ครานี้สตรีทั้งสามหัวเราะออกมาเสียงดัง
เสียงหัวเราะสดใสของเหล่าสตรีเกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้จนพาให้บรรยากาศวังเวงท่ามกลางซากศพพลันเปลี่ยนไป
“ขอบใจนะ” หนิงเหมยเอ่ยออกมาก่อน
“ข้าด้วยนะ ข้าต้องขอบใจเจ้า” หนี่ม่านเอ่ยตาม
“ย่อมเป็นข้าที่ต้องขอบใจพวกเจ้าที่ช่วยข้าจากข้างถนนนั่น” ซูเจินเอ่ยออกมาบ้างพลางชี้นิ้วไปมาตามเนื้อตัวของตนแล้วไหวไหล่น้อยๆ
และอีกครั้งที่เสียงหัวเราะใสกังวานของสตรีทั้งสามพลันดัง
“เอาล่ะ” ซูเจินเริ่มเอ่ยคำขึ้นมาหลังจากหัวเราะจนพอใจ “เจ้าไปบังคับม้า” นางหันมาสั่งหนี่ม่าน
สาวใช้พยักหน้ารับคำแล้วรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปนั่งยังตำแหน่งบังคับม้า
การเดินทางจึงเกิดขึ้นในอีกครา แต่ทว่าหนี่ม่านเป็นเพียงสาวใช้จิปาถะถนัดแต่ซักผ้าแบกฟืนและปัดกวาดเช็ดถู ไหนเลยจะเคยขี่ม้า
สตรีทั้งสามจึงพากันเดินทางต่ออย่างทุลักทุเลโดยหนี่ม่านบังคับม้าอย่างยากลำบากเนื่องจากนางขี่ม้าไม่เป็นไหนเลยจักบังคับม้าได้ เพราะเหตุนี้ม้าจึงพาคันรถเดินทางไปอย่างไร้ทิศทาง
หนิงเหมยดูแลป้อนยาและทายาให้ซูเจินอยู่ในรถม้าโดยมีหนี่ม่านบังคับม้าให้เดินทางไปตามถนนโดยมิรู้เสียแล้วว่าควรไปทางใด
ชายป่ารกทึบห่างจากจุดเกิดเหตุที่ชายฉกรรจ์ถูกฆ่าถึงหกคน…
ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งพิศมองเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ตรงนั้น ภายใต้เรียวคิ้วพาดเฉียงงดงามมีสายตาคู่คมสามารถมองทะลุทะลวงฝ่าความมืดได้ไกลหลายจั้ง
เขาเดินผ่านมาทันได้เห็นจังหวะที่ชายฉกรรจ์กำลังถูกสตรีนางหนึ่งสังหารโหดและตายไปอย่างอนาถสภาพศพไม่น่ามอง
เขาถึงกับหรี่ตาคมเข้มจับจ้องที่สตรีตัวเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักดวงตากลมโตนางนั้นอยู่เป็นนาน
นางอยู่ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มมีเอกลักษณ์ ท่วงท่าปาดคอศัตรูช่างงดงาม ลีลากระบวนท่าช่างจับใจ วรยุทธ์ที่นางใช้เขาจำได้ดี
พยัคฆ์เมฆาหงส์ฟ้าเหิน!
ราชาพยัคฆ์ผงาดเหนือเมฆา เคียงคู่ยาตราหงส์สง่าเหนือน่านฟ้าท่องปฐพี...
หากแต่ท่วงท่าที่นางใช้มีเพียงหงส์ฟ้าเหิน หาได้มีราชาพยัคฆ์พิทักษ์เคียงไม่
นางเป็นใคร? เหตุใดถึงได้ใช้วิชาสำนักของอาจารย์แห่งเขา!
ชายหนุ่มยังคงยืนจ้องมองไม่วางตา ถึงแม้ว่ารถม้าคันนั้นจะเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
"มีอะไรรึ? อาจิน หยุดเดินทำไมกัน" เส้นเสียงทุ้มต่ำของบุรุษหนุ่มอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาทางเบื้องหลังของชายหนุ่มคนแรกที่ยืนนิ่งมองภาพเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน เขาเดินตามบุรุษคนแรกมาทิ้งช่วงห่างอยู่มากจึงไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น
ชายผู้ถูกเรียกขานว่าอาจินเพียงผินใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองเจ้าของประโยคคำถาม แต่เขาหาได้ต่อความอันใดไม่
"มิใช่ว่าเจอสาวงามแล้วจ้องมองไม่วางตาหรอกกระมัง" เอ่ยเย้าพอหอมปากหอมคอจึงยกพัดขึ้นสะบัดเบาๆ ท่วงท่าช่างสง่างามเป็นเอกบุรุษ
"เจ้าควรกลับวังบูรพาได้แล้ว อย่ามัวท่องเที่ยวจนเกินไป" ชายหนุ่มคนแรกที่ถูกเรียกขานว่าอาจินเอ่ยเตือนชายคนที่สองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
"อะไรกัน?" ชายคนที่ถูกไล่ให้กลับวังบูรพากล่าวโต้แย้ง "ท่านเป็นถึงพระอนุชาของเสด็จพ่อยังสามารถออกมาอาศัยอยู่ข้างนอกได้เลย แล้วทำไม่รัชทายาทเยี่ยงข้าจะออกมาท่องเที่ยวไม่ได้บ้าง"
"ข้ามิได้เกี่ยวข้องอันใดกับเสด็จพ่อของเจ้า"
"อ้อ...นั่นสินะ ขนาดชื่อแซ่ยังเปลี่ยนจากเฟยหลงเหอจิน เป็น หยางเหอจิน ท่านมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเฟยหลงแล้วจริงๆ"
"พูดให้น้อยลงหน่อยเถิดเฟยหลงเซียน"
"อ่า...ถึงกับเรียกนามเต็มยศกันเลยทีเดียว" เฟยหลงเซียนถึงกับครางในลำคอพร้อมส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
หยางเหอจินเลิกสนใจเฟยหลงเซียนอีกต่อไป เขาเปลี่ยนมาใช้สกุลของมารดาแล้วมันหนักส่วนใดของเจ้าหลานชายผู้นี้กัน!
"ถึงท่านจะตัดขาดตัวเองออกจากราชวงศ์แล้วแต่อย่างไรเสียท่านก็ยังคงเป็นเสด็จอาของข้า เป็นพระอนุชาของเสด็จพ่อไม่มีวันเปลี่ยนแปลง" เฟยหลงเซียนยังคงไม่ยินยอมให้น้องชายสุดที่รักของบิดาต้องหมางเมินจนเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องราวความบาดหมางของบิดากับท่านอาเป็นเรื่องใด หากแต่เขาจะไม่ยอมให้ทั้งสองเกลียดกันเด็ดขาด
"หยุดเรียกข้าว่าเสด็จอาได้แล้ว ข้ากับเจ้าอายุห่างกันแค่สองปี เป็นแค่สหายกันก็พอ" หยางเหอจินเอ่ยแค่นั้นก่อนจะหมุนกายงามสง่าเดินเบี่ยงต่อไปยังทิศทางหนึ่ง
เฟยหลงเซียนยืนขมวดคิ้วนับนิ้วในใจ เขาอายุยี่สิบห้าปี เช่นนั้นแล้วเขากับท่านอาจะยังถือว่าเป็นสหายกันได้อย่างไร ต้องเป็นพี่ชายสิถึงจะถูก "หากมิให้เรียกท่านอา ข้าก็จะเรียกท่านว่าพี่ใหญ่...พี่ใหญ่!"
คนถูกเรียกว่าพี่ใหญ่หยุดปลายเท้ากึก เขามีน้องชายเมื่อใดกัน!
เฟยหลงเซียนเลิกคิ้วยียวนท่วงท่าสำราญรื่นเริง “เอาน่า! พี่ใหญ่ ท่านก็เลิกตีหน้าตายทำลายบรรยากาศอันชื่นมื่นเสียทีเถิด”
ชายหนุ่มกล่าวพลางเดินตามแผ่นหลังตั้งตรงของหยางเหอจิน “ว่าแต่ เหตุใดท่านเดินมาทางนี้ เราจะไปทางนั้นกันมิใช่รึ?” เขากล่าวพลางเบนสายตาไปทางเบื้องหลังที่เป็นทิศทางตรงกันข้ามที่พี่ใหญ่หมาดๆ ของเขากำลังเดินไป
หยางเหอจินหาได้ตอบคำอันใด เขาเพียงเดินไปตามทิศทางที่รถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปแบบไร้ทิศทาง เขาต้องรู้ให้ได้ว่าสตรีน่ารักนางนั้นเป็นใครกันแน่!