สนามบินสุวรรณภูมิ
“ใช้อะไรไต่นะ ถึงได้บินรูทต่างประเทศเลยอ่ะ”
มือฉันที่จับกระเป๋าเดินทางกำแน่น ว่าแล้วเชียว! ฉันต้องโดนแขวะเรื่องรูทบินต่างประเทศ ฉันเบื่อจริง ๆ พวกที่สวยแต่หน้า แต่สมองไม่มี ที่ฉันได้เลื่อนระดับบินรูทต่างประเทศเร็ว มันเป็นเพราะความสามารถของฉันต่างหาก ส่วนพวกเธอน่ะทำอะไรบ้าง ทำไมไม่เอาเวลาจิกกัดคนอื่นไปพัฒนาตัวเอง?
“มีของไต่ตึง ๆ อีกหน่อยคงขึ้น Business และ First class ตามลำดับ”
แน่นอนอยู่แล้ว!
“ค่ะ รุ่นพี่ เจแปนไม่ดักดานอยู่แค่ชั้นประหยัดแน่นอนค่ะ คนเราต้องมีการพัฒนาที่สูงขึ้น ๆ ว่าไหมคะ” ฉันจีบปากจีบคอพูดกับแอร์รุ่นพี่ ถึงปากจะฉีกยิ้มกว้าง ๆ แต่ในใจนี่อยากจะกระชากหัวมันมาตบสักฉาด
เหอะ ก็ได้แต่คิดในใจ เพราะแอร์โฮสเตสต้องมีความอดทน... แต่ละไฟลท์ที่บิน ไม่รู้มีกี่ชาติ กี่ศาสนา กี่ร้อยพ่อพันแม่ ฉะนั้น สิ่งที่ฉันพอจะทำได้คือ ใช้สงครามประสาทกับอีพวกปากดีกว่าสมองนี่
“ที่สูงขึ้น ใช้เต้าไต่รึป่าวล่ะจ้ะ แหม... ไม่แฟร์เลยน๊า” โถ่ ๆ ที่แท้ก็พวกไม่มีอะไรไต่นี่เอง ทั้งเต้าทั้งสมอง ไม่มีสักอย่าง
“ค่ะ เจแปนก็คิดว่าไม่แฟร์ แต่เจแปนมีเต้าไงค่ะ อยากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดน่ะค่ะ”
“จ้า ไว้พี่จะรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าพนักงานต้อนรับ น้องเจแปนไม่ได้ใช้เต้าไต่ถึง First Class แน่นอน อิอิ”
ฉันหยุดเดินทันที ก่อนที่จะยืนนิ่งกัดฟันกรอดๆ มองตามหลังแอร์รุ่นพี่ ที่ตอนนี้หัวเราะคิกคักเดินนำฉันไป
ขอให้วันนี้เป็นวันดี ๆ ถ้าฉันได้บินกับแอร์ปากโลว์คอสแบบนี้ สิบสอง ชั่วโมง? คงนรกมาก!
“กูไม่ไหวว่ะไอ้ไม้ กูปวดหัว... แลกกับใครได้ไหมวะ เชี่ยเอ้ย...” เมื่อฉันได้ยินคนคุยกันข้างหลังไว ๆ ฉันจึงรีบจับที่ลากกระเป๋าเดินต่อ
“มึงเป็นอะไรวะ ทำหน้าเหมือนจะตาย กูเห็นแล้วเหนื่อย”
“กูจะตายแล้วจริง ๆ อยากแดกเหล้า”
“ฟันหญิงสักคนดิวะ มึงบินแบบนี้ไม่ได้นะไอ้ไคล์”
กรี๊ด... ทำไมฉันต้องได้ยินเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้ด้วย! สองคนนี้เป็นโรคจิตเเน่เลย ฉันรู้สึกกลัวมาก รีบก้าวฉับ ๆ ลากกระเป๋าเร็วขึ้น แต่เสียงเจ้ากรรม ก็เหมือนจะใกล้ฉันขึ้นอีก อีก อีก โอ้ย! ใกล้มาก!
“ฟันหญิง? เหอะ กูไม่มีอารมณ์ ฟันพี่มึงว่าไปอย่าง”
“อย่ากวนตีน ไปกินแอร์บนเครื่องเถอะ”
‘ปึก’
“เฮ้ย... ไรวะ?” อยู่ ๆ ฉันก็เบรกกะทันหันเมื่อได้ยินคำว่า แอร์บนเครื่อง จนผู้ชายสองคน เขาชนหลังฉันเข้าเต็ม ๆ
แต่ฉันเห็นหมวกที่กระเด็นตก มันไม่ใช่หมวกคนธรรมดาหรือหมวกผู้โดยสาร!
มันเป็นหมวกกัปตัน!
ฉันค่อย ๆ ทรงตัว หันไปหาเจ้าของหมวกใบนั้น แต่พอเห็นตราสัญลักษณ์และโลโก้สายการบิน ก็แทบช็อค!
OMG สายการบิน... เดียวกันกับฉัน!
“ขอโทษครับ” กัปตันตี๋ ๆ ขอโทษฉันเหมือนไม่เต็มใจ แก้มขาว ๆ เขาเป็นรอยฝ่ามือ เอ่อ... นับได้ก็ห้านิ้ว ส่วนอีกคนสูงขายาว หน้าตาหล่อดูดิ แต่สายตาเขาที่มองฉันนี่สิ
เหมือนจะฆ่าฉันไม่ปาน
“ขอโทษทำไมวะ คิดจะหยุดก็หยุด” เสียงนี้ล่ะที่บอกให้กัปตันตี๋ ๆ ไปฟันแอร์บนเครื่อง สาธุ... ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง อย่าให้ฉันได้บินกับกัปตันสองคนนี้เลย
ฉันกลัว!
“ฉัน... ต้องขอโทษใช่ไหมคะ?”
“ใช่” เมื่อกัปตันอีกคนตอบ กัปตันตี๋ก็ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปนั่ง ฉันเห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วดูอีก ยิ่งเขาทำแบบนั้นฉันยิ่งกลัว กลัวว่าเขาจะรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าพนักงานต้อนรับเข้า!
“กัปตันคะ เพื่อนกัปตันคนนั้น ช่วยบอกเขาได้ไหมคะ อย่ารายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าพนักงานต้อนรับเลยค่ะ ดิฉันเพิ่งเป็นแอร์ได้สี่เดือน มันเศร้ามากค่ะ ถ้าต้องถูกลดลงไปเป็นแอร์กราวนด์”
เขาขมวดคิ้วเป็นโบว์มองฉัน
“เศร้ามากเหรอ? น่าสงสารจริง ๆ เธอมีบินไฟลท์ไหน?”
“คะ เอ่อ... TX624 ค่ะ”
“เจอกัน” แล้วเขาก็ลากกระเป๋าเดินไปเก็บหมวกทันที ก่อนที่จะฟาดมัน ป้าบ! ใส่เข่าอย่างแรง เหมือนประชดฉัน
ตาบ้า! ทั้งโรคจิต ทั้งนิยมความรุนแรง ไม่อยากจะคิดเลยว่าที่เขาบอกกินแอร์ จะกินรุนแรงขนาดไหน
และคำว่า เจอกัน ของเขามันคืออะไร? อย่าบอกนะว่า...
จริง ยิ่งกว่าจริง! คุณตะกวด! นี่มันวันโลกาวินาศอะไรค๊ะ! ต่างประเทศไฟลท์แรกของฉัน! ฉันเจอสองกัปตันโรคจิตในห้องบรีฟงาน! และเจอแอร์รุ่นพี่ที่ทำหน้าจิกเป็นไก่นั่งอยู่
เมื่อกัปตันขี้เก๊ก ฉันขอเรียกแบบนี้แล้วกัน! เพราะฮีน่ะดูเชิดมาก เขาเห็นว่าฉันตกใจที่มาจ๊ะเอ๋เจอ เขาก็ทำเมินใส่ฉันซะงั้น ไม่ทักทายไม่มองหน้าฉันเลย ก็ดี... เพราะสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ มันน่าเกลียด!
เมื่อถูกเขาบรีฟงาน บอกสภาพอากาศระหว่างเส้นทางและปลายทาง เราก็ทยอยแนะนำตัวกัน ฉันจึงรู้ว่าเขา คือกัปตัน ต้นไม้ ส่วนกัปตันที่นั่งซึมมีรอยฝ่ามือบนหน้าเขาชื่อ ไคล์
ฉันแอบได้ยินแอร์หลายคน ซุบซิบกรี๊ดใหญ่ แต่กัปตันไคล์นั่งนิ่งไม่มองหน้าใครเลย พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เทพพระเจ้าธอร์ ไฟลท์นี้ฉันจะรอดไหม? กัปตันห้ามเครียดก่อนขึ้นบินนะ! ทำไมกัปตันไคล์ถึงได้หน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้ล่ะ เครียดมากทำไมไม่นอนอยู่บ้าน?
เมื่อกัปตันต้นไม้ เห็นว่าฉันมองกัปตันไคล์อย่างวิตก เขาก็รีบสะกิดเพื่อนให้ลุกขึ้น เก็บเอกสารเดินออกไป แต่หางตาที่เขาใช้มองฉันมันแปลกมาก แค่หยุดเดินกะทันหันแค่เนี้ย? จะคาดโทษอะไรฉันอีกวะ
ไฟลท์นี้ฉันไม่มีเพื่อนสักคน ฟังไม่ผิดหรอก ไม่มีจริง ๆ และที่สำคัญฉันไม่รู้จะเจอมหาปากโลคอสของใครบ้าง เพราะยัยแอร์รุ่นพี่สองคนนั้น เล่นจับกลุ่มเอาฉันไปนินทาเรียบร้อย ฉันได้ยินคำว่า เต้า ๆ บ้างล่ะ มั่นหน้าบ้างล่ะ รอให้ฉันเป็นเพอร์เซอร์หัวหน้าพนักงานต้อนรับเมื่อไหร่ ฉันจะจิกหัวมันใช้เหมือนหมาเลยคอยดู
ฉันขึ้นมาบนเครื่องก็หาที่เก็บสัมภาระตัวเอง แต่ทว่าช่องหลายช่องข้างหลัง ถูกแอร์คนอื่นจับจองไว้หมดแล้ว ฉันจึงเดินลากกระเป๋าไปช่องเก็บด้านหน้า ที่ติดกับหัองนักบินแทน
ด้วยความสูงที่พอดิบพอดีและผ่านเกณฑ์เป๊ะ! ทำให้ฉันทุลักทุเลนิดหน่อยที่จะยกกระเป๋าขึ้น และยิิ่งเอื้อมดันกระเป๋าเข้าไปลึก ๆ กระโปรงทรงเอที่เข้ารูปก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก
แป๊บดิ โอ้ย! ทำไมที่เก็บสัมภาระมันลึกแบบนี้วะ ดันเท่าไหร่ก็ไม่สุด ฉันต้องเหลือที่เก็บกระเป๋าให้ผู้โดยสารนะ เข้าไปอีก...
ขณะที่ฉันพยายามเขย่ง และดันกระเป๋าไปด้วย อยู่ ๆ ก็มีคนเดินมาแทรกข้างหลัง!
“โทษนะน้องเต้าไต่”
“ว้าย!” แอร์รุ่นพี่ ที่เดินแทรกและเบียดฉัน พวกเธอทำรองเท้าส้นสูงฉันเสียหลัก จนฉัน... ล้มท้องกระแทกเบาะผู้โดยสารสารเต็ม ๆ
บ้าเอ้ย! ฉันจุกท้องมาก! ฉันเอามือกุมท้อง และค่อย ๆ จับเก้าอี้ผู้โดยสารหันไปจ้องพวกมัน แต่ระดับสายฉันดันเห็นพอดี ว่ากัปตันต้นไม้ยืนอยู่ที่ครัว
“จุกจัง รุ่นพี่คะ บอกเจแปนดี ๆ ก็ได้ค่ะ เจแปนเก็บกระเป๋าจะเสร็จแล้ว” ฉันก้มหน้าลง เหมือนคนสงบเสงี่ยมเจียมตัว และกลัวพวกเธอทั้งสอง
“น้องเจแปน คงใหม่มาก ไม่รู้เหรอคะว่าที่เก็บกระเป๋าลูกเรืออยู่ไหน กระเป๋าแค่นั้นยกไม่ได้ เสียดายนะ อุตส่าห์เอาเต้าไต่ขึ้นมาบินรูทเมืองนอก”
อีสับปะรด!
ฉันโกรธ โกรธมาก! พยายามเม้มปากไม่ให้พลั้งด่าพ่อมัน นิ่งไว้เจแปน ตำแหน่งเพอร์เซอร์ได้แน่ ถ้ารู้จักอดทนและตอแหลกับเพื่อนร่วมงาน
“พอดีที่เก็บข้างหลังเต็มค่ะรุ่นพี่ ขอโทษนะคะ ที่ยืนเกะกะ”
“รู้ก็ดี ว่าเกะกะ เหอะ ๆ” รุ่นพี่ทั้งสองเบะปาก และยักไหล่ใส่ฉัน ก่อนที่พวกนางจะเดินไปท้ายเครื่องทันที งั้นฉันไม่ไปแล้วกัน ขออยู่ครัวหน้านี่แหละ ขืนไปฉันคงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ
ฉันใส่รองเท้าส้นสูงที่หลุดเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินไปที่ครัวก็เห็นกัปต้นไม้เข้าห้องนักบินไปแล้ว ระหว่างรอผู้โดยสารขึ้นเครื่องฉันก็เช็คอาหาร เช็คน้ำร้อน เช็คทุกอย่างรอปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ฉันแอบได้ยินเสียงด่ากันในห้องกัปตันแว่ว ๆ แต่ไม่ชัด
น่ากลัวจัง... กัปตันไคล์ไปสงบสติอารมณ์ก่อนไหมคะ?
‘แอด...’ เหมือนกัปตันไคล์จะรู้ ว่าฉันนินทาเขาในใจ อยู่ ๆ เขาก็เปิดประตูห้องนักบินออกมา แล้วยืนมองหน้าฉัน
“กัปตันไคล์ ต้องการอะไรไหมคะ? กาแฟไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันจะลงไปตรวจเครื่องบินภายนอก (Preflight Exterior Inspection)”
“ค่ะ กัปตัน” กัปตันไคล์หยิบหมวกเซฟตี้มาใส่ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ห้องนักบิน
“เสิร์ฟของว่างให้กัปตันต้นไม้ด้วย เขาบอกหิว” พูดจบ กัปตันไคล์ก็เดินลงไปพร้อมพี่ช่าง ฉันจึงดึงถาดออกมาจัดของว่าง กาแฟร้อน ๆ ขนมปัง เบสิค ๆ ทันที
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“ขออนุญาตค่ะกัปตัน” ฉันเปิดประตูเข้าไป และนั่งลงวางถาดข้าง ๆ แขนกัปตัน ที่ตอนนี้กำลังอ่านเอกสารการบินอยู่เงียบ ๆ
“มีอะไร? กาแฟ?”
“ค่ะ กาแฟของว่างค่ะ” เขาวางเอกสารบนตักแล้วเอี้ยวตัวกลับมาถามฉัน
“ใครสั่ง?” อ้าว!
“ก็... กัปตันไคล์บอกเจแปนเมื่อกี้ค่ะ ว่ากัปตันต้นไม้อยากได้ของว่าง” เขาจิ๊ปากหงุดหงิดทันที
“เวรเอ้ย ไอ้ไคล์...”
“จะบอร์ดดิ้งแล้ว เจแปนวางไว้ตรงนี้นะคะ” ฉันค่อย ๆ ก้มและถอยออกมา แต่ทว่ากัปตันต้นไม้ เขากระดิกนิ้วเรียกฉันไปหาอีก
“มานี่ดิ”
“คะ รับอะไรอีกไหมคะกัปตัน”
“ฉันรู้ว่าเธอใหม่ แต่ของว่างอย่างอื่น เครื่อง Take off เมื่อไหร่ฉันจะเรียก”
ของว่างอย่างอื่น... อ๋อ!
“ได้ค่ะ”