วิญญานเร่ร่อน

1273 คำ
“เอ..ดูตามเส้นลายมือแล้วบ่งบอกถึงการกลับมาของๆรัก แสดงว่าบุตรชายของท่านได้กลับมาอยู่กับท่านแล้วนะเจ้าคะ” “อะไรนะ! จะเป็นไปได้ยังไงกัน ในเมื่ออาทิตย์ก่อนข้าพึ่งได้ว่าจ้างให้ท่านเซียนไปสวดส่งวิญญาณของเขาให้เขาไปเกิดใหม่แล้วนี่นา ทั้งยังมอบข้าวของเครื่องใช้ให้ท่านเซียนสวดส่งไปให้อีกตั้งมากมาย นี่อีกสามวันข้างหน้าข้าก็จะต้องซื้อข้าวของและจัดเตรียมอาหารชนิดต่างๆ ให้ท่านเซียนเพื่อให้สวดส่งไปให้อาเปาอีกครั้งด้วย แม่นางเจ้าดูผิดหรือไม่” เพียงได้ฟังหญิงสาวก็รู้แล้วว่ามารดาของเปาเปาน้อยนั้นได้ถูกเซียนปลอมหรือพวกมิจฉาชีพหลอกเข้าให้แล้ว เพราะเมื่อนางหันไปมองเป็นเชิงถามว่าวิญญาณน้อยได้รับสิ่งใดจากการอุทิศให้หรือไม่ เขาก็ส่ายหน้าเป็นการบ่งบอกว่าตนไม่ได้รับสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย ร่างบางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนจะนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านดูนะเจ้าคะว่าบุตรชายของท่านได้มาอยู่กับท่านแล้วจริงๆ” ร่างบางหลับตาลงก่อนจะตั้งจิตแผ่ส่วนกุศลใดๆทั้งหมด ที่ตนได้เคยกระทำมาทั้งชีวิตยกมอบให้แก่วิญญาณของเด็กน้อยตรงหน้า ให้เขาสามารถแสดงปาฏิหาริย์สักอย่างเพื่อให้มารดาของเขาได้รับรู้รับทราบ เพื่อที่นางจะได้คลายความโศกเศร้าและความคิดถึงต่อผู้เป็นบุตรชาย และด้วยความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือของหญิงสาวที่ส่งมอบความปรารถนาดีให้ทำให้ร่างเล็กเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลัน จากร่างเล็กที่ผอมแห้งกลายเป็นร่างน้อยที่อวบอ้วนทั้งยังมีแสงสว่างส่องมาจากร่างของเขาอีกด้วย เป็นการบ่งบอกถึงการปรับเปลี่ยนภพภูมิของร่างเล็กจากวิญญาณเร่ร่อนแปรเปลี่ยนเป็นวิญญานที่มีพลังในทันที ทันใดนั้นปลาที่วางตากอยู่ก็ค่อยๆ ลอยมาหาผู้เป็นมารดาของเปาเปาน้อยและวางลงตรงหน้าของนาง เรียกสายตาอันตกตะลึงก่อนจะกลับกลายเป็นรอยยิ้มและหยาดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มให้หลั่งออกมามากมาย “เปาเอ๋อร์!เปาเอ๋อร์ของอาเหนียง เจ้ากลับมาอาหาเหนียงแล้วจริงๆ เปาเอ๋อร์ ฮือๆๆ” “บุตรชายของท่านฝากบอกว่า คิดถึงข้าวต้มกับปลาแห้งย่างฝีมือของท่านด้วยเจ้าค่ะ” “ย่อมได้เปาเอ๋อร์! เหนียงจะทำให้ แม่นางช่วยบอกเขาให้ข้าที ว่าข้าจะทำไปเซ่นไหว้ให้เขาอย่างแน่นอน” “เขารับรู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านป้าวางใจเถิดนะเจ้าคะ” หลังจากที่คลายความโศกเศร้าลงมากแล้วมารดาของวิญญาณน้อยก็เชื้อเชิญให้หญิงสาวอยู่กินข้าวกินปลาเสียด้วยกันเป็นการตอบแทนที่นางช่วยสื่อสารกับบุตรชาย หลังจากที่ได้สอบถามที่มาที่ไปของสตรีแปลกหน้าคร่าวๆแล้ว นางจึงแนะนำให้หญิงสาวลองเดินทางไปยังจวนของเศรษฐีตระกูลหลูในหมู่บ้านนี้ ที่ยามนี้บุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลกำลังเจ็บป่วยโดยไม่มีสาเหตุ และหากผู้ใดรักษาได้ก็จะมีเงินรางวัลก้อนใหญ่มอบให้ หญิงสาวจึงเห็นว่านี่จะเป็นหนทางให้นางได้มีเงินติดตัวเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป จึงตั้งใจที่จะแวะไปยังบ้านของตระกูลหลูก่อนที่จะลาจากหมู่บ้านนี้ไป แต่ในระหว่างทางที่เดินทางไปยังจวนของนายท่านหลูนั้น กลับพบเข้ากับหนึ่งวิญญานและหนึ่งเทพเจ้าที่ๆ คอยคุ้มครองดูแลรักษาจวนแห่งหนึ่งกำลังทะเลาะกันอยู่ นางจึงตั้งใจที่จะเดินผ่านเลยไปเฉย แต่ไม่นึกว่าท่านเทพเจ้าที่จะมีโทสะจนฟาดพลังสีทองเข้าใส่วิญญานตนนั้นจนกระเด็นออกมายังจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ หญิงสาวจึงร้องอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจจนทั้งคู่หันมาจับจ้องยังนางอย่างแปลกใจ “เจ้าเห็นพวกข้าหรือ!” วิญญาณชายผู้นั้นรีบลุกขยับเข้าไปใกล้ร่างบางก่อนจะเดินวนไปมาอย่างสำรวจตรวจตรา ร่างบางรีบขยับหลบและทำท่าจะเดินจากไปแต่กลับถูกร่างโปร่งแสงพุ่งมาดักหน้าจนหญิงสาวต้องชะงักการก้าวเดินอีกครั้ง ” เจ้าเห็นข้าจริงๆ ด้วย ใช่มั้ย!“ ไอฝนที่อยู่ในร่างบางลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา ”ใช่ข้าเห็น แต่คุณ เอ่อ ท่านไม่ต้องสนใจข้าหรอก เพราะข้าแค่เดินทางผ่านมาเท่านั้น และกำลังจะจากไปแล้ว” ” ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะต้องช่วยข้าได้อย่างแน่นอน นะแม่นางช่วยข้าหน่อยเถิดนะ ช่วยข้าที” วิญญาณชายผู้นั้นเริ่มร่ำไห้ออกมาในทันที พลางกล่าวอ้อนวอนอย่างน่าสงสารจนนางต้องลอบถอนหายใจเบาๆ “โอเค จะให้ช่วยอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ” แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจคำแปลกๆ ที่หญิงสาวเอ่ยแต่วิญญาณหนุ่มก็รีบเลิกร้องไห้ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของตนให้นางฟัง ว่าตนนั้นเป็นพ่อค้าที่เดินทางเร่ร่อนไปค้าขายตามเมืองต่างๆ อยู่เป็นประจำ แต่วันหนึ่งในขณะที่ตนกำลังเดินทางกลับก็มาถูกโจรปล้นและฆ่าตายทั้งยังทิ้งศพของเขาเอาไว้ที่นอกชายป่าของหมู่บ้านนี้ ทำให้วิญญานของเขาพยายามที่จะกลับบ้านของตนไปเพื่อจะบอกให้ลูกเมียได้รับรู้ แต่กลับถูกเทพเจ้าที่ขัดขวางไม่ยินยอมให้เขาเข้าไปในบ้าน ตนจึงล่องลอยมาจนถึงบ้านของเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็เข้าไม่ได้เช่นเดิมจึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น “แม่นาง ข้าแค่ต้องการเข้าไปพบหน้าเพื่อบอกลาลูกเมียเท่านั้น แต่พวกเทพเจ้าที่กลับใจร้ายไม่ยอมให้ข้าเข้าไป” เขารีบกล่าวฟ้องอย่างเจ็บใจ ทั้งๆ ที่สมัยมีชีวิตอยู่ตนก็เป็นเจ้าของบ้านผู้หนึ่งทั้งยังเคยเซ่นไหว้เทพเจ้าที่เป็นอย่างดีอยู่เสมอๆ ไม่นึกว่าพอตนตายไปแล้วเทพเจ้าที่กลับจะทำเป็นไม่รู้จักทั้งยังไม่ยอมเปิดทางให้อีกด้วย ” แต่ท่านได้ตายไปแล้วนะเจ้าคะ การที่คนเราละจากกายสังขารไปแล้วนั้นก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดพันธะของการสมมุติแห่งความเป็นเราเป็นเขาแล้ว หมายความว่าไม่มีของเราหรือของเขาอีกต่อไป ดังนั้นบ้านหรือลูกเมียก็ไม่ใช่ของท่านอีกต่อไป ท่านเทพเจ้าที่จึงไม่อนุญาตให้วิญญานในสังสารวัฏลุกล้ำเข้าไปยังเขตการปกครองรักษาของท่านได้น่ะเจ้าค่ะ” “ไม่! ข้าไม่ยอม ข้ายังไม่อยากตาย ข้าจะกลับไปหาลูกเมียข้า แม่นางช่วยข้าทีเถิด อย่างน้อยๆ ก็ให้พวกเขาได้รับรู้ว่าข้าได้จากพวกเขาไปแล้ว ฮือๆๆ” เขาเสียชีวิตมาเกือบสิบวันแล้วแต่กลับไม่มีใครรับรู้ข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย เขาจึงต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนมีห่วงไร้ที่ไปอยู่เช่นนี้ เมื่อได้ฟังเช่นนั้นร่างบางจึงนึกเห็นใจวิญญาณตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจยอมช่วยเหลืออดีตคนตรงหน้าให้ได้พบหน้าลูกเมียสักครั้ง เขาจะได้ไปจากโลกนี้อย่างหมดห่วงเสียที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม