เจ้าชายคามิลยิ้มเยาะตรงมุมโอษฐ์ ดวงเนตรโชนแสงวาววับ ก่อนจะตรัสตอบอย่างหมายมาดกับแผนการที่กำลังผุดขึ้นในหัวสมอง
“ลูกมาแน่พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อกำลังหาแม่เลี้ยงมาให้ทั้งคน เรื่องอะไรลูกจะไม่มาร่วมแสดงความยินดีกับแม่เลี้ยงคนใหม่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“คามิล พ่อหวังว่าลูกคงไม่คิดทำอะไรแผลงๆ เพื่อล้มงานอภิเษกของพ่อน่ะ”
‘แหม! ท่านพ่อช่างถามได้ถูกเผงเลยพ่ะย่ะค่ะ’
“ใครจะกล้าทำเช่นนั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายคามิลตรัสยิ้มๆ ก่อนจะแสร้งโกหกต่อ “ลูกคงขัดขวางไม่ได้แล้ว ก็ท่านพ่อเล่นเตรียมงานอภิเษกไว้เรียบร้อยแล้ว หวังว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ท่านพ่อมีความสุขจนสำลักนะพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคามิลทิ้งคำพูดไว้ให้พระบิดาต้องถอนหายใจลึกด้วยความหนักพระทัย และพอเดินออกมาจากห้องทรงงานของพระบิดาแล้ว ก็หลุบดวงเนตรมองภาพของว่าที่เจ้าสาววัยกระเตาะ ที่ทรงถือติดพระหัตถ์มาด้วย
“สวยเซ็กซี่ไม่ใช่เล่นเลยนะ มิน่า...ถึงทำให้หัวใจของคนแก่กระชุ่มกระชวยราวกับหนุ่มน้อยเพิ่งริรัก”
ทรงเค้นเสียงต่อว่าห้วนจัด ดวงเนตรคมลึกจ้องมองคนในภาพเขม็ง พอพลิกมองด้านหลังภาพ ก็เห็นลายพระหัตถ์ของพระบิดา เขียนชื่อนามสกุลของว่าที่เจ้าสาวไว้
“ฐิติรดา จิตรทิวา”
บุรุษชายชาติกษัตริย์เปล่งวาจาด้วยสุรเสียงอันเต็มไปด้วยความรังเกียจ ขณะเรียกชื่อของหญิงสาวชาวไทย ที่หิวกระหายในเงินทอง จนยอมขายตัวให้กับพระบิดาของพระองค์ถึงยี่สิบล้าน!
“อีกสองวัน เราได้เจอกันแน่ ฐิติรดา จิตรทิวา คนอย่างเธอต้องเจอเจ้าชายคามิล ฮานีฟ อาคาเรีย ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน”
ภาพถ่ายของว่าที่เจ้าสาวสุดเซ็กซี่ ถูกขยำเป็นก่อนกลม และปาทิ้งอยู่หน้าห้องทรงงานของพระบิดา ก่อนจะถูกเหยียบซ้ำด้วยพระบาทหนาหนักของเจ้าชายคามิล ที่กระแทกพระบาทเดินออกจากพระราชวัง เพื่อกลับไปยังตำหนักของตนเอง พร้อมๆ กับแผนการที่เตรียมไว้ต้อนรับขับสู้หญิงสาวที่ชื่อฐิติรดาเป็นอย่างดี
ราชนิกุลหนุ่มเหยียบคันเร่งรถยนต์แลนด์โรเวอร์แบบสปอร์ตสมรรถนะสูงเหมาะสำหรับการวิ่งบนผืนทราย จนมิดคันเร่งด้วยความโกรธจัด กับการตัดสินพระทัยของพระบิดา ที่คิดจะอภิเษกใหม่กับหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก
พอควบรถห้อตะบึงกลับมาถึงตำหนัก ซึ่งสร้างอยู่ติดกับทะเลสาบตามธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าโอเอซิส และมีหมู่บ้านเล็กๆ อีกราวห้าสิบหลังคาเรือน สร้างอยู่รายรอบโอเอซิสแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวๆ 100 ไมล์ ก็เบรกรถเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนเหล่าองครักษ์ที่ทำงานอยู่ภายในตำหนัก โดยเฉพาะองครักษ์เอกนาฟฟาล บาซิซ ฟาติสส์ ซึ่งเป็นองครักษ์เอกคอยอยู่รับใช้เจ้าชายคามิลตั้งแต่พระเยาว์ ต้องรีบวิ่งออกมาดูด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านหน้าตำหนัก
“เจ้าชายเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ทำไมถึงมีสีพระพักตร์บูดบึ้งเช่นนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“อยากฆ่าคนโว๊ย!”
คำตอบที่หลุดออกมาจากพระโอษฐ์สีสด ทำเอาองครักษ์นาฟฟาล และองครักษ์อีกหลายคนต้องผงะตกใจ รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ ต้องพากันถอยห่างให้ไกลจากฝ่าพระบาทของเจ้าเหนือหัวให้ได้มากที่สุด
แม้จะหวั่นเกรงกับฝ่าพระบาทหนักๆ ของเจ้าชายหนุ่ม กระนั้นองครักษ์นาฟฟาลก็รีบเดินตามเจ้าชายคามิลไปติดๆ โดยไม่ลืมหลุดปากเอ่ยถามพระองค์ด้วย
“ใครทำให้เจ้าชายทรงกริ้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ถึงตรัสว่าอยากจะฆ่าคนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้หญิง! ว่าที่แม่เลี้ยงของเรา”
เจ้าชายคามิลตรัสตอบสั้นๆ สุรเสียงห้วนจัด พลางส่งสายตาให้องครักษ์อีกคนที่อยู่แถวๆ นั้น ได้รินบรั่นดีรสนุ่มมาให้พระองค์ดื่มดับความร้อนรุ่มในพระวรกาย
ส่วนองครักษ์นาฟฟาล พอได้ยินเจ้าเหนือหัวตรัสตอบเช่นนั้นก็ถึงกับเบิกตาโต ตะโกนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“ฮ้า! ว่าที่แม่เลี้ยง”
ชายชาตินักรบขยับกายเข้าไปใกล้เจ้าเหนือหัวอีกนิดหนึ่ง ก่อนจะถามต่อโดยไม่พึงสังวรว่าตนเองกำลังจะโดนกระทืบ! เพราะคำถามนี้
“เจ้าชายคงไม่ได้หมายถึงคนที่จะมาอภิเษกกับท่านชีคใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไอ้นาฟฟาล! ต้องโดนเตะก่อนใช่ไหม รอยหยักในสมองของเจ้า ถึงจะทำงานได้อย่างเต็มที่”
เจ้าชายคามิลแผดเสียงตะโกนด่าดังลั่น พอรับบรั่นดีจากองครักษ์มาได้แล้ว ก็สาดเข้าลำคอรวดเดียวหมดแล้ว ก่อนจะยื่นให้องครักษ์รินมาให้ใหม่
เจอพายุเล็กๆ ลูกแรกเข้าไป องครักษ์นาฟฟาลก็ตัดสินใจก้าวถอยห่างออกมาสักสองก้าว กะว่าอยู่ห่างรัศมีพระบาทไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
“เอ่อ...ท่านชีคทรงเรียกเจ้าชายไปบอกเรื่องอภิเษกใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เออ! ถ้ารู้ว่าท่านพ่อตามไปเพื่อบอกเรื่องนี้ เราจะไม่ยอมถ่อสังขารไปเป็นอันขาด”
ราชนิกุลผู้องอาจตรัสตอบ ทรงยกพระหัตถ์เสยผมให้ยุ่งไปหมด พร้อมกันนั้นก็เดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย
“ท่านชีคจะอภิเษกเมื่อไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เรื่องการอภิเษกใหม่ของชีคอัลซาร์เรียกความตกตะลึงให้กับองครักษ์นาฟฟาลมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำตอบในประโยคถัดมาของเจ้าชายคามิล ก็ยิ่งทำเอาตกตะลึงมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“อีกสองวันเจ้าสาวของท่านพ่อก็จะเดินทางมาถึงประเทศอาคาเรีย และวันถัดไปท่านพ่อจะร่วมหอลงโลงกับหญิงสาวคนนั้นทันที”
เจ้าชายคามิลทรงเน้นหนักตรงบางถ้อยบางคำเพราะความเจ็บใจ พระองค์ยังนึกไม่ออกว่าพระบิดาจะมีความสุขได้อย่างไร เมื่อต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่หิวกระหายเงิน ทำตัวเป็นทากดูดเลือด คอยดูดเงินไปจากกระเป๋าของพระบิดาเอง
“ทำไมมันรวดเร็วแบบนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์นาฟฟาลเอ่ยถามราวกับไม่เชื่อหู
“ฮึ! ท่านพ่อคงพระทัยร้อน อยากแต่งงานกับเจ้าสาวสุดเซ็กซี่เร็วๆ” เจ้าชายคามิลทำสุรเสียงเยาะในลำคอ พลางตรัสเหน็บแนมอย่างโกรธจัด
“ท่านพ่อกำลังทำตัวเป็นพวกวัยรุ่นใจร้อน ว่าที่เจ้าสาวเดินทางมาถึงประเทศอาคาเรียไม่ทันหายเหนื่อย ท่านพ่อก็จะจับเธอแต่งงานซะแล้ว”
องครักษ์นาฟฟาลขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ฟังจากสุรเสียง รดูจากสีพระพักตร์ของเจ้าชายคามิลแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าทรงไม่เห็นด้วย และไม่ค่อยพอพระทัยกับการอภิเษกในครั้งใหม่ของพระบิดา
“เจ้าชายไม่เห็นด้วยกับการอภิเษกของท่านชีคหรือพ่ะย่ะค่ะ”