Chapter 4 คุณชายห้า
“คุณชายห้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
สาวใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานข่าวแก่นายอำเภอเฉินและฮูหยินเฉินที่กำลังนั่งจิบน้ำชาชมสวนดอกไม้พลางฟังเสียงกู่เจิง[1]จากลูกสะใภ้ใหญ่ที่กำลังขับกล่อมบรรเลงด้วยความเริงรมย์
“เจ้าว่าอะไรนะ! เสี่ยวเทียนกลับมาแล้วอย่างงั้นเหรอ!”
ฮูหยินเฉินชิวเจียผุดลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ ใบหน้าอวบอิ่มแย้มยิ้มจนดวงตาเล็กหยีนั่นเพราะ ‘เฉินเทียนอี้’ คือบุตรชายคนเล็กที่นางเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอม ด้วยเป็นลูกหลงคนสุดท้องที่มีอายุห่างจากลูกคนอื่นๆ นับสิบปี นางจึงทุ่มเททั้งความรักและความเอาใจใส่ให้แก่บุตรชายคนเล็กทั้งหมด
“เจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวรับใช้รายงานว่าเห็นคุณชายห้าที่ตลาด กำลังมุ่งหน้ากลับจวนเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นจะรอช้าอยู่ทำไมเล่า พวกเจ้ารีบไปจัดเตรียมสุราอาหารอย่าให้ขาด ลูกข้าออกจากจวนไปถึงห้าปี ในที่สุดก็กลับมาเสียที”
ชิวเจียน้ำตาซึม ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาซับหยาดน้ำตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีที่ยังคงนั่งนิ่ง ทำราวกับไม่รับรู้การมาของบุตรชายคนเล็ก
“ท่านพี่...อย่าวางท่าให้มากนักเลย คิดถึงลูกก็แสดงออกมาเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฉินปราดไปนั่งข้างสามีแล้วบีบนวดลงบนต้นแขนของเขาอย่างเอาใจ
“ใครจะไปคิดถึงเจ้าลูกไม่เอาไหน!”
“ท่านพี่นี่ละก็ ห้าปีที่ผ่านมาเสี่ยวเทียนออกไปค้นหาตัวเอง อย่างน้อยๆ คงได้วิชาอะไรติดตัวมาบ้าง ทิฐิของท่านปล่อยวางลงเสียบ้างเถอะนะ”
นายอำเภอเฉินมองหน้าฮูหยินแล้วส่ายหน้างุด พลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ชิวเจียเจ้าจะไปรู้อะไร วันๆ เจ้าอยู่แต่ในจวน ข้าหูตากว้างไกลสอบถามไปทั่วทุกสำนัก ไอ้ลูกชายตัวดีของเจ้ามันไม่ได้ไปฝากตัวร่ำเรียนวิชาจากสำนักไหนเลย!”
ห้าปีที่แล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกันใหญ่โต เพราะเทียนอี้ซึ่งถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก วันๆ ทำตัวเสเพลออกจากจวนเที่ยวเล่นไม่เว้นวัน ในขณะที่พี่ชายทั้งสี่ล้วนสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางมีตำแหน่งก้าวหน้าเป็นที่เชิดชูของวงศ์ตระกูล
วันนั้นเขาเหลืออดทั้งดุด่าและเฆี่ยนตีหวังให้หลาบจำกลับตัวกลับใจใฝ่หาความรู้ ไม่คิดเลยว่าวันต่อมาเจ้าลูกไม่รักดีจะทิ้งเพียงจดหมายแผ่นเดียวต่างหน้า
เนื้อความในจดหมายขอเวลาไปค้นหาตัวเอง เมื่อพบแล้วจะกลับมาขอให้ท่านพ่อท่านแม่อย่าได้เป็นห่วง
‘หึ! เจ้าลูกจอมเสเพล’
คิดหรือว่าเขาจะเชื่อ เขาส่งคนออกติดตามหา หวังว่าจะพบบุตรชายคนเล็กตามสำนักต่างๆ แต่กลับไร้เงา หายเข้ากลีบเมฆไปถึงห้าปีเต็ม จนเขาแอบทำใจคิดว่าล้มหายตายจากไปเสียแล้ว
“บางทีเสี่ยวเทียนอาจไม่เก่งบุ๋นแต่โปรดปรานทางบู๋ อาจไปร่ำเรียนกับสำนักลู่หลิ่งก็เป็นได้ ห้าปีนี้คงเก่งกาจเป็นจอมยุทธยากที่ใครจะเทียบได้”
“เหลวไหล!”
ฮูหยินเฉินสะดุ้งโหยงเมื่อสามีตวาดห้วนราวกับหมดสิ้นความอดทน
“ข้าไปถามมาทุกสำนัก ทั้งสำนักลู่หลิ่ง สำนักจ้วนสือ พรรคมาร พรรควนิพก หรือแม้แต่รังโจรช่างลี่ เจ้าลูกชายตัวแสบไม่ได้โผล่หัวไปที่ไหนเลย”
“ละ...แล้วเสี่ยวเทียนไปที่ไหนเล่าเจ้าคะ ตั้งห้าปีเขาไปอยู่ที่ไหน”
“มีสถานที่เดียวที่ข้าไม่ได้ถาม”
นายอำเภอเฉินโกรธจนหนวดกระดิก ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันกรอดด้วยความผิดหวังคับแค้นใจ
“ที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“หอนางโลม!”
พูดจบก็สะบัดชายเสื้อแล้วก้าวออกจากสวนด้วยไม่อยากเห็นหน้าบุตรชายคนเล็กในขณะที่อารมณ์ยังกรุ่นโกรธ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฉินเทียนอี้ก้าวเข้ามาเสียก่อน
“คารวะท่านพ่อ คารวะท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”
คุณชายห้าแห่งสกุลเฉินหยุดยืนด้วยใบหน้านิ่งเฉย โค้งกายคำนับผู้ให้กำเนิดทั้งสองด้วยความเคารพ ห้าปีที่ผันผ่านส่งผลให้คุณชายผอมเก้งก้างในวันวานกลับกลายเป็นบุรุษรูปงามที่มีเรือนร่างแข็งแกร่ง ใบหน้างดงามราวกับภาพวาด ทุกท่วงท่าสง่าผ่าเผย
“เสี่ยวเทียนลูกแม่!”
ผู้เป็นมารดาโผเข้ากอดบุตรชายด้วยความรักที่มีอยู่ท่วมท้นหัวใจ หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความคิดถึง เพราะช่วงเวลาที่ลูกน้อยออกจากอ้อมกอด นางไม่เคยได้รับข่าวคราวหรือจดหมายแม้แต่ฉบับเดียว ได้แต่เฝ้ารออย่างไร้จุดหมายเรื่อยมา
“ข้าก็คิดถึงท่านแม่เหลือเกิน”
ชายหนุ่มกอดตอบมารดาเอาไว้แนบแน่น ผีสาวซึ่งขี่หลังชายหนุ่มมาตลอดทางจำต้องผละออก ยืนมองแม่ลูกกอดกันด้วยความรักแล้วก็ถึงกับน้ำตาซึม
“ข้าเองก็อยากกอดพ่อแม่ อยากกลับไปหา ไปมองหน้าพวกเขา แต่ข้ากลับจำอะไรได้เลย แม้แต่ชื่อของตัวข้าเอง”
ผีสาวห่อไหล่ด้วยความเศร้า แล้วหันไปมองชายสูงวัยที่กำลังจ้องมองเทียนอี้ไม่วางตา
“กลับมาก็ดีแล้ว ไหนเจ้าลองบอกข้ามาสิว่าห้าปีที่หายไปเจ้าได้อะไรกลับมาบ้าง”
“โธ่ท่านพี่ ลูกเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อย่าเพิ่งคาดคั้นลูกเลย ให้ลูกได้พักผ่อนก่อน”
“ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!”
นายอำเภอเฉินซ่านกั๋วตวาดกร้าว ไม่สนใจคำห้ามปรามของฮูหยินแม้แต่น้อย
“หากท่านพ่อหวังอยากให้ข้าตอบว่าข้าได้เคล็ดวิชา เพลงดาบ หรือได้วิชาความรู้สำหรับเตรียมสอบบัณฑิตละก็ ข้าคงต้องบอกว่าข้าไม่ได้สิ่งใดกลับมาเลย แต่หากเป็นสิ่งอื่น...”
เผียะ!
ฝ่ามือหนาตบลงบนใบหน้าคุณชายห้าโดยที่เขายังไม่ทันพูดจบ ส่งผลให้ทุกอย่างเงียบสงัดด้วยความน่าอึดอัด
“เจ้ามันคนเหลวไหล! หากเจ้าไม่ได้สักอย่างที่ว่ามาแล้วเจ้าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าจะเลี้ยงดูเจ้าไปจนแก่ตายงั้นเหรอไอ้ลูกเสเพล!”
ซ่านกั๋วโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เทียนอี้นิ่งเฉย เขากลืนสิ่งที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยลงไปในลำคอแล้วแค่นยิ้มหัวเราะออกมาราวกับกำลังสมเพชตัวเอง
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ห้าปีที่ผ่านมาข้าออกจากจวนตัวเปล่าไม่ได้ใช้เงินของท่านแม้แต่ตำลึงเดียว และนับจากนี้ข้าก็จะไม่ใช้เงินของท่าน”
“สามหาว!”
“ท่านพี่...ข้าขอร้องอย่าทะเลาะกันเลยนะ ลูกเพิ่งกลับมาแท้ๆ”
ฮูหยินเฉินร้องไห้แทบขาดใจ ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นจนเหล่าสาวใช้ต้องรีบปราดเข้ามาประคอง ด้วยความตกใจผีสาวก็ปราดเข้าไปประคองด้วยเช่นกัน
“โห...พ่อลูกไม่ถูกกันหรอกเหรอเนี่ย”
[1] เครื่องดนตรีดั้งเดิมของจีน เป็นเครื่องสาย ใช้มือดีด