Chapter 6 เลิกลวนลามข้าได้แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบร่างกายของข้าให้กับท่าน ตอบแทนที่ท่านยอมให้ข้าติดตาม อีกทั้งยังให้ที่พัก ให้อาหารแก่ข้า ท่านทำให้ผีหิวโซเร่ร่อนอย่างข้าได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง”
ผีสาวโผงออกมาด้วยความมุ่งมั่นก่อนจะชะงักด้วยความประหลาดใจ หากนางมิได้ตาฝาดเพราะฤทธิ์สุรา นางมั่นใจว่าเห็นดวงตาของเจ้านายหนุ่มเบิกกว้างด้วยความตกใจเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับมาเรียบเฉยดังเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยมีมนุษย์คนใดเห็นข้า”
นางพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป เพราะแผงอกของเจ้านายหนุ่มทำให้เลือดในกายผีสาวพลุ่งพล่าน นางค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสที่แผงอกแล้วก็ถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความขวยเขิน
“เรือนร่างของข้าเป็นของนายท่านเจ้าค่ะ”
ผีสาวกระซิบพร่าที่ข้างใบหูของเจ้านายหนุ่ม สุราทำให้นางเริ่มร้อน ร้อน ร้อน ร้อนจนลำคอแห้งผาก ร่างกายเร่าระริกดังไฟแห่งความปรารถนาแผดเผา นางใช้ฟันเล็กคล้ายเมล็ดข้าวโพดเรียงสวยขบกัดริมฝีปากล่างราวกับต้องการสะกดอารมณ์บางอย่างที่กำลังจะระเบิดออกมา
ทว่าสุราทำลายสติที่นางควรจะมีไปจนหมดสิ้น มือเล็กจึงเริ่มถอดชุดนอนสีขาวของตนออกช้าๆ เผยให้เห็นทรวงอกอิ่มสล้างชูชัน
เทียนอี้ยังคงนิ่งเฉยมีเพียงลูกกระเดือกของเขาที่กลิ้งกลอกไปมา บ่งชัดว่าเขากำลังลอบกลืนน้ำลาย ขณะที่สายตาคมจดจ้องมองดวงจันทร์กระจ่าง ราวกับว่ากำลังพยายามเพ่งความสนใจไปที่ดวงจันทรา
ริมฝีปากเล็กเย็นสัมผัสลงบนต้นคอแข็งแกร่ง ก่อนที่นางจะค่อยๆ จูบไซ้ขยับขึ้นไปที่ใบหู วนเวียนอย่างหยอกเอิน แล้วขยับมาจูบที่แก้มสากของเจ้านายหนุ่ม
นางหัวเราะคิก “ข้าได้กลิ่นหอมบนกายท่าน” นางเอื้อนเอ่ยแล้วย่นจมูกน้อยๆ อย่างนึกสนุก ทว่าจังหวะที่นางหัวเราะทรวงอกเต่งตึงดุจบัวตูมในสระชลทิพย์กลับกระเพื่อมไหว เบียดชิดต้นแขนของเทียนอี้จนแทบประสานเป็นเนื้อเดียว
“ตรงนี้ก็หอม”
จมูกซนซุกลงไปยังซอกคอของชายหนุ่ม นางขยับกายอย่างย่ามใจจนบัดนี้ได้นั่งอยู่บนตักของเขาอย่างถือวิสาสะ
จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่นางเป็นผี นางยังใช้ชีวิตความเป็นผีไม่คุ้มเลยด้วยซ้ำ เพราะวันๆ นางเอาแต่ล่องลอยหิวโหยอย่างไร้จุดหมาย เมื่ออิ่มท้อง สบายกาย นางก็คิดว่าอันดับแรกที่นางควรจะทำในฐานะผีสาวก็คือ...
การลวนลามชายรูปงามทั่วทั้งปฐพี โฮะ โฮะ โฮะ
นางหัวเราะกับแผงอกของชายหนุ่ม ก่อนจะบรรจงจดริมฝีปากลงไปแผ่วเบา ค่อยๆ ไล่จูบโดยใช้นิ้วมือลูบไล้ไต่ไปตามมัดกล้ามชวนมอง ก่อนจะหาญกล้าเงยหน้าขึ้นแล้วแนบริมฝีปากสีชาดของตนลงบนริมฝีปากหนาหยักได้รูปของชายหนุ่ม
ปล่อยให้ริมฝีปากนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน อย่างไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการต่ออย่างไรถึงจะเรียกว่า ‘จูบ’ หาใช่แค่เพียง ‘สัมผัส’ กันเช่นนี้
ผีสาวค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า นางแลบลิ้นน้อยๆ เลียริมฝีปากของตนเองไปมา ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าของเขา เริ่มต้นที่หน้าผากได้รูป คิ้วเข้มหนา ดวงตารีราวกับพญาเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักที่นางเพิ่งได้สัมผัส
“นี่เป็นจูบแรกของข้าเลยนะนายท่าน ข้ายกให้ท่านเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มเขินขยับตัวลงจากตักอุ่นของเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะกลอกสายตาไปยังเรือนร่างส่วนต่างๆ ของเขาอย่างซุกซน ต่ำลง ต่ำลง จนไปหยุดอยู่บริเวณหน้าขาของชายหนุ่ม
“ข้าอยากเห็น...”
ถ้ามีลมหายใจ ตอนนี้นางคงรู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังขาดห้วง ความตื่นเต้นทำให้นางรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในร่างกายของนางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ลองแค่จับน่าจะดีกว่า ถ้าอยากเห็นเอาไว้แอบดูตอนนายท่านอาบน้ำก็ได้นี่นา เอ...จะเอายังไงดีนะ...”
นางเคาะปลายนิ้วลงบนริมฝีปาก แล้วทำปากจิ๊จ๊ะเบาๆ อย่างใช้ความคิด ก้มมองบริเวณหน้าขาของชายหนุ่ม อยากจะถอดกางเกงของเขาออกแต่คงต้องใช้พลังมากและอาจทำให้เจ้านายผู้มีพระคุณหวาดกลัว แต่ถ้าแค่ล้วงมือไปจับเจ้านายหนุ่มก็คงแค่รู้สึกเหมือนมีไอเย็นพัดผ่านเท่านั้น
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ขอข้าลองจับอาวุธลับของนายท่านหน่อยนะเจ้าคะ”
ผีสาวหลับตา หัวใจเต้นแรงดัง ตึก! ตึก! ตึก! จนแทบกระโจนออกมานอกอก มือเล็กเรียวค่อยๆ ยื่นออกไปหมายจะคว้าหมับจับให้เต็มมือ
ทว่า...
หมับ!
ผีสาวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ใบหน้าของนางคงซีดขาวเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อมือหนาของเจ้านายหนุ่มกำลังจับข้อมือของนางเอาไว้แน่น อีกทั้งดวงตาคมกร้าวยังจับจ้องมายังใบหน้าของนางชนิดไม่วางตา
“เลิกลวนลามข้าได้แล้ว!”
ราวกับสายฟ้าฟาดลงตรงหน้า ผีสาวเบิกตาโพลง อ้าปากค้างจนเห็นลิ้นเล็กสีชมพูระเรื่อ
“นะ...นายท่านมองเห็นข้า!”
ผีสาวสะบัดมือออกจากการจับกุม รีบรวบเสื้อขึ้นปิดบังทรวงอกอิ่มสล้างด้วยความเขินอาย กระถดสะโพกไปกับพื้นถอยกรูดจนแผ่นหลังชิดผนังอีกฟาก ก่อนจะตัดสินใจปล่อยให้ร่างของตนเองโปร่งแสงทะลุหายไปในผนังเพื่อหลบหนีความอัปยศ
นางวิ่งสุดแรงก่อนจะทะยานร่างให้ลอยไปในอากาศ หมายจะหนีไปตั้งหลักให้ไกล ไม่สิ...นางทำเรื่องน่าบัดสีไว้ตั้งมากมาย ทั้งอวดความตะกละและความหื่นให้คุณชายเฉินเทียนอี้ได้เห็น ชาตินี้ชาติไหนนางคงไม่มีหน้ากลับมาให้เขาพบเจอ
“วาสนาของข้ากับท่านคงมีแค่นี้...ลาก่อน”
นางลอยออกนอกกำแพงจวน กำลังจะกระโดดเกาะรถลากที่กำลังผ่านไป ทว่า...
กรี๊ด!
นางกรีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อจู่ๆ ก็มีผ้าสีขาวพันรัดรอบร่างบางแล้วกระชากแรงจนนางตัวลอยทะลุกำแพงจวน ต้นไม้ ศาลากลางน้ำ และท้ายสุดผนังห้องนอนของคุณชายเฉินเทียนอี้
เมื่อตั้งสติได้นางพบว่าบัดนี้นางนอนอยู่บนพื้นโดยมีร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นนายกำลังคร่อมทับร่างของนางเอาไว้ด้วยท่าทางคุกคาม