บทที่ 5
“อุ๊ย!” แสงระวีอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อเธอมัวแต่เผลอคิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้จนทำให้ผ้าคลุมไหล่ผืนบางถูกลมกระชากปลิวลงไปในคลื่นที่สาดฟองเข้ามา ร่างเล็กรีบลุยน้ำลงไปและก้มลงเพื่อจะเก็บผ้าผืนนั้นแต่กลับไม่ทันมือหนาที่ตวัดมันขึ้นมาได้เสียก่อน
“ผ้าคลุมไหล่เปียกหมดแล้วน่ะ เร”
ปราบพูดขณะมองผ้าเปียกน้ำทะเลในมือ เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ความลึกของน้ำอยู่แค่ครึ่งน่องของเธอ
“แย่จังเลยค่ะ สงสัยเรต้องกลับบังกะโลแล้วล่ะ จะได้รีบเอามันกลับไปซัก”
หญิงสาวมองผ้าในมือของเขาเหมือนเสียดาย แต่พอเธอจะหยิบผ้าผืนนั้นมือหนาของปราบกลับหุบลงและกอบกุมมือเรียวบางไว้ไม่ยอมปล่อย
“คุณปราบ” แสงระวีอุทานเบา ๆ เหมือนมีไฟฟ้าแล่นเข้าไปจับขั้วหัวใจที่เต้นรัวเร็ว เธอช้อนตามองเขา ไม่ได้ยั่วยวนแต่เกิดจากความประหลาดใจในท่าทีแปลก ๆ ของชายหนุ่ม
“จะรีบกลับไปไหนกัน เร?” เขาถามขณะก้มหน้าลงมาและแสงระวีก็ไม่ได้เบี่ยงหลบเสียด้วย
“เอ้อ...” เธอพูดอะไรไม่ออกเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงมาจนเกือบชิด มือเรียวบางยังถูกกอบกุมไว้และใบหน้าของเขาก็ก้มลงมาใกล้ทุกขณะ ดนัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนประกายจากแสงจันทร์วิบวับขณะจับจ้องอยู่บนผิวนวลเนียนที่โผล่พ้นสายสปาเก็ตตี้บนไหล่ของหญิงสาว
“เห็นมัยว่าคืนนี้พระจันทร์สวยแค่ไหน ฉันชอบออกมานั่งตรงนี้ดูดวงจันทร์เต็มดวง”
“คุณปราบคะ...เรว่า...”
เธอพูดไม่ทันจบประโยคริมฝีปากของเขาก็แนบลงบนกลีบปากของเธออย่างนุ่มนวล แสงระวีเกิดอาการวูบวาบเมื่อลิ้นของเขาดุนดันเข้าไปในปากของเธออย่างช่ำชองชำนาญ
โอย...จะทำยังไงดี เกิดมายังไม่เคยจูบกับใครสักครั้ง ปราบเป็นคนแรกที่แทรกลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ไม่แค่จูบเธอเฉย ๆ เขายังตวัดแขนใหญ่ไปรอบเอวของหญิงสาวก่อนจะดันตัวเธอเข้าไปชิดตัวเขา บดเบียดกับอกกว้างของเขาที่เธอชอบมองกล้ามเป็นมัดหนั่นแน่นเวลาปราบสวมเสื้อยืด
แล้วยังจะแขนของเขาอีกที่มีกล้ามเนื้อแน่น แสงระวีไม่ยอมขยับตัวไปไหน เธอตื่นเต้นจนจะแย่ไม่เคยถูกผู้ชายกอด ไม่เคยถูกผู้ชายจูบ เธอแค่อยากจะยั่วให้เขาหัวปั่นต่างหาก แต่ครั้งนี้เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ ยอมให้เขากอดเธอได้ในที่สุด
แสงระวีวาบหวิวในกายตั้งแต่ริมฝีปากของเธอที่ถูกเขาบดคลึงและดูดดุนลิ้นเล็ก หวั่นหวามและรู้สึกถึงความเสียวสยิวที่แล่นไปทั่วยอดอกเมื่อถูกอกกว้างบดเบียด อยากวิ่งหนีกลับไปบังกะโลของเธอตอนนี้ แต่ก็นึกเสียดายรสลิ้นที่กำลังโรมรันในปากของเขา รสชาติของปราบดึงดูดเธอทั้งจูบแสนสยิวและร่างกายสมความเป็นชายนั้น
“คุณปราบคะ” เหมือนเธออยากจะทักท้วง แต่ร่างบอบบางกลับถูกเขาช้อนขึ้นไว้ในอ้อมแขนและเดินกลับไปที่โขดหิน ปราบวางหญิงสาวลงบนพื้นทรายข้างโขดหินสีดำทะมึนใต้แสงจันทร์และวางผ้าผืนนั้นที่ยังเปียกลงข้างตัวหญิงสาว
“เอ้อ...เรากลับกันเถอะค่ะ” แสงระวีได้ทีบอกเขา แต่หญิงสาวกลับหายใจหอบและแรงหายใจทำให้ทรวงอกแสนสวยที่เธอตั้งใจไม่สวมบราเซียออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนไหวกระเพื่อม ยอดอกของเธอทั้งสองข้างชูชันจนเขาเห็นใต้แสงจันทร์ได้อย่างไม่ยากเย็น
“เร...เธอคิดว่าเธออยู่ที่นี่ได้ไหม?”
ปราบถามด้วยเสียงแหบพร่าและไล้ฝ่ามือลงบนสายสปาเก็ตตี้ของหญิงสาว
“เรต้องอยู่...ช่วยดูแลงานบ้านของคุณอยู่แล้วนะคะ”
เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ ตอนที่สบตากับเขา แสงระวียังนึกถึงจูบเมื่อครู่ ไม่อยากให้เขาถอนริมฝีปากออกไป ทำไมเธอต้องนึกเสียดายขนาดนี้ เร็วไปหรือเปล่าสำหรับชายหนุ่มหญิงสาวที่พบกันใต้แสงจันทร์บนเกาะอันเปล่าเปลี่ยว มันอาจเป็นอารมณ์เหงาของเขาก็ได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเธอกลับมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ นั่นคือจูบเธอและทำให้เธอรู้สึกเสียวสยิวขึ้นมาด้วยร่างกายของเขา แสงระวีสับสนในตัวเองว่าเธออยากยั่วหรือกลายเป็นว่าเธอเริ่มคล้อยตามอารมณ์รัญจวนของปราบกันแน่
“เร...ถามจริง ๆ เถอะ เคยจูบผู้ชายหรือเปล่านี่?”
ปราบถามแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ ลมหายใจของเขาเหมือนลูกไฟลามเลียอยู่บนผิวของเธอ แสงระวีส่ายหน้าแทนคำตอบ ใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กสาวที่พึ่งจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ทำให้ปราบอยากบดจูบบนปากจิ้มลิ้มเสียให้หนักถ้าไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ
“คุณปราบล่ะคะ คงจะจูบผู้หญิงมามากซีนะคะ”
“ฉันก็เคยมีแฟนนะ แต่นั่นก็นานมาแล้ว”
“อย่าบอกว่าที่คุณปราบมาอยู่ที่เกาะนี้เพราะอกหักนะคะ”
คำพูดของเธอจุดรอยยิ้มทรงเสน่ห์บนรอยปากหยัก ปราบยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนริมฝีปากของเขาเกือบจะชนกับกลีบปากนุ่มของเธออยู่แล้ว แสงระวีแทบไม่ขยับตัว เธอชอบกลิ่นที่มาจากเขา เหมือนกลิ่นอำพันจากท้องทะเลลึกที่อาบอยู่บนผิวของชายหนุ่ม
“ฉันชอบอยู่คนเดียว เธอคงคิดว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงล่ะสิ”
“เปล่านะคะ” แสงระวีรีบกลบเกลื่อน ปราบคงไม่รู้ว่าเธอเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว จากที่คิดว่าเขาเป็นประเภทไม่สนใจผู้หญิงตอนนี้เธอเชื่อเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็จากจูบดูดดื่มนั่นไง เขากำลังจุดประกายไฟในตัวเธอ
“แล้วเธอคิดกับฉันยังไงล่ะ เร?”