ตลอดหลายวันมานี้ตงฟางหรงเหน็ดเหนื่อยจากการแจกจ่ายเสบียงและเยี่ยมเยือนผู้ประสบภัยไม่น้อย จนไต้ซีสาวใช้คนสนิทถึงกับเอ่ยปากขอร้องให้หยุดพักบ้าง
เธอนั่งจิบชาในสวนภายในจวนรับรองโดยมีองครักษ์อวี๋อี่อารักขาอยู่เคียงข้างไม่ยอมห่างไปไหน
"คิดไม่ถึงแค่งานแจกจ่ายเสบียงง่ายๆ จะทำให้หวงกุ้ยเฟยเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้" เสียงหวานผสานยาพิษของผิงเอ๋อกล่าวเย้ยหยันตงฟางหรง
"ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ไหวก็มิควรเสียเวลามาตั้งแต่แรก" ผิงเอ๋อยังพูดประชดประชันไม่หยุดหย่อน
"กุ้ยเฟยโปรดระวังคำพูดด้วยพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋อี่ ออกหน้าแทนตงฟางหรง
"ช่างเถอะองครักษ์อวี๋ ท่านก็เห็นอยู่ว่ากุ้ยเฟยว่าง...จัด นางอยากพูดอะไรก็ปล่อยนางพูดเถอะ" ตงฟางหรงมองผิงเอ๋อด้วยหางตา
"ตงฟางหรง เจ้า.."
"หวงกุ้ยเฟย"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ"
"เรียกข้าว่าหวงกุ้ยเฟย" ตงฟางหรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบหากแต่ดูน่ากลัว จนกุ้ยเฟยผิงเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ
(นางเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ)
กุบกับ..กุบกับ...เสียงเกือกม้าวิ่งมาหยุดตรงหน้าขัดจังหวะหญิงสาวทั้งสอง
เป็นทหารส่งสารจากในค่าย ซึ่งปกติจะมาส่งสารให้ตงฟางหรงทุกวันในช่วงเย็นหากแต่วันนี้เขากลับมาช่วงเช้า
"ทำไมวันนี้เจ้ามาเร็วกว่าทุกวัน" ตงฟางหรงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
"เกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น" องครักษ์อวี๋อี่ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
"ทูลหวงกุ้ยเฟย เมื่อเช้ากองทัพของฝ่าบาทออกลาดตระเวนตอนนี้ถูกข้าศึกบุกล้อมพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ" ผิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ทำท่าจะเป็นลม
ตงฟางหรงรีบกระโดดขึ้นบนหลังม้าพร้อมทั้งควบม้าออกจากจวนอย่างรวดเร็ว
"หวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋อี่ควบม้าตามหญิงสาวมาติดๆ
.......
ค่ายทหารชายแดนห่าวจิง
ตงฟางหรงควบม้ามาถึงค่ายทหารยังไม่ทันที่ม้าจะทันได้หยุดสนิทเธอก็กระโดดลงวิ่งเข้าไปในกระโจมที่พัก สร้างความประประหลาดใจให้กับองครักษ์ที่มองเธออยู่ไกลๆ
"เกิดอะไรขึ้น" หญิงสาวท่าทางเหนื่อยล้าเอ่ยถามทหารที่ดูเหมือนจะมียศใหญ่พอตัวซึ่งกำลังทำหน้าเครียดอยู่
"เจ้าเป็นใคร" นายทหารชั้นผู้ใหญ่เอ่ยถามหญิงสาว ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จักเธอเพราะทหารส่วนใหญ่ล้วนประจำการที่นี่ไม่ค่อยได้กลับวังหลวง
"หวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ" เสียงของอวี๋อี่ ที่วิ่งตามหลังหญิงสาวเข้ามา
เหล่าทหารได้ยินที่องครักษ์อวี๋อี่เรียกหญิงสาวต่างก็รีบคุกเข่าทำความเคารพ
"ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมมีตาหามีแววไม่" เหล่าทหารรีบคุกเข่าทำความเคารพเธอ
"ช่างเถอะๆ รีบลุกขึ้น เร็วรีบบอกข้าเกิดอะไรขึ้น" ตงฟางหรงถามอย่างร้อนใจ
"กองทหารของฝ่าบาทโดนบุกซุ่มโจมตีเมื่อสักครู่พ่ะย่ะค่ะ"
"ทหารฝ่ายนั้นมีจำนวนเท่าไร"
"ประมาณหมื่นนายพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วของฝ่าบาทล่ะ" หญิงสาวเอ่ยถาม
"เจ็ดพันนายพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าขืนปล่อยไว้อีกไม่นานทัพเสริมของศัตรูก็คงมาถึงในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วทำไมเจ้าไม่รีบไปช่วยฝ่าบาท"
"ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้กระหม่อมดูแลค่ายไว้เผื่อข้าศึกบุกโจมตีพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาทอยู่ห่างจากค่ายกี่ลี้"
"ยี่สิบลี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กองทัพเสริมตงชินของแม่ทัพตงกำลังเดินทางมาจากลั่วยี่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าร้อยลี้พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ทันการณ์ถ้าขืนรอทัพเสริมฝ่าบาทได้ตายก่อนแน่..(หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด) ตอนนี้ท่านมีทหารอยู่เท่าไร"
"ประมาณห้าพันพ่ะย่ะค่ะ"
"ห้าพันถ้าเอาไปหมดคงไม่ได้ต้องเหลือไว้ที่นี่ด้วย/งั้นข้าขอทหารของท่านสองพันนาย"
"หวงกุ้ยเฟยจะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋เอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
"ข้าจะไปช่วยฝ่าบาท"
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่หญิงสาวอย่างไม่วางตา ไม่แปลกที่ทุกคนจะมองตงฟางหรงด้วยสายตาเช่นนี้ รูปร่างท่าทางที่ดูบอบบาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสมกับเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์เหมาะที่จะออกรบที่ไหน
"เย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ" อวี๋อี่ เอ่ยทักท้วงขึ้น
"หรือเจ้าจะรอให้ฝ่าบาทเป็นอะไรไปซะก่อน"
"กระหม่อมหมายถึงหวงกุ้ยเฟยไม่เคยออกรบมาก่อน ซ้ำพระวรกายก็บอบบาง กระหม่อมเกรงว่าจะเป็นอันตรายพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วใครบอกว่าข้าไม่เคยออกรบ" หญิงสาวรำลึกถึงคราวที่ไปรบที่อิรัก
"หวงกุ้ยเฟยนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพ่ะย่ะค่ะ"
"หน้าข้าเหมือนคนล้อเล่นหรือไง" ตงฟางหรงเสียงดังมองหน้าองครักษ์อวี๋ด้วยสีหน้าจริงจัง
"หวงกุ้ยเฟย"
"ไปเตรียมชุดให้ข้า" สิ้นเสียงคำสั่งเด็ดขาดและดุดันองครักษ์อวี๋ได้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
"พ่ะย่ะค่ะ"
......
หญิงสาวสูงศักดิ์สวยสง่าในชุดแม่ทัพสีดำแกมแดงด้านนอกถูกสวมทัพด้วยเสื้อเกราะสีทองอีกชั้น ตอนนี้ตงฟางหรงกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า สองมือของหญิงสาวกำแน่นคุมบังเ**ยน เอวด้านซ้ายมีดาบที่ทำจากเหล็กเนื้อดีเหน็บอยู่ เอวด้านขวาเป็นมีดสั้น บนหลังของหญิงสาวถูกยึดพื้นที่โดยคันธนูและกระบอกสำหรับใส่ลูกธนู ฝั่งขวาคือองครักษ์รู้ใจ ฝั่งซ้ายคือนายกองที่เพิ่งรู้จัก เบื้องหลังคือเหล่าทหารม้าและทหารราบชั้นดี
"เคลื่อนทัพได้" สิ้นเสียงสั่งการของตงฟางหรงเสียงตีกลองดังกึกก้อง เหล่าทหารหาญเคลื่อนพลน่าเกรงขาม
...........................
"ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ" เสียงอู่ติ่งเอ่ยถามฮ่องเต้ที่ตอนนี้มือจับดาบมั่น หันหลังชนกัน
แม้วางแผนมาดีแล้วแต่ก็ต้องมาเสียท่าเพราะฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนมากกว่า ตอนนี้ฝ่ายข้าศึกบุกล้อมกองทัพหลวงไว้ได้เกือบหมด สถานการณ์ตอนนี้คงทำได้เพียงยื้อเวลารอทัพเสริมมาช่วยเท่านั้น
เสียงกีบม้าปะทะพื้นดินดังกรุบกรับสนั่นหวั่นไหวฝุ่นควันฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง จวินเฟยหลงมองเห็นธงทัพหลวงปลิวไสวอยู่ไม่ไกล กำลังเสริมกำลังเคลื่อนพลมาช่วยแล้ว ด้านหน้าเป็นทหารม้ากว่าห้าร้อยนาย หากแต่ใยผู้นำทัพถึงได้คุ้นตามนัก
จวินเฟยหลงแกว่งดาบฆ่าศัตรูสายตาเพ่งพินิจผู้นำทัพ เมื่อภาพที่เห็นชัดเจนขึ้นเขาก็ต้องตกใจ
"ตงฟางหรง"