะ"
จวินเฟยหลงอ้าปากดื่มยาหากแต่สายตายังคงจับจ้องใบหน้าหญิงสาวอย่างหวาดระแวง
"เลิกมองได้แล้วไม่ร้อนแล้วเห็นไหม"
"โอ๊ย! เบาๆ" จวินเฟยหลงอุทานออกมาเมื่อหญิงสาวขยับเข้ามาใกล้จนโดนแผลที่แขน ตงฟางหรงรีบยกแขนของชายหนุ่มขึ้นมาดู แขนกำยำที่ถูกพันด้วยผ้าสีขาวตอนนี้มีเลือดซึมแดงเป็นวงกว้าง
"ฝ่าบาทเจ็บหรือ" เธอมองหน้าชายหนุ่มพลางเอ่ยถาม
"อือ" แม้ว่าบาดแผลจะค่อนข้างใหญ่สำหรับจวินเฟยหลง หากแต่ความเป็นจริงแล้วสำหรับเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากมายเท่าไรเขาโดนจนชินซะแล้ว เพียงแต่วันนี้เขาอยากได้ความเอาใจใส่จากหญิงสาวเท่านั้น
"เดี๋ยวหม่อมชั้นล้างแผลให้" ตงฟางหรงแกะผ้าพันแผลที่เลอะคราบเลือดออกจากแขนชายหนุ่ม
"โอ้โห! (เสียงใสอุทานอย่างตกใจ) แผลเหวอะมาก หมอสำนักไหนทำแผลให้เนี่ย" หญิงสาวเห็นแผลแล้วก็ต้องตกใจ มิน่าล่ะถึงได้เป็นไข้ซะขนาดนี้
"องครักษ์อู่รบกวนท่านช่วยหา เข็ม เส้นด้าย กรรไกร แล้วก็เหล้ามาให้ข้าซักไหสองไห ถ้ามียาทาแผลหรือสมุนไพรอะไรก็นำมาให้ข้าด้วย" เธอออกคำสั่งให้องครักษ์อู่ติ่งนำสิ่งของมาให้
"พ่ะย่ะค่ะ" องค์รักอู่ติ่งรู้หน้าที่รีบไปจัดหาของให้หวงกุ้ยเฟย ส่วนองครักษ์อวี๋อี่ได้แต่ยืนมองอย่างสงสัย
"เลิกมองหม่อมฉันได้แล้ว" หญิงสาวบอกชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา
"ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อู่ติ่งวางสิ่งของที่นายหญิงต้องการไว้ข้างๆ
ตงฟางหรงค่อยๆ เทเหล้าล้างสิ่งสกปรกและสมุนไพรที่ใส่ก่อนหน้าออกจากแผล เธอใช้ผ้าสะอาดเช็ดแผลให้แห้งแต่ก็ยังมีเลือดไหลซึมจากแผลที่ลึกกว้าง หญิงสาวใช้เข็มเย็บบาดแผลให้ชายหนุ่มอย่างเบามือ เย็บและตัด เย็บและตัด อย่างชำนาญ เธอเลือกที่จะให้ฝีเข็มชิดกันมากที่สุดเพราะไม่อยากทิ้งรอยแผลเป็นใหญ่ไว้บนแขนกำยำ
"โอ๊ย!" จวินเฟยหลงแกล้งร้องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว
"เจ็บหรือเพคะ" ตงฟางหรงเงยหน้าสบตาชายหนุ่มที่บอกว่าเจ็บแต่ใบหน้ากลับยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นดังนั้นเธอก็เลยแกล้งออกแรงให้มากกว่าเดิมจนตอนนี้ชายหนุ่มร้องออกมาเพราะความเจ็บจริงๆ
"โอ๊ย!"
"เป็นถึงฮ่องเต้แผลแค่นี้ก็อดทนไม่ได้แล้วหรือเพคะ" (สมน้ำหน้า หมั่นไส้) ตงฟางหรงยังคงเย็บแผลต่อไม่ได้สนใจ
"ข้าเจ็บจริงๆ"
"ทราบเพคะ ก็หม่อมฉันจงใจให้เจ็บ" ตงฟางหรงตอบกลับด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
"เจ้า"
"เสร็จแล้วเพคะ" ตงฟางหรงใส่ยาก่อนจะพันด้วยผ้าสะอาด
"หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ"
"เดี๋ยวก่อนซิ ยังมีแผลที่อื่นอีกเจ้าจะไม่ทายาให้ข้าหน่อยหรือ" จวินเฟยหลงทำท่าถอดเสื้อออก ตอนนี้เสื้อหลุดออกมาครึ่งท่อนแล้ว
"ฝ่าบาททำอะไรนะ ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย" แม้จะบอกชายหนุ่มไปอย่างนั้นแต่สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นรอยฟกช้ำ ดำ เขียว จนต้องใจอ่อนอยู่ทายาให้ก่อน
ตงฟางหรงนั่งอยู่บนเตียงซึ่งมีชายหนุ่มถอดเสื้อนั่งอยู่ด้านหน้า รอยแผลเป็นหลายแผลเด่นชัดอยู่บนเรือนร่างของชายหนุ่มซึ่งบ่งบอกได้ว่าตลอดหลายปีมานี้เขาต้องผ่านการทำฝึกมานับไม่ถ้วน (เขาจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหมนะ) หญิงสาวมองรอยแผลเป็นพลางคิดอยู่ในใจ เธอค่อยๆ พินิจร่างกายของชายหนุ่ม หน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนแข็งเป็นชั้น (อืม..) กล้ามหน้าอกแข็งกำยำช่างน่าหลงใหล เธอสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านเรียกสติกลับมาก่อนเงยหน้าสบตากับตาคู่งามของชายหนุ่มที่จ้องเธออยู่
"แคกๆ" ตงฟางหรงกระแอมไอแก้เขิน
"เจ้าเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า" ใบหน้าเจ้าเล่ห์เอื้อมมาแตะหน้าผากหญิงสาวอย่างรู้ทัน แต่หญิงสาวก็เบื้องหลบ
"สบายดีเพคะ ทายาเถอะเพคะ" หญิงสาวลงมือทายาให้ชายหนุ่มอย่างเงอะงะดูเหมือนว่าตอนนี้สติของเธอยังไม่กลับมา จวินเฟยหลงได้แต่มองท่าทางน่าเอ็นดูของหญิงสาวเขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า"
"เพคะ"
"เจ้าฝึกทักษะการต่อสู้มาจากที่ใด"
"หม่อมฉันก็อ่านในหนังสือแล้วก็ลองฝึกดู"
"เจ้าโกหกข้า"
"ก็ถ้ารู้ว่าหม่อมฉันโกหกแล้วจะถามทำไมเพคะ" ตงฟางหรงยังคงตั้งใจทายาไม่สนใจมองหน้าชายหนุ่ม
"เจ้าเป็นใครกันแน่" น้ำเสียงจริงจังเอ่ยถามหญิงสาว ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากได้ยินคำตอบแบบไหน
ตงฟางหรงเงยขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มที่เปลี่ยนท่าทีเป็นสีหน้าจริงจัง เธอไม่รู้ว่าคำตอบแบบไหนที่ชายหนุ่มต้องการฟังและเธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร
"ถ้าหม่อมฉันบอกฝ่าบาท ฝ่าบาทจะทรงเชื่อหม่อมฉันไหมเพคะ"
จวินเฟยหลงลังเลที่จะตอบคำถามหญิงสาว
"เอาละเสร็จแล้ว" หญิงสาววางยาไว้ข้างๆ เตียงก่อนจะลุกขึ้น
"สำหรับคำถามที่ฝ่าบาทถามเอาไว้คราวหน้าหม่อมฉันจะมาตอบก็แล้วกัน ดึกแล้วหม่อมฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน" ตงฟางหรงเดินออกมานอกที่พักแล้วทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้วยความสงสัย
ตงฟางหรงเดินออกมาด้านนอกกระโจม เธอหยุดแหงนหน้ามองพระจันทร์พลางถอนหายใจ
"เฮ้อ!..จะให้ฉันตอบว่าอย่างไรขนาดตัวฉันเองฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย"