-เซโร่ ทอร์ค-
@บ้าน วรกุล เวลา 18.30 นาที
“สวัสดีครับคุณยาย”
“มาเร็วจังเลยลูก มิเกลยังไม่มาเลย เสียมารายาทจริงๆให้แขกมารอ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณยายวันนี้ผมตั้งใจมาเร็วเพราะมีเรื่องจะมาขอความคิดเห็นของคุณยายนะครับ”
“เรื่องอะไรละ ไปคุยกับยายที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า”
@ห้องนั่งเล่น
“ไหนว่ามาสิมีอะไรจะคุยกับยาย”คุณยายนั่งลงที่โซฟาประจำตำแหน่งและพูดขึ้น
“ผมคิดว่ามิเกลกำลังหลบหน้าผมครับ เพราะตั้งแต่ทานอาหารเช้าด้วยกันวันนั้นน้องก็พยายามเลี่ยงที่จะเจอผมมาโดยตลอด จนผมคิดว่าแผนที่คุณยายวางใว้อาจไม่สำเร็จครับ”
“ยายก็ยังห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยัยเกลนะรักตาพลมาก แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดีละถ้าเกลยังเป็นอยู่แบบนี้”คุณยายเริ่มมีสีหน้าเครียด
“ผมอยากขออนุญาติคุณยายให้มิเกลย้ายไปอยู่กับผม อย่างน้อยเราก็จะได้เจอกันบ่อยขึ้น ผมสัญญาครับว่าจะไม่ทำให้น้องเสียหาย”จริงๆผมคิดทบทวนเรื่องนี้มานานแล้วหละเพราะถ้าน้องยังหลบหน้าผมอยู่แบบนี้ความสำพันธ์ของเราคงไม่คืบอีกไม่กี่เดือนผมก็ต้องกลับไปบินอีกครั้ง ผมไม่มีทางปล่อยน้องใว้แบบนี้แน่ๆ
“ถ้าเรื่องที่เราคุยกันใว้แล้วหลานยังยืนยันคำตอบนั้นอยู่ยายก็ไม่มีปัญหา ยายมั่นใจในตัวเซโร่ว่าจะดูแลมิเกลแทนยายได้แน่นอน ยายจะได้หมดห่วงซะที”
“ผมยังยืนยันคำเดิมครับคุณยาย แต่เราจะบอกมิเกลยังไงดีครับน้องต้องไม่ยอมแน่ๆ”
“เดี๋ยวเรื่องนี้ยายจัดการเอง ว่าแต่คุณหญิงอภิรดีจะไม่ว่าอะไรหรอลูก”
“คุณแม่ท่านยินดีมากๆครับ คุณยายไม่ต้องห่วงแต่ผมจะขออนุญาติพาเกลไปอยู่ที่คอนโดผม เพราะถ้าเข้าบ้านเกรงว่าน้องจะไม่ยอมแน่นอน”
แค่คอนโดมิเกลจะยอมหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ คงต้องบังคับกัน
“ยายก็คิดว่าอย่างนั้น”
และแล้วอาหารเย็นวันนั้นก็มีเพียงผมกับคุณยายเพราะมิเกลโทรมาบอกว่าติดประชุมด่วนเลยกลับมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นไม่ทัน...
-มิเกล ทอร์ค-
หวังว่านานนั่นจะรีบๆกินแล้วรีบกลับ ฉันไม่อยากเจอหน้าเขาเลยจริงๆ
แค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ยังต้องมาคอยหลบหน้าเขาอีก แต่ไม่มีรถแปลกๆจอดอยู่หน้าบ้านก็แสดงว่าเขากลับไปแล้วจริงๆ ฉันค่อยเข้าบ้านได้อย่างสบายใจหน่อย
“เกลกลับมาแล้วหรอ มาคุยกับยายหน่อยสิยายมีเรื่องจะคุยด้วย”
เท้าข้างซ้ายพึ่งเหยียบเข้ามาในตัวบ้าน เสียงคุณยายก็ดังขึ้น
“แต่มันดึกมากแล้วค่อยคุยกันตอนเช้าไม่ได้หรอคะ”ฉันพยายามเลี่ยงเพราะเรื่องที่คุณยายจะคุยก็คงจะหนีไม่พ้นผู้ชายคนนั้น
“ยายต้องคุยกับเกลเดี๋ยวนี้ ขึ้นไปพบยายที่ห้องอ่านหนังสือ”
“ก็ได้...คะ”
@ห้องหนังสือ
“คุณยายมีอะไรจะคุยกับเกลหรอคะ"”ในเมื่อเลี่ยงที่จะไม่คุยไม่ได้ฉันเลยต้องใช้ลูกอ้อนเข้าหาคุณยาย
“ทำไมเกลไม่กลับมาทานอาหารเย็นพร้อมยาย”
“ก็เกลฝากนมอ่อนมาบอกคุณยายแล้วนี่คะว่าเกลติดประชุมด่วน”
“ยายโทรไปเช็คกับเลขาของหลานมาแล้วว่าหลานไม่ได้ติดประชุมอะไรทั้งนั้น”
“เกลยอมรับก็ได้คะ ก็เกลไม่อยากเจอหน้านายนั่นอีกนี่คะ”เมื่อโดนคุณยายต้อนซะจนมุมสุดท้ายฉันก็ต้องยอมรับออกมา
“เกลจำเรื่องที่เราคุยกันได้ไหมลูก นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง3เดือนแล้วนะเรื่องแต่งงานเกลจะทำยังไงไหนตอบยายมาสิ ว่าถ้านักขาวมารุมถามเราจะตอบไปว่ายังไง”
“ป่านนี้แล้วคงไม่มีใครจำได้แล้วแหละคะคุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ คนไทยแปปๆก็ลืม”
“ถ้าหลานคิดแบบนี้ยายคงต้องพิจารณาเรื่องบริษัทใหม่ซะแล้วหละ”คุณยายเอาบริษัทมาขู่
“ไม่นะคะคุณยายอย่ายึดบริษัทเกลนะคะ ก็ได้คะต่อไปนี้เกลจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วคะ”
สายตาคุณยายจริงจังจนฉันต้องรีบเข้าไปอ้อน
“ยายมีข้อเสนอใหม่มาให้เราตัดสินใจ”
“อะไรคะ”
“ยายจะให้เกลไปทดลองอยู่กับพี่เขาเป็นเวลา2เดือนแต่ถ้าครบกำหนดเวลาแล้วเกลยังยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เขาจริงๆยายก็จะไม่บังคับตกลงไหม”คุณยายยื่นข่อเสนอที่ฉันไม่มีทางยอมรับ
“ไม่นะคะคุณยายเกลไม่มีทางไปเด็ดขาด คุณยายจะให้เกลไปอยู่กับเขาได้ยังไงละคะเกลเสียหายนะคะ”
“แต่นี่มันเป็นทางออกเดียวนะลูกแล้วอีกอย่างยายก็มันใจว่าเซโร่จะไม่ทำให้เกลเสียหายแน่นอนเชื่อยายนะลูก”
“คุณยายไม่รักเกลแล้วหรอคะทำไมถึงให้เกลไปอยู่กับคนอื่น”
ฉันจะไม่มทางไปอยู่กับนายนั่นเด็ดขาด คนใจร้าย
“ยายจะไม่บังคับเกลนะ แต่การตัดใจครั้งนี้มีผลต่อบริษัทของเกลแน่นอน”
“คุณยาย.....”
“ยายให้เวลาเกลตัดสินใจ1คืน พรุ่งนี้พี่เขาจะมาเอาคำตอบด้วยตัวเอง ยายไปนอนละคิดดีดีนะลูก”คุณยายพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ฉันเดินออกมาจากห้องอ่านหนังสือด้วยจิตใจที่ล่องลอย นี่ฉันจะต้องไปอยู่กับนานนั่นจริงๆหรอเนี่ยฉันไม่ได้กลัวนานนั่นหรอกนะแต่ฉันกลัวใจตัวเองต่างหาก อุสาห์พยามยามหนีมาได้ตั้งนานฉันจะไม่กลับไปเสียใจแบบนั้นอีกเด็ดขาด คนอะไรอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไปคิดจะมาปั่นหัวฉันเล่นหรือไง
@เช้าวันรุ่งขึ้น
วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าหวังจะลงมาสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนที่ฉันจะต้องตัดสินใจเรื่องที่คุณยายบอกใว้เมื่อคืนแต่ความตั้งใจของฉันกับต้องดับลงเพราะ
“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับเกล”นานนั่นเดินมาดักหน้า แล้วยิ้มแบบกวนๆ
“นาย!!!มาทำไมแต่เช้านี่ก็ยังไม่ถึงเวลานัดซักหน่อย”ฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วทำสีหน้าไม่พอใจ
“ก็พี่อยากมาฟังคำตอบของเราเร็วๆไง”
“ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้นายทั้งนั้นแหละ”ฉันกำลังจะหันหลังเดินกลับห้อง
“แต่พี่ว่ามีนะ...”เขาจับมือฉันไว้แล้วทำหน้ากวนๆ
“ชิ...ไม่อยากคุยด้วยละเหม็นขี้หน้า”
“มิเกลทำไมไปพูดกับพี่เขาแบบนั้นไม่น่ารักเลยลูก”คุณยายเดินลงมาจากบันได ได้ยินที่ฉันพูดพอดี
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณยาย อย่าไปว่าน้องเลยครับ”เซโร่พูดยิ้มๆแล้วทำหน้ากวนๆใส่ฉัน
“จริงๆเลยเราเนี่ยยิ่งโตยิ่งดื้อ แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่ไปอาบน้ำอีกขายขี้หน้าแขกจริงๆเลย”คุณยายบ่นฉันชุดใหญ่แต่ฉันได้สนใจเพราะว่ามัวแต่หมันใส้ผู้ชายที่ยืนอยู้ข้างๆคุณยาย
“คะๆ งั้นเกลไปอาบน้ำก่อนนะ”
@ห้องอาหาร
“เกลลงมาพอดีเลยลูก มาทานข้าวพร้อมกันจะได้ออกไปทำงาน”
ฉันเดินจับมือคุณยายมาที่ห้องอาหารโดนมี เขาเดินตามมาห่างๆ
“เกลยายลืมบอกเลยลูกวันนี้เกลคงต้องหารถไปเองนะลูกเพราะยายสั่งให้สุนทรเอารถในบ้านเราทุกคันไปเช็คสภาพที่ศูนย์กว่าจะได้ก็คงพรุ่งนี้ยังไงวันนี้เกลหารถไปเองก่อนนะ”
“แต่คุณยายพึ่งจะเอารถเกลไปเซ็คสภาพเมื่อเดือนที่แล้วเองนะคะ”
“โอ้!!ยายลืม แต่ไม่เป็นไรยังไงเซโร่ก็ว่างใช่ไหมลูกยายฝากไปส่งเกลที่บริษัททีนะ”
“ไม่มีปัญหาครับคุณยาย”
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณยาย รบกวนคุณเขาป่าวๆเกลไปเองดีกว่า”ฉันปฏิเสธเพราะรู้จุดประสงค์ของทั้งคุณยายและก็เซโร่ว่าต้องการอะไร
“จะไม่เป็นไรได้ไงละลูกวันนี้ยายโทรไปเช็คกับเลขาเกลล่ะ ว่าเกลมีประชุมเช้า..ผู้บริหารเข้าประชุมสายน่าเกลียดตายเลยให้พี่เซโร่ไปส่งนะดีแล้ว”
“แต่.....”
“ไม่มีแต่จะหลานรัก แล้วก็เลิกเรียกพี่เซโร่ว่านายนั่นได้แล้วเกลต้องเรียกว่าพี่เซโร่สิลูก เหมือนที่เกลชอบเรียกตอนเด็กๆไง”
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยคุณยายก็เดินออกมาส่งฉันที่หน้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถูกใจเหลือเกินที่ทำให้ฉันไปกับเขาได้
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ทั้ง2คนเลย ตั้งใจทำงานนะมิเกล”คุณยายกอดฉันแล้วหันไปยิ้มให้นายนั่น
“ผมไปนะครับคุณยายสวัสดีครับ”นายนั่นยกมือไหว้คุณยายแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้ฉัน
@บนรถ
“จอดข้างหน้าก็ได้คะเกลจะลง”ฉันพูดขึ้นหลังจากรถขับออกมาถึงหน้าปากซอย
“ได้ไงพี่รับปากคุณยายใว้แล้วว่าจะไปส่งเกลที่บริษัทพี่จะผิดคำพูดได้ไง”
“ก็ตอนนี้ไม่มีคุณยายแล้วพี่ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดก็ได้คะ จอดฉันจะลง”ทีเมื่อก่อนบอกกับเราว่าจะไม่ไปไหนยังทิ้งเราไปได้เลยทีงี้กลัวจะผิดตำพูดชิ...
“เกลยังโกรธพี่อยู่หรอ”
“ฉันจะไปโกรธนายเรื่องอะไรคะ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราไปรู้จักกันตอนไหน”
“พี่รู้ว่าเกลจำพี่ได้ พี่ขอโทดแต่พี่มีความจำเป็นจริงๆตอนนั้นบ้านพี่ล้มละลายพี่ต้องรีบหนีออกจากประเทศให้เร็วที่สุดไม่งั้นเงินก้อนสุดท้ายก็จะต้องโดนยึด เกลเข้าใจพี่นะ”เขาอธิบายแต่ฉันทำเป็นไม่สนใจ แค่มาบอกจะไปไหนมันคงไม่เสียเวลาขนาดนั้นหรอกมั้ง
“พูดจบแล้วใช่ไหม ฉันจะรีบไปทำงาน”ฉันตัดบทเพราะกลัวจะใจอ่อนกับคำขอโทษของเขาผู้ชายที่เธอไม่เคยลืมได้แม้แต่ซักนาทีเดียว ถึงแม้เธอจะรักพีรพลมากก็จริงแต่ในใจเธอลึกๆเธอยังมีเขาอยู่ตลอดเวลา
“มิเกล..”ฉันเอื้อมมือไปเปิดวิทยุเสียงดัง เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงเขา
@หน้าบริษัท MIGUEL BOUTIQUE
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”ฉันหันไปพูดกับเขาตามมารยาทแล้วกำลังจะลงจากรถ
“เกลเลิกงานกี่โมงให้พี่มารับนะ เกลไม่ได้เอารถมานิ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกลับแท็คซี่ได้ ไม่รบกวนนายหรอก”
“5โมงเจอกันตรงนี้นะครับเกลอย่าลืมสิว่าเกลต้องให้คำตอบอะไรพี่ นี่พี่ยืดเวลาให้เราได้คิดอีก1วันเลยนะ”เขาทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
“นายต้องการอะไรกันแน่ นายไปแล้วจะกลับมาอีกทำไมหรือนายต้องการกลับมาปั่นหัวฉัน ฉันพูดให้เลยนะว่านายทำสำเร็จแล้ว พอใจยัง”
เขาส่ายหน้า
“พี่ต้องการเกลคืน พี่รักเกล”
นายนั่นพูดจบก็ดึงฉันเข้าไปจูบ แม้ฉันจะพยายามดึงตัวเองออกแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้
“อื้ม...อื้อ”