ไคล์พยักหน้ารับ นึกถึงตอนเข้าไปดูศพของปีเตอร์ และฟังผลชันสูตรศพจาก พ.ต.ท.พิรุณที่ได้บอกให้เขาทราบในขณะนั้น ก่อนจะเอ่ยถามลูกน้อง
“นายจำได้ไหมไบรอัน พ.ต.ท.พิรุณบอกว่าปีเตอร์ถูกแทงสองแผล ที่หน้าท้องหนึ่งแผล และบาดแผลที่ส่งปีเตอร์ไปเยียนโลกยมบาลคือแผลตัดขั้วหัวใจ”
“ครับเจ้านาย ผมจำได้ ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณปีเตอร์มีน้ำหนักถึงร้อยโลฯ คนที่จะแทงคุณปีเตอร์ได้ถึงสองแผลต้องตัวใหญ่พอๆ กันเขาถึงจะทำได้เช่นนั้น”
“ที่นายพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง คนที่จะล้มปีเตอร์ได้ต้องตัวใหญ่ไม่ต่างจากหมีควาย แล้วนายคิดหรือว่า ไอ้ปีเตอร์มันจะคั่วผู้หญิงบาร์ที่มีหุ่นแบบนั้น”
ไคล์พูดตามความเป็นจริง ผู้หญิงที่ปีเตอร์ควงไม่ซ้ำหน้ากัน ล้วนเป็นพวกนางแบบ หุ่นบางสะโอดสะองด้วยกันทั้งสิ้น และแน่นอนว่าผู้หญิงบาร์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าปีเตอร์ ก็คงมีทรวดทรงไม่ต่างจากนางแบบพวกนี้
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้หญิงตัวเล็ก สามารถจ้วงแทงคุณปีเตอร์ได้ถึงสองแผล” ไบรอันเอ่ยวิเคราะห์ ซึ่งเขาคิดไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คงล้มปีเตอร์ไม่ได้ง่ายๆ แน่
“และมันเป็นไปได้อย่างไร ที่ไม่เจอคนร้ายในที่เกิดเหตุ ซึ่งเรามั่นใจว่าหากผู้หญิงคนนั้นแทงปีเตอร์ได้ถึงสองบาด
แผล นั่นก็หมายความว่าต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นบ้าง ปีเตอร์มันต้องเล่นงานผู้หญิงคนนั้นปางตาย จนหนีออกไปจากห้องไม่ได้”
“เจ้านายกำลังคิดว่ามีใครมาสวมรอยเก็บคุณปีเตอร์ใช่ไหมครับ”
ไคล์พยักหน้ารับ คำถามของไบรอันคือสิ่งที่เขากำลังขบคิดอยู่ในขณะนี้ “เป็นไปได้ที่ปีเตอร์อาจจะถูกฆ่าตัดตอน นายก็รู้ดีไม่แพ้เราว่าทั้งคนมีสี และพวกมาเฟียในพัทยา ต่างก็จ้องจะเก็บปีเตอร์อยู่แล้ว”
“ถ้าเป็นจริงดั่งที่เจ้านายพูดมา ไอ้คนที่เก็บคุณปีเตอร์ มันก็ฉลาดเป็นกรด ลงมือฆ่าคุณปีเตอร์ แต่โยนความผิดไปให้คนอื่นแทน”
“ใช่! พวกมันฉลาดเป็นกรดที่ฆ่าปีเตอร์แล้วป้ายความผิดให้กับผู้หญิงบาร์คนนั้น” น้ำเสียงของไคล์เต็มไปด้วยความโกรธจัด
“เจ้านายจะลงมือตามหาคนร้ายเองใช่ไหมครับ” ไบรอันเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“แน่นอน เราจะลงมือเอง ในเมื่อมีเศษสวะกล้าหยามเกียรติของคนในตระกูลพาร์กเคอร์ เราก็จะตอบแทนพวกมันให้สาสม!”
น้ำเสียงที่เค้นออกมานั้นเย็นยะเยือก ดวงตาแข็งกร้าวไปด้วยไฟแค้น เสือร้ายอย่างไคล์บอกตัวเองว่าคดีของ
ปีเตอร์มีเงื่อนงำซ่อนอยู่ และเขากำลังจะกระโจนเข้าไปคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเอง แม้ต้องพลิกแผ่นดินพัทยา เขาก็จะตาม ‘ล่า’ คนร้ายตัวจริงให้จงได้ และจะส่งมันผู้นั้นให้ไปเยือนโลกยมบาลเช่นเดียวกันกับปีเตอร์
บทที่ 4
‘เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งภาพสเก็ตของหญิงสาวผู้นี้ไปตามสถานีขนส่ง และผู้ประกอบการรถยนต์ทุกแห่งในพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง’
ธาราเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง ยิ่งนึกถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจที่ทำคดีของปีเตอร์ ก็ยิ่งหวาดกลัว อยากร้องไห้กับโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกกับเธออย่างร้ายแรงที่สุดในชีวิต ป่านนี้ภาพของสเก็ตของเธอคงถูกส่งไปทั่วทุกสถานที่ ทุกคนคงตามหาตัวเธอ เพื่อแลกกับเงินห้าแสนบาท แล้วเธอจะหนีไปได้อย่างไร แค่เพียงก้าวออกจากบ้านของไคล์ ก็คงถูกรวบตัวให้เข้าไปกินข้าวแดงในลูกกรงแล้ว
“ธาราเธอจะหนีไปไหนได้”
หญิงสาวถามตัวเองไม่ต่างจากคนบ้า ใครๆ ก็อยากได้เงินห้าแสน ใครๆ ก็อยากล่าตัวเธอเพื่อเอาไปแลกกับเงินครึ่งล้าน ซึ่งไม่สามารถหาได้ง่ายๆ ได้ในพริบตาเดียว
“ถ้าขออยู่ในบ้านหลังนี้ คุณไคล์จะยอมให้ฆาตกรหลบอยู่ในบ้านของเขาไหม”
“ไม่! เราจะให้คุณไคล์และลูกน้องของเขารู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าเราเป็นคนฆ่านายปีเตอร์ เขาเป็นพี่น้องกัน เขาจะต้องแก้แค้นให้กับญาติของอย่างแน่นอน”
ธารากำลังจะกลายเป็นคนบ้า หญิงสาวถามเองตอบเอง เพื่อหาทางหนีรอดจากเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่างบางระหงเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี
แน่นอนว่า...หากไคล์รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าปีเตอร์ เขาคงไม่ลังเลส่งเธอให้ไปทักทายกับปีเตอร์ในนรก ซึ่งเธอจะไม่ให้ไคล์รู้เป็นอันขาด
‘แหล่งซ่อนตัวดีที่สุดคือแหล่งที่อันตรายที่สุด’
ธารานึกถึงคำพูดที่เคยได้ยินมา ใช่! บ้านของไคล์ เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดสำหรับเธอ แต่ขณะเดียวกันมันก็แหล่งซ่อนตัวที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอด้วย
“เธอต้องลองนะธารา ต้องลองคุยกับเจ้าพ่อคนนี้ดู”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างบางระหงก็เดินเป็นวิ่งออกจากห้องนอนลงบันไดตรงไปยังห้องโถงใหญ่ นึกดีใจที่เห็นไคล์กลับมาจากสถานีตำรวจแล้ว เพราะตอนนี้เธอกำลังใจร้อน อยากขอความช่วยเหลือ อยากขอความเมตตาจากเจ้าพ่อผู้นี้อีกสักครั้ง
“คุณไคล์คะ”
“เจ้านายครับ”
ธาราเรียกผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ พร้อมกับเดนิสซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาภายในบ้าน และตะโกนเรียกผู้เป็นเจ้านายพร้อมๆ กับหญิงสาวด้วย
“มีอะไร เดนิส” ไคล์เลือกหันไปเอ่ยถามลูกน้องเป็นอันดับแรก
“ผมมีเรื่อง...เอ่อ...” เดนิสอ้ำอึ้งอยู่ในลำคอ เหลือบสายตามองธารา ตัดสินใจอยู่เสี้ยววินาที ว่าจะบอกเจ้านายดีหรือไม่
“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับเจ้านาย”
ในที่สุดเดนิสก็เลือกการเก็บงำในสิ่งที่ตนเองสงสัยไว้ก่อน และเพื่อไม่ให้ถูกเจ้านายซักถามไปมากกว่านี้ พอเอ่ยปฏิเสธแล้ว ก็รีบเดินออกจากห้องโถงใหญ่ท่ามกลางสายตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยของไคล์และไบรอัน
“ไอ้เดนิสมันเป็นอะไรของมัน ทำท่าจะบอกอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่คายออกมา”
ไคล์ด่าลูกน้องด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปถามธาราต่อด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ยังอยู่อีกหรือ...ธารา...ผมนึกว่าคุณออกไปจากบ้านของผมแล้ว”
ธาราหน้าม้านกับคำเหน็บแนมของไคล์ แต่ก็ข่มความอายไว้ หญิงสาวเหลือบมองไบรอัน ก่อนจะเอ่ยขอร้องไคล์ต่อด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ฉัน...ฉัน...ขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ”