หลังจากที่มาคัสอนุญาตให้หนูบัวไปทำงานที่บริษัทของคริสติน เขาก็โทรไปหาเพื่อนสนิทด้วยตัวเองเพื่อฝากฝังลูกสาว ทางคริสตินยินดีเป็นอย่างมากและรับปากว่าจะดูแลหนูบัวให้ดีที่สุด
เมื่อถึงวันที่หนูบัวต้องไปทำงาน สองสามีภรรยาจึงมายืนส่งลูกสาวสุดรักสุดหวงอยู่ตรงหน้าบ้านด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะมาคัสเพราะหนูบัวต้องการขับรถไปเอง ตอนแรกมาคัสไม่ยอมบอกว่าจะไปส่งเองแต่เจอลูกอ้อนของเมียกับลูกสาวเข้าให้ชายหนุ่มจึงยอมใจอ่อน
“หนูบัวไปก่อนนะคะ แด๊ดดี้ คุณแม่” หญิงสาวเข้าไปกอดลาพ่อกับแม่ เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ไปอยู่ใกล้ ๆ คนที่ตนเองรัก
“ครับ ขับรถดี ๆ นะลูก หรือว่าหนูบัวจะให้แด๊ดดี้ไปส่งดี”
มาคัสไม่ค่อยอยากให้ลูกสาวขับรถไปเองจึงถามอีกครั้ง แด๊ดดี้สุดหล่อที่อายุเยอะแล้ว แต่ก็ยังหล่อเหมือนเดิมเป็นห่วงลูกมาก กลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้สบายมาก” หญิงสาวยืนยันกับบิดาอีกครั้ง ว่าเธอนั้นไปเองได้ไม่ต้องให้ท่านไปส่งเรื่องขับรถไม่ได้ยากเย็นอะไรอยู่อเมริกาเธอก็ขับเองอยู่เมืองไทยทำไมจะขับเองไม่ได้
“ไปเถอะลูกเดี๋ยวรถจะติดเอา”
มารดารีบบอกให้ลูกสาวให้ไปทำงาน ไม่อย่างนั้นรถจะติดเพราะเช้าวันจันทร์ในกรุงเทพรถติดมาก ต้องรีบออกไปตั้งแต่เช้าถึงจะไม่ปวดหัวกับการจราจรบนท้องถนน
“ค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะแด๊ดดี้ สวัสดีค่ะคุณแม่”
หนูบัวรีบเดินไปขึ้นรถที่พ่อซื้อมาให้ใหม่เป็นรถมินิคันเล็ก ๆ แล้วขับรถออกจากบ้านทันที ด้วยความตื่นเต้นที่อีกไม่นานเธอก็จะได้ทำงานใกล้ชิดกับพี่พอล
บริษัท 2VL GRUOP
สาขาประเทศไทยตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพในย่านธุรกิจ การจราจรแถวนี้ค่อนข้างติด ยิ่งเป็นเวลาเร่งด่วนยิ่งติดหนักเข้าไปอีก แต่โชคดีที่
หนูบัวกะเวลาออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าทำให้เธอหลุดพ้นจากสภาพรถติด
หนูบัวเดินทางมาถึงบริษัทในเวลาเข้าทำงานพอดี จึงเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์แล้วขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้นที่คริสตินทำงานเพื่อรายงานตัว ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่เธอต้องการ
หญิงสาวเดินออกจากลิฟต์ แล้วตรงไปยังห้องของท่านประธานทันที คริสตินได้บอกหนูบัวแล้วว่าเขาทำงานอยู่ชั้นไหนถ้ามาถึงให้ขึ้นมาหาได้เลยเขาจะรออยู่ในห้องทำงาน
“สวัสดีค่ะลุงคริส สวัสดีค่ะพี่พอล” หญิงสาวเดินมานั่งบนโซฟาตรงข้ามกับพอลที่เข้ามาในห้องของคริสตินก่อนหน้าหนูบัวไม่กี่นาที เพราะคริสตินเรียกให้ลูกชายมาพบจะคุยเรื่องงานของหนูบัว
“พร้อมไหมหนูบัว”
คริสตินเป็นคนถามหลานสาวที่ดูจะตื่นเต้นไม่น้อย เขาอยากได้หนูบัวมาเป็นลูกสะใภ้ ถึงได้คิดแผนให้หลานสาวมาทำงานกับลูกชายของตนเอง
คนเจ้าแผนการคิด ถ้าหากเด็กทั้งสองได้ใกล้ชิดกันความสัมพันธ์น่าจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน เหมือนตนเองกับภรรยาที่สุดท้ายก็ลงเอยกันเพราะความใกล้ชิด
“พร้อมมากค่ะ”
หนูบัวพูดออกมาอย่างมั่นใจพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ไปให้ คริสตินกับพอลที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาออกมาสักคำ นอกจากปรายตามองด้วยความเฉยชาตามประสาคนพูดน้อย
ชายหนุ่มนั่งสังเกตการณ์แต่งตัวของหนูบัวอยู่เงียบ ๆ เขาดูตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นการแต่งตัวของเธอแล้วเล่นเอาใจเขาสั่นไปหมด ไม่ใช่ว่าเธอแต่งตัวด้วยชุดวับ ๆ แวม ๆ เปิดนั่นเปิดนี่ แต่เธอใส่ชุดเดรสสีหวานแต่งหน้าหน่อย ๆ ทำให้ดูน่ารักกว่าวันแรกในตอนที่เจอกัน
“ดีมากหนูบัว ลุงจะให้หนูไปเป็นผู้ช่วยของพี่พอลนะ ให้พี่เขาช่วยสอนงาน”
“ค่ะลุงคริส”
“พอลพ่อฝากน้องด้วยนะลูก”
“ครับแด๊ดดี้”
“งั้นก็ไปทำงานเถอะ”
“ครับ” / “ค่ะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องทำงานของคริสตินไปยังห้องทำงานของพอลที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของชั้นนี้
หนูบัวหันไปมองบรรยากาศรอบ ๆ อย่างชื่นชม ที่นี่ถือได้ว่าเป็นบริษัทอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ที่มีผู้คนมากมายอยากเข้ามาทำงาน เพราะค่าตอบแทนสวัสดิการและอีกหลาย ๆ อย่างที่บริษัทให้นั้นถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยมาก
แต่น้อยคนนักที่จะสามารถเข้ามาทำงานในบริษัท 2VL GROUP ได้เพราะกระบวนการคัดเลือกคนเข้าทำงานค่อนข้างเยอะ และยากกว่าจะผ่านแต่ละด่านไม่ใช่เล่น ๆ ดังนั้นพนักงานของบริษัทนี้จึงเป็นคนที่มีคุณภาพมาก
“ถึงแล้วครับ นี่ห้องทำงานของพี่ เดี๋ยวหนูบัวทำงานในห้องของ พี่นะครับ” พอลเดินนำหนูบัวเข้ามาในห้องทำงานของตนเองที่มีขนาดกว้างขวางใหญ่โตไม่ต่างจากห้องของบิดา
“ค่ะ แล้วจะให้หนูบัวนั่งตรงนี้เหรอคะ” หนูบัวหันไปมองรอบ ๆ เห็นโต๊ะทำงานของตนเองอยู่ใกล้โต๊ะของชายหนุ่ม จึงดีใจมากที่ได้เข้ามาทำงานในห้องเดียวกับเขา ตอนแรกนึกว่าจะต้องไปทำงานห้องอื่นเสียอีก
แบบนี้ก็เข้าทางสิ ได้ใกล้ชิดพี่พอลเต็มที่
หนูบัวยิ้มมุมปากให้กับความคิดของตนเอง
“ใช่ครับแด๊ดดี้ให้ทำงานในห้องเดียวกับพี่”
พอลอธิบายให้เธอฟัง ว่าที่เขายอมนั้นเป็นเพราะลุงคริสของเธอบังคับเขาต่างหาก ไม่งั้นหนูบัวคงไม่ได้มาทำงานในห้องนี้หรอก
“ค่ะ แล้วจะให้หนูบัวทำอะไรก่อน ตอนนี้หนูบัวพร้อมมาก”
หญิงสาวเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง แล้วหันมายิ้มให้กับพอลซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขานั้นใจสั่นอีกรอบ ชายหนุ่มจ้องหน้าหนูบัวแบบเคลิ้ม ๆ จนไม่ได้ยินเสียงที่สาวน้อยเรียก
“พี่พอล พี่พอล”
“ครับ หนูบัวว่าอะไรนะ”
“หนูบัวถามว่าพี่พอลจะให้หนูบัวทำอะไรก่อนคะ หนูบัวพร้อมมากทำได้ทุกอย่างค่ะ”
“อ๋อ ครับ ๆ มีเยอะเลย”
จากนั้นชายหนุ่มก็เอางานมาสอนหนูบัวหลายอย่างเริ่มแรกจากงานเอกสารก่อน เขาค่อย ๆ ให้เธอเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ทีละอย่างแล้วนั่งสังเกตหญิงสาวเป็นพัก ๆ
พอลมองเห็นว่าเวลาที่หนูบัวทำงาน เธอมีความตั้งใจมากและเรียนรู้งานได้เร็ว สมแล้วที่เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้น ๆ ของโลก
ชายหนุ่มไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวขนาดนี้มาก่อน ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ในตัวเธอนอกจากความเอาแต่ใจที่อยากได้เขาเป็นแฟนอย่างเดียว
พอลอมยิ้มมุมปากทุกครั้งที่หันมาเห็นหนูบัวตั้งใจทำงาน เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงต้องยิ้มแบบนี้
ทั้งสองคนทำงานด้วยกันอย่างราบรื่นจนเที่ยงก็ถึงเวลาที่ต้องไปกินข้าวหนูบัวรู้สึกหิวจึงลุกขึ้นไปหาพอลที่โต๊ะของเขา
ชายหนุ่มนั่งทำงานอย่างตั้งใจทันทีที่เห็นว่าเธอลุกขึ้นมา เพราะแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา หนูบัวเดินมาหาพอลแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างหน้าโต๊ะทำงาน
“พี่พอลขา หนูบัวหิวข้าวแล้วพาหนูบัวไปกินข้าวหน่อยสิคะ”
เธอไม่ได้อยากรบกวนเขาเท่าไหร่หรอก เพราะเห็นพี่พอลของตนเองนั้นเคร่งเครียดกับงาน
แต่ไม่รู้ว่าต้องไปกินข้าวที่ไหนจึงเดินมาบอกให้เขาพาไป ซึ่งในความเป็นจริงพอลไม่ได้เครียดกับงาน เพราะมัวแต่มองคนที่ตนเองบอกว่าไม่สนใจแล้วที่ต้องทำหน้าเครียด เพราะกลัวเธอจับได้ว่าเขานั้นแอบมองอยู่ตลอด
“พี่ว่าเราสั่งมากินดีไหม หรือว่าหนูบัวจะลงไปกินข้างล่างดี”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วยความสงสาร เพราะเธอเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกยังไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร
“พี่พอลมีร้านแนะนำไหมคะ หรือพี่พอลบอกหนูบัวมาก็ได้ว่าร้านอยู่แถวไหนเดี๋ยวหนูบัวไปเองจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่พอล”
หนูบัวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแบบว่าเกรงใจแต่จริง ๆ แล้วเธอแค่แสดงละครเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าพอลเป็นสุภาพบุรุษไม่มีทางปล่อยให้เธอไปคนเดียวแน่นอน
“เดี๋ยวพี่พาไปเองครับ งั้นไปกินที่ Food Court แล้วกันนะ ที่นั่นมีร้านอาหารเยอะแยะให้หนูบัวเลือก แต่หนูบัวกินที่ Food Court ได้ใช่ไหม” พอลอยากรู้ว่าลูกคุณหนูแบบหนูบัวจะไปกินร้านธรรมดาใน Food Court ได้ไหมจึงลองหยั่งเชิง
“ได้ค่ะ สบายมาก หนูบัวกินที่ไหนก็ได้ขอแค่อร่อยก็พอ”
หญิงสาวกับน้องชายฝาแฝดกินอะไรได้ทั้งนั้นแหละขอแค่อาหารนั้นอร่อยจะข้างทางขึ้นห้างเธอก็ไม่เกี่ยง
“โอเค งั้นลงไปเถอะ” พอลได้ฟังคำตอบจากหนูบัวแล้วรู้สึกพึงพอใจไม่น้อยที่หญิงสาวไม่เรื่องมาก
“ค่ะ”
หนูบัวยิ้มออกมาอย่างน่ารัก เธออยากเข้าไปหอมแก้มเขาสักฟอดเพื่อให้รางวัล ที่ชายหนุ่มยอมพาตนเองไปกินข้าวด้วย แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะมันยังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลาเธอจะไม่ให้แค่หอมแก้มหรอกทำอย่างอื่นดีกว่า หนูบัวเดินตามพอลออกไปพร้อมกับคิดในหัวอย่างซุกซน
ในระหว่างขึ้นลิฟต์เป็นช่วงพักเที่ยงพอดีทำให้ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่ลงมากินข้าว
พอลกับหนูบัวจึงต้องขยับตัวเข้าไปข้างในจนสุด ชายหนุ่มเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนข้าง ๆ เธอกำลังแอบมองตรงหน้าอกของหนูบัว ทั้งที่เธอก็แต่งตัวมิดชิด แต่พอลรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เลยทำเนียนขยับตัวขึ้นมาบังหนูบัวแทน แล้วให้เธอไปยืนอยู่หลังตนเอง เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วผู้ชายคนที่แอบมองหนูบัวก็ทำท่าทางเซ็ง ๆ พอลยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจที่ผู้ชายคนนี้ไม่สามารถเห็นหนูบัวได้อีก
“พี่พอลเมื่อกี้ในลิฟต์มีอะไรไหมคะ ทำไมถึงได้ดันหนูบัวให้ไปอยู่ข้างหลังแบบนั้น” หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์ หญิงสาวก็ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะอยู่ ๆ ชายหนุ่มก็ดันตัวเธอให้เข้าไปอยู่ข้างหลังเขาแทน
“เปล่าครับไม่มีอะไร พี่แค่เห็นคนเยอะกลัวหนูบัวจะอึดอัด”
พอลไม่รู้จะบอกเธออย่างไรดี จะให้เขาบอกว่าหงุดหงิดที่เห็นผู้ชายอื่นเข้าใกล้เธอมันก็ไม่ใช่จึงเลือกบอกแบบนั้น
“งั้นเหรอคะ” หนูบัวไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะไม่ได้ติดใจสงสัยในพฤติกรรมของเขา
ทั้งสองคนไปกินข้าวที่ Food Court ด้วยกันทำให้พนักงานพากันซุบซิบนินทา เพราะไม่เคยเห็นท่านรองประธานพาใครมาทานข้าวด้วยเลย ต่างคนก็ต่างอยากจะรู้ว่าหญิงสาวปริศนาคนนี้คือใคร
หลังจากที่กินข้าวเสร็จทั้งคู่ก็กลับมาทำงานตามเดิม ตกเย็นเมื่อถึงเวลาเลิกงานต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนกลับพอลเดินมาหาหนูบัวแล้วยื่นเบอร์โทรศัพท์ให้เธอแล้วบอกว่า
“เผื่อมีอะไรติดต่อมาได้ตลอด”