Chapter 3 ผีรับใช้แสนสวย
“ถ้าเช่นนั้นท่านคงเป็นคุณชายตระกูลเฉิน ตระกูลที่ดูแลปกครองอำเภอฝางใช่หรือไม่ ข้านับถือท่านนายอำเภอเฉินซ่านกั๋วผู้มีความยุติธรรม เป็นขุนนางซื่อตรงจนใครๆ ต่างกล่าวขานยกย่อง ช่างเป็นโชคดีของพวกข้าทั้งสองที่ได้พบเจอบุตรชายของท่านนายอำเภอเฉิน”
หญิงสาวซึ่งสวมชุดสีชมพูอ่อนราวกับสีเหมยฮวาเอื้อนเอ่ยพลางแย้มยิ้มอย่างมีจริตจะก้าน ชม้อยชม้ายชายตามองคุณชายหนุ่มทายาทตระกูลเก่าแก่อย่างมีใจ
“นับเป็นเกียรติที่ได้พบแม่นางทั้งสองเช่นกัน”
เทียนอี้หยักยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะยกมือกวักเรียกเสี่ยวเอ้อนำน้ำชามาให้หญิงสาวผู้มาใหม่ทั้งสอง
“ท่านสั่งอาหารมามากมาย แต่ข้ากลับเห็นท่านเดินทางมาเพียงลำพัง จะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ หากข้าจะถามท่านว่าได้นัดหมายใครไว้ที่นี่งั้นหรือ”
หญิงในชุดสีเขียวครามเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง นางทั้งสองเป็นบุตรสาวของคหบดีในเมืองเถา แม้จะมีใบหน้าน่ารักแต่ไม่จัดว่าเป็นหญิงงามล่มเมือง อีกทั้งยังมีนิสัยช่างสอดรู้สอดเห็น ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้าเรือนอย่างที่หญิงสาวชนชั้นสูงนิยมกัน
วันๆ ชอบออกเที่ยวเตร่ สอดส่ายสายตาไปทั่ว หากมีเรื่องใดไม่ว่าคาวหรือดี นางก็จะเอาไปพูดต่อในวงน้ำชาของหญิงสาวชนชั้นสูงในเมือง เป็นกิจวัตรที่ผู้คนในเมืองเถาต่างแหนงหน่ายไปตามๆ กัน จนไม่มีบุตรชายสกุลใดอยากได้นางทั้งสองไปเป็นศรีภรรยา
“หน็อย! เขามากับข้า อาหารพวกนี้ก็ของข้า ข้ากินจนหมดแล้ว พวกเจ้าช่างไร้ยางอาย เป็นสาวเป็นนางเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นได้ไม่นาน แต่กลับให้ท่าทอดสะพานผู้ชาย หากพ่อแม่เจ้ามาเห็นคงได้ช้ำใจจนผูกคอตายเพราะอับอายเป็นแน่!”
ผีสาวโวยวายไม่ชอบใจ สองแขนยกขึ้นกอดอกแล้วเดินไปมารอบโต๊ะ ปากก็คอยพร่ำบ่นไม่หยุดหย่อน
“ข้าไม่ได้นัดผู้ใด เพียงเดินทางผ่านจึงหยุดพักก็เท่านั้นเอง” คุณชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าและกิริยาท่าทางสุขุม ไม่ได้แสดงความรู้สึกเบื่อหน่ายออกมาให้แม่นางทั้งสองต้องรู้สึกอับอาย
“ถ้าเช่นนั้นให้ข้าทั้งสองนั่งเป็นเพื่อนคุยจะได้หรือไม่”
“หน็อย! เจ้าทั้งสองช่างไร้ยางอาย!” ผีสาวโกรธจนควันออกหู รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีดึงผมทั้งสองสุดแรง
“โอ๊ย!”
แม่นางทั้งสองส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ จากนั้นจึงหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะกระซิบพอให้ได้ยินแค่เพียงสองคน
“เจ้ากระชากผมข้าทำไม”
“เหลวไหล! เจ้านั่นแหละกระชากผมข้า คิดหรือว่าข้าไม่รู้ นี่เจ้าคิดจะเก็บคุณชายเฉินไว้คนเดียวละสิท่า”
“คุณชายไม่ใช่สิ่งของ ต้องแล้วแต่ว่าคุณชายจะเลือกใคร ระหว่างเจ้าที่อวบจนเกือบอ้วน หรือข้าซึ่งมีรูปร่างเย้ายวนใจชายกว่าเจ้า”
“เจ้า!”
แม่นางชุดเขียวกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ทั้งสองต่างสะบัดหน้าไปอีกทาง ชังน้ำหน้ากันขึ้นมาเสียดื้อๆ
ผีสาวส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด นางฝากตัวเป็นผีติดตามคุณชายเฉินเทียนอี้ นางก็ต้องตอบแทนบุญคุณเขาด้วยการขับไล่หญิงไร้ยางอายออกไป
“ช่างน่าละอายผู้ชายไม่ได้สนใจพวกเจ้าแม้แต่น้อย แต่พวกเจ้ากลับแย่งชิงกันเสียแล้ว”
ผีสาวพูดพลางโน้มตัวลงไปใกล้ๆ แล้วเป่าลมรดต้นคอของทั้งสอง ยังผลให้จู่ๆ สองสาวก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง จากนั้นขนอ่อนบริเวณต้นคอก็ลุกชัน
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกหนาว”
“ข้าก็เช่นกัน ขะ...ข้ารู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ชอบกล”
สองสาวสงบศึกแล้วขยับเก้าอี้เข้ามาชิดกัน เหลือบตามองไปรอบกายด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ผีสาวยังคงรวบรวมพลังเป่าลมรดต้นคอของพวกนางอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!
เรียกได้ว่าช่างเป็นผีที่มีความเพียรในการหลอกหลอนเสียเหลือเกิน จากนั้นผีสาวก็ทรุดกายลงนั่งยองกับพื้น รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีเขย่าขาเก้าอี้ของทั้งสองสาวสุดแรง
“ว้าย!”
สองสาวหวีดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าเลิ่กลั่ก คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวแน่แล้ว ทว่าทุกคนในโรงเตี๊ยมกลับยังนั่งนิ่งราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นยังคงสงบนิ่ง ทว่าเก้าอี้ที่นางนั่งกลับสั่นไม่หยุด
“จะเจ้ารู้สึกเช่นเดียวกันกับข้าหรือไม่”
“อื้อ! เก้าอี้ที่ข้านั่งมันกำลังสั่น”
แม้จะกลัวจนแทบสติแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน กระนั้นกลับฉีกยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างไม่ลดความพยายาม
“ข้าเหนื่อยแล้วนะ เจ้าทั้งสองนี่ช่างไม่มียางอาย ข้าทำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รีบหนีไปอีก”
ผีสาวผุดลุกขึ้นยืนด้วยความเหนื่อย นางยืนจังก้าเท้าสะเอวแล้วบ่น บ่น บ่นสองสาวอีกคำรบใหญ่
จังหวะนั้นเฉินเทียนอี้ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยับเสื้อคลุมสีเข้มให้เข้าที่ก่อนจะควักตำลึงเงินออกมาหนึ่งก้อนวางลงบนโต๊ะ
“ข้าต้องรีบเดินทาง อาหารบนโต๊ะและน้ำชาจอกนี้ข้าขอมอบให้เจ้าทั้งสองเพื่อเป็นไมตรี หวังว่าวันข้างหน้าคงได้พบกัน ข้าขอลา”
สองสาวผุดลุกขึ้นทันที “ดะ...เดี๋ยวท่านจะไปแล้วหรือ ตะ...แต่อาหารยังเต็มโต๊ะ ท่านน่าจะอยู่กินกับพวกข้าก่อน”
คุณชายตระกูลเฉินไม่ได้หันไปตอบแต่กลับก้าวยาวๆ ออกจากโรงเตี๊ยมไปอย่างไม่ใส่ใจ มีเพียงผีสาวที่หัวเราะร่วนอย่างขบขัน แลบลิ้นปลิ้นตาเยาะเย้ยทั้งสองสาว
“ว้าย! ผู้ชายไม่สนใจ ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วแต่พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเอง สมน้ำหน้า!”
พูดจบผีสาวก็กระโดดจนตัวลอย เกาะหลังเฉินเทียนอี้ได้อย่างแม่นยำ มิหนำซ้ำยังแนบแก้มลงบนไหล่ของเขาอีกด้วย
“นายท่านนี่ก็แผ่นหลังกว้างดีเหมือนกันนะ” ผีสาวตบมือลงบนไหล่ของชายหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆ พริ้มเปลือกตาปิดลง สองแขนโอบกอดรัดรอบคอ สองขาเรียวเกาะเกี่ยวเอวสอบของชายหนุ่มเอาไว้แน่น
“แผ่นหลังผู้ชายนี่ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีจังเลย” ผีสาวหาวหวอดแม้ตาจะหลับแต่ปากยังขยันพูดไม่หยุดหย่อน
“ตอนแรกข้าตั้งใจว่าจะเดินทางเป็นเพื่อนท่าน แต่ว่า...อาหารเลิศรสเหล่านั้นทำให้หนังตาข้าตึง แถมหนังท้องข้ายังหย่อนอีกต่างหาก ดังนั้นขอข้างีบสักหน่อยแล้วกันนะเจ้าคะนายท่าน”
สองแขนโอบรัดรอบคอเฉินเทียนอี้ไว้แน่น สองขาเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวสอบ เพียงไม่นานผีสาวก็ทิ้งศีรษะให้เหวี่ยงไปมาตามจังหวะก้าวเดิน หลับใหลไม่ได้สติ จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มกำลังส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นบีบสันจมูกแรงๆ
“หลิงหุน[1]...เจ้านี่ช่างเป็นผีตะกละและแสนขี้เกียจเสียเหลือเกิน”
[1] แปลว่า วิญญาณ