ตอนที่ 7 พ่อหนุ่มข้างห้อง
อันนาออกมาจากห้องของคุณหมอภูเดินย่ำไปที่ห้องข้างๆกัน กรอกรหัสที่ได้มาสรุปมันก็เข้าได้แสดงว่าเอ็มม่าใส่รหัสล็อกแบบเดียวกันกับคุณหมอ มันจะมีความบังเอิญขนาดนี้บนโลกได้ยังไง ใช่สิคุณหมอภูธาราเกิดวันเดียวกันแถมยังเดือนเดียวกันอีก เลขสองตัวสุดท้ายคงใส่มั่วๆแล้วบังเอิญมาตรงกันสินะ
“อะไร พึ่งมาเหรอ?” คนมาทีหลังเอ่ยขึ้นมองแฝดผู้พี่ยืนอยู่กลางห้องไม่ขยับไปไหน
“อือ พึ่งมา” อันนาหันกลับไปมองน้องสาวก่อนจะหิ้วถุงอุปกรณ์เข้าครัวไป
“บ้าหรือเปล่า” เอ็มม่าเกาหัวมองคนเดินยิ้มผ่านหน้าตัวเองไปไม่เข้าใจนัก
“คุณน้าขา”
“คุณน้าครับอีริคคิดถึง”
อันนาคลี่ยิ้มอบอุ่นวางทุกสิ่งอย่างก่อนจะเดินตัวปลิวไปหาหลานทั้งสอง จับมาฟัดคนล่ะทีสองทีให้หายคิดถึง
เจ้าก้อนแฝดของน้า นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากสร้างครอบครัวแล้วไม่ใช่แค่เพียงอายุแต่ฉันพร้อมที่จะมีครอบครัวแล้วจริงๆ หลานสาวหลานชายฝาแฝดน่าตาน่ารักน่าชังในวัย 4 ขวบกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล
อีริค และ โอเปร่า เป็นลูกสาวของเอ็มม่าและใครคนหนึ่งที่ยายนั่นไม่ยอมให้พูดถึง พูดมาขนาดนี้แล้วคงรู้ว่าน้องสาวฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
“อันนาคิดถึงพวกหนูมากกว่าอีก มาให้น้าหอมแก้มซะดีดี”
“อันนาปากหวาน” สาวน้อยโอเปร่าในชุดของโรงเรียนเอกชนจิ้มนิ้วชี้น้อยๆเข้ากับจมูกโด่งของคนเป็นน้า “โอเปร่ารักอันนา”
ใจมันเหลวแบบพร้อมท้องมากตอนนี้
“อันนาก็รักโอเปร่าแล้วก็รักอีริคมากค่ะ”
“พอๆ บอกรักกันไปมาอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่ฉันจะได้กินข้าว” เปลี่ยนชุดออกมาแล้วยังเจอน้าหลานสามคนออดอ้อนออเซาะกันไม่หยุด รู้หรอกว่ารักกันมาก
“คุณแม่ขา” สาวน้อยวิ่งไปหาแม่แล้ว
เหลือแต่พอหนุ่มผมน้ำตาลคนนี้ไม่เอาเชื้อพ่อมาเลยล่ะสิ แต่ก็ดี ไม่สิ แม้คิ้ว จมูก ตา สีผม จะเหมือนแม่แต่หน้านี่มันเคล้าโคลงพ่อชัดๆ ฝรั่งขี้นกหรือเปล่าหนอหลานน้า
“อีริคไปล้างผักช่วยน้าดีไหมคะ?” หนุ่มน้อยพยักหน้ายิ้มๆ อันนาเลยอุ้มเจ้าก้อนไปที่ห้องครัวด้วยกัน
ค่ำคืนที่หอมหวานสำหรับฉันมักผ่านไปเร็วเสมอ หลานรักทั้งสองพี่เลี้ยงพาไปเข้านอนแล้ว หลังจากกินหม้อไฟกันเสร็จฉันก็ต้องกลับ พรุ่งนี้ก็ขันอาสาเลี้ยงหลานทั้งสองเองแม่มันต้องไปแคสละครเรื่องสำคัญในชีวิตแต่ดูแล้วไม่น่าง่ายเลย
“พักที่นี้ก็ได้พรุ่งนี้ก็พาลูกไปเลย” เอ็มม่าเดินมาส่งพี่สาวที่หน้าห้อง แทนตัวอันนาว่าแม่นั้นถูกแล้วแม้สองแสบจะเรียกน้าแต่ส่วนมากจะเรียกแม่มากกว่าอาจจะเพราะแม่ทั้งสองหน้าตาคล้ายคลึงกัน แตกต่างกันแค่คิ้วและจมูก ปาก อันนาไปเสริมจมูกใหม่เพราะมันโด่งเกินไปเธอไม่ชอบ ส่วนเอ็มม่าไปทำปากใหม่
“ฉันจะไปซื้อของเข้าห้อง” อันนายกสายสะพายคล้องบ่าโบกมือลาน้องสาว
“เดินทางกลับดีๆนะ”
ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินไปกดลิฟต์แต่ไม่อยากเชื่อว่าพอลิฟต์เปิดออกคนที่ฉันเห็นคือหมอภูและหมอพิง
ในเวลาตีหนึ่งกว่าๆเขาคงกลับมาจากดื่มที่ไหนสักแห่งได้ข่าวว่าพี่หมอของเธอเสือตัวพ่อการที่จะหิ้วสาวสักคนกลับมากินที่ห้องมันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
ฉันเพียงแค่ค้อมหัวให้น้อยๆ คลี่ยิ้มราวกับขบขันก่อนจะเดินเข้าไปหาหมอภู มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าหยิบบางอย่างออกมา
“เผื่อไม่พอใช้”
“อะ...เอ่อ” หมอพิงอ้ำอึ้งมองถุงยางในมือฉันสลับกับมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้น
“ไม่ต้องขอบคุณนะคะ” นางแบบสาวพูดจบก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
แอบเห็นสายตาไม่พอใจของหมอภูนะ แต่แล้วยังไงฉันไม่กลัวเขาหรอก วันนี้จะหยวนให้แต่ครั้งหน้าอย่าหวังว่าจะได้หิ้วผู้หญิงคนอื่นผ่านหน้าฉันไป
หลังจากได้รับข่าวร้ายว่าผู้ใหญ่ที่เคารพในวงการต้องผ่าตัดใหญ่ก็เป็นอันสิ้นสุดวันปีใหม่ที่อันนาเฝ้ารอคอย เธอรู้จักมาดามเจนซี่เป็นอย่างดีนั่นก็คือคนที่พาเธอโลดแล่นเข้าสู่วงการนางแบบที่ยอดเยี่ยม นับเป็นอีกหนึ่งคนที่ฉันเคารพนับถือมากเมื่ออายุล่วงเลยเข้าเลขห้าโรคร้ายก็มาเยือน
ถึงแม้การผ่าตัดจะผ่านพ้นไปด้วยดีทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย แต่ว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนมาดูแล อันนาเลยอาสาอยู่เฝ้าอาการมาหลายวัน
เธอรู้มานานแล้วว่าการผ่าตัดบายพาสครั้งนี้หมอที่ทำการผ่าตัดคือหมอภูธารานั่นเอง เธออยากขอบคุณเขาแต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอเลย
“วันปีใหม่ทั้งทีทำไมไม่กลับไปอยู่กับครอบครัว”
หญิงสาวยิ้มตอบก่อนจะยื่นน้ำเปล่าในแก้วไปให้คนป่วยบนเตียง อันนาอยู่เฝ้าล่วงเลยมาจนวันที่สี่มาดามก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล
“หนูบอกแล้วใช่ไหม ให้รับนางแบบเข้าสังกัดเยอะๆจะได้มีคนสนิทด้วยหน่อย” น่าเสียดายที่มาดามเจนซี่นางแบบผู้โด่งดังเห็นหน้าทุกนิตยสารเมื่อสามสิบปีที่แล้วตอนนี้กลับไม่เหลือใคร
“ก็พวกทะเยอทะยานน่ะมันดี แต่พอดังแล้วก็ลืมตัว” นางแบบเก่าส่ายหน้า เมื่อตอนนั้นนึกถูกชะตากับสามสาวสวยที่พึ่งเข้าวงการเลยอยากถ่ายถอดวิชาประสบการณ์ให้ ถึงแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคนแต่อย่างน้อยก็มีสองคนที่ยังมาเยี่ยมเยียนหล่อนอยู่เสมอ
“ทำไมไม่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลหนู”
“อ้าวเหรอ ฉันนึกว่าแกไม่ใช่ทายาทที่นั่นซะอีก”
“ทำไมละมาดาม?”
“ก็เห็นแกมาโรงพยาบาลแห่งนี้บ่อยกว่าโรงพยาบาลของบ้านแกอีก”
ก็เอาความจริงมาพูดเล่นไป
หลังจากมาดามพักผ่อนตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ฉันต้องทำงานสักหน่อยก็คือการไลฟ์สดทักทายแฟนๆของฉัน ก็นั่งเล่าเรื่องราวกันไปสามสิบนาที หลังจากนั้นก็บอกลาแฟนๆ สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้า
ในเวลานี้หมอภูน่าจะทานข้าวอยู่กับครอบครัว มันเหงาจนไม่รู้จะทำอะไร ยัยดาวิสาก็เดินแบบอยู่ปารีสซึ่งมีแฟนหนุ่มพ่วงท้ายไปด้วย แม้จะเป็นห่วงมาดามมากแต่ก็บินกลับมาได้ อันนาเลยรับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ก็เลยต้องมานั่งเหงาอยู่แบบนี้
เมื่อมาดามนอนหลับสนิทร่างเพรียวบางจึงมาเดินทอดน่องเล่นที่ระเบียงของชั้นที่อยู่ซึ่งตกแต่งออกแบบเป็นสวนย่อมมีศาลาเล็กๆ แล้วก็ม้านั่งอีกหลายตัวนางแบบสาวเลือกเดินไปนั่งที่มุมหนึ่ง มือก็ถือแก้วกาแฟและขนมปังทานเล่นกินรองท้องพร้อมด้วยถ้วยมาม่า
สายตามองออกไปไกลค่ำคืนที่ต่างมีเสียงเฮฮาเสียงพลุหรือแม้แต่เสียงประทัดดังสนั่น เมืองทั้งเมืองคงมีแต่รอยยิ้มเพราะวันนี้เป็นวันที่ครอบครัวต้องอยู่กันพร้อมหน้า เธอไม่ได้เศร้าหรอกนะเพราะก่อนหน้าครอบครัวก็วีดีโอคอลมาแล้วทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์ดีและก็ต่างร่วมอวยพร เวลายังคงผ่านไปเร็วเสมอยิ่งดึกยิ่งมีแต่แสงสีเสียงมากมาย กระทั่งท้องฟ้าในเมืองใหญ่ยังเป็นใจปรากฏกลุ่มดาวมากมายให้ได้เห็นด้วยตาเปล่า
“ดาวตก” ฉันมองเห็นหางดาวไวๆ โบราณบอกว่าถ้าเจอดาวตกคำอธิษฐานจะเป็นจริง อันนาหลับตายกมือขึ้นมาจับกันไว้ตรงหน้าอก เธอไม่เชื่อเรื่องงมงายแต่ไม่อยากลบหลู่
‘ถ้าเรื่องลี้ลับนี้มีจริง ขอให้เธอได้แต่งงานกันคนที่รักเธอและเธอรักเขาในปีหน้าด้วยเถิด...’
“มาทำอะไรตรงนี้ครับ?”
ท่าจะศักดิ์สิทธิ์!
“คุณหมอ!!” อันนาเสียงดังจนคนมาใหม่ในชุดกาวน์สีขาวขมวดคิ้ว
“ครับ?” เขาแค่เดินเข้ามาทักเพราะเห็นพยาบาลต่างซุบซิบกันว่าเจอนางแบบดังนั่งเล่นอยู่ตรงสวนย่อมเขาเลยเดินมาดู หรือเธอจะมารอเขาในวันสิ้นปีเพื่ออยากฉลองปีใหม่กับเขา
“คุณหมอต้องรับผิดชอบนะคะ ฉันกำลังอธิษฐานหาคู่แต่งงานหมอดันมาทักฉันให้ตกใจ หมอต้องรับผิดชอบ”