ณ ร้านส้มตำป้าเฉื่อย นั่งเมื่อยรอยันชาติหน้า “แหม นานๆ ทีเพื่อนไนท์จะใจดีเลี้ยงส้มตำเพื่อนสิบ พูดไปก็เกรงใจ” ไอ้สิบยิ้มแก้มปริหลังจากที่ผมเผลอเคลิ้มคำว่า ‘ห่วง’ ของมันจนมาจบลงที่ร้านส้มตำป้าเฉื่อยที่เฉื่อยสมชื่อ แต่ก็อร่อยคุ้มค่าแก่การรอ ปากมันก็บอกว่าเกรงใจ แต่การกระทำน่ะต่างกันลิบ… “ป้าๆ ตำปูปลาร้า สอง คอหมูย่าง สี่ ต้มแซ่บเด็ดๆ หนึ่ง ข้าวเหนียว สามติ๊บ ด่วนนะป้า” มันโบกไม้โบกมือแล้วสั่งอาหารด้วยใบหน้าลัลล้าเกินกว่าปกติ ใช่สิ คนจ่ายคือกูนี่… “นี่มึงเกรงใจแล้วใช่ไหม? -_-” “เออสิ นี่กูสั่งน้อยแล้วนะ ความจริงแค่นี้ไม่ถึงครึ่งกระเพาะกูด้วยซ้ำ” มันว่า โถ เพื่อนสิบ นี่กระเพาะคนหรือควาย จะเอาอะไรไปใหญ่ขนาดนั้น “วันนี้กูมั่นใจมากว่าป้าเฉื่อยจะทำอร่อยกว่าปกติ” “แน่สิ ของฟรีอะไรก็อร่อย” ผมพ่นลมหายใจ แม่งเอ๊ย ไม่น่าหลงลมปากมันเลย รู้สึกพลาดอย่างมหันต์ =_=^ “เฮ้ย แต่ค่าน้ำแข็งกูออกเอง เดี๋ยวจ