“25 ปี!” เจ้าชายคามิลทวนคำเสียงเยาะ พลางตรัสบอกให้พระบิดาได้รับรู้ถึงความเป็นจริง “ผู้หญิงที่ชื่อน้ำอิงมีอายุน้อยกว่าท่านพ่อถึงสี่รอบ เธอควรจะเป็นลูก มากกว่าจะมาเป็นเมียของท่านพ่อ อีกอย่างเธอมีอายุน้อยกว่าลูกด้วยซ้ำไป ลูกไม่ยอมรับให้เธอเป็นแม่เลี้ยงของลูกแน่”
“คามิล ลูกกำลังจะบอกว่าลูกคัดค้านเรื่องการแต่งงานใหม่ของพ่อใช่ไหม”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ยังไงๆ ลูกก็ไม่ยอมให้ท่านพ่อแต่งงานกับแม่นี่แน่”
สีพระพักตร์ของเจ้าชายคามิลเริ่มบูดบึ้งขึ้นตามอารมณ์ที่ปะทุเดือด เมื่อรู้ว่าพระบิดากำลังคิดหาผู้หญิงมาแทนที่พระมารดาของพระองค์
ชีคอัลซาร์เต็มไปด้วยความหนักพระทัย หนทางในการหว่านล้อมให้โอรสยอมเห็นดีด้วยกับการอภิเษกในครั้งใหม่ของพระองค์ เริ่มมองดูยากเข้าไปทุกขณะ
“พ่ออยู่คนเดียวมานานแล้นะคามิล พ่อเหงา อ้างว้าง อยากมีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างบ้าง”
“นางในฮาเร็มที่มีอยู่เป็นพรวน ไม่ช่วยให้ท่านพ่อคลายเหงาได้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“มันไม่เหมือนกันคามิล นางบำเรอพวกนั้นแค่ช่วยทำให้พ่อคลายเครียดได้ในบางครั้งบางคราว แต่ที่พ่อต้องการคือคู่ชีวิต ที่สามารถรับฟังปัญหานานับประการ และคอยให้คำปรึกษากับพ่อได้”
ชีคอัลซาร์พยายามชักแม่น้ำทั้งห้า หวานล้อมโอรสให้ถึงที่สุด ทว่าเจ้าชายคามิลก็ไม่ยอมโอนอ่อนด้วยแม้แต่นิดเดียว
เจ้าชายคามิลทอดมองพระบิดาเขม็ง ก่อนจะตรัสตอบเสียงเข้ม “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ หากท่านพ่อจะอภิเษกใหม่กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่านี้ซะหน่อย ลูกจะไม่คัดค้านเป็นอันขาด แต่หญิงสาวคนนี้อายุแค่เพียง 25 ปี ลูกคิดว่าท่านพ่อกำลังทำตัวไม่ต่างจากวัวแก่กินหญ้าอ่อน ราษฎรทั่วทั้งประเทศคงได้โจษจันกันไปทั่ว ที่ท่านพ่ออภิเษกใหม่กับเจ้าสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวลูก!”
“ทำอย่างไรลูกถึงจะเข้าใจพ่อนะคามิล”
ชีคอัลซาร์ตรัสออกมาอย่างอ่อนพระทัย สีพระพักตร์เผยริ้วรอยแห่งความทุกข์ ไม่รู้ว่าเมื่อไรโอรสจอมเย่อหยิ่งจะรู้จักในความรักเหมือนคนอื่นบ้าง คามิลจะได้เข้าใจถึงจิตใจของพระองค์ในเวลานี้
เจ้าชายคามิลเบือนพระพักตร์หนี ไม่อยากเห็นสีพระพักตร์ของพระบิดาอันเต็มไปด้วยความผิดหวัง กับโครงการอภิเษกที่ทำท่าจะล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
“ลูกเป็นคนดื้อรั้น คงเข้าใจอะไรยากหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ” ราชนิกุลผู้หล่อเหลาตรัสตอบเสียงห้วนจัด ดวงเนตรเผยความไม่พอใจอย่างยิ่ง ขณะตรัสพูดต่อ
“หากไม่เจอหญิงสาวที่เหมาะสมเพียบพร้อมทั้งรูปกายและวัยวุฒิ ลูกจะไม่ยอมให้เธอคนนั้นมาแทนที่ท่านแม่ของลูกเป็นอันขาด”
“น้ำอิงเธอก็พร้อมทั้งรูปกาย การศึกษาก็จบถึงระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศไทย”
ผู้เป็นพระบิดาพยายามตรัสถึงประวัติของว่าที่เจ้าสาววัยกระเตาะ แต่เจ้าชายคามิลก็ค้านออกมาทันทีเช่นเดียวกัน
“แต่เธอขาดคุณสมบัติเรื่องวัยวุฒิ อายุแค่ 25 ปี เป็นลูกของท่านพ่อได้สบายๆ เธอควรแต่งงานกับคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธออย่างลูก ไม่ใช่ท่านพ่อ”
ชีคอัลซาร์ตีสีพระพักตร์ตกพระทัยทันที เมื่อได้ยินคำคัดค้านในประโยคหลังของโอรส
“เฮ้ย! ไม่ได้ ลูกจะมาแย่งว่าที่เจ้าสาวของพ่อไม่ได้ คนนี้พ่อชอบจริงๆ และพ่อก็อยากแต่งงานกับเธอด้วย”
‘ฮึ! ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับเจ้าชายคามิลหรอกท่านพ่อ’
ราชนิกุลผู้องอาจตรัสตอบอยู่ในพระทัย ยิ่งพระบิดาเผยท่าทีให้เห็นว่าต้องการหญิงสาว ที่พระองค์ทราบแค่
เพียงชื่อเล่นว่าน้ำอิงมากเพียงใด พระองค์ก็ยิ่งต้องการขัดขวางความรักของพระบิดามากเท่านั้น หากแม้นพระบิดาไม่ริทำตัวเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน พระองค์ก็จะไม่ขัดขวางการอภิเษกแม้แต่นิดเดียว
“ท่านพ่อตรัสได้เต็มปากว่าชอบ ว่ารักหญิงสาวคนนั้น แต่ลูกถามจริงๆ เถอะ ว่าเธอรักท่านพ่อด้วยหรือเปล่า แล้วท่านพ่อคิดหรือว่าผู้หญิงที่มีอายุเพียงแค่นี้ จะมาหลงรักคนที่มีอายุรุ่นราวคราวพ่อ เธอคงอยากแต่งงานกับท่านพ่อ เพราะหวังจะเป็นหนูตกถังข้าวสารล่ะไม่ว่า”
“ทำไมลูกต้องคิดไปไกลถึงเพียงนั้นด้วยล่ะคามิล” ชีคอัลซาร์ต่อว่าโอรสเบาๆ
“หรือมันไม่จริงล่ะท่านพ่อ เพราะท่านพ่อเป็นเจ้าผู้ปกครองประเทศ มีทรัพย์สมบัติให้พวกเธอผลาญกี่สิบชาติก็ไม่มีหมด ผู้หญิงคนนี้ถึงได้อยากแต่งงานกับท่านพ่อจนตัวสั่นระริก หากท่านพ่อไม่มีทรัพย์สมบัติเลยแม้แต่เหรียญเดียว ลูกเชื่อว่าแม้แต่หางตา พวกเธอก็ไม่แลท่านพ่ออย่างแน่นอน”
นอกจากจะเป็นราชนิกุลที่เย่อหยิ่งทะนงองค์แล้ว เจ้าชายคามิลยังปากจัดไม่มีใครเกิน แถมยังเป็นคนที่ตรัสถนอมน้ำใจคนไม่เป็น ทรงคิดอย่างไร ก็มักจะตรัสออกมาเช่นนั้น
และคำพูดของผู้เป็นโอรส ก็ทำให้ชีคอัลซาร์มีสีพระพักตร์ถอดสีซีดเล็กน้อย เพราะความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นความรักที่พระองค์เป็นฝ่ายหลงรักว่าที่เจ้าสาวแต่เพียงฝ่ายเดียว
“ลูกจะพูดอย่างไรก็พูดไปเถอะ แต่ถึงยังไงๆ พ่อก็จะแต่งงานกับน้ำอิงให้จงได้” ทรงตรัสบอกสุรเสียงเข้มอย่างตัดสินพระทัยดีแล้ว
“โธ่โว๊ย! ท่านพ่อ!”
เจ้าชายคามิลสบถลั่น หันรีหันขวางหาทางระบายอารมณ์โกรธจัด ซึ่งปะทุเดือดขึ้นในทุกวินาที ยิ่งสนทนากับพระบิดา ก็ยิ่งทำให้พระองค์โกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ลูกถามจริงๆ เถอะว่าท่านพ่อเสียเงินไปเท่าไร สำหรับการซื้อผู้หญิงคนนี้ให้มาแต่งงานกับท่านพ่อ”
แม้ไม่ค่อยพอพระทัยกับน้ำเสียงที่โอรสเน้นหนักตรงคำว่าซื้อ แต่ประมุขแห่งประเทศอาคาเรีย ก็ทรงตรัสตอบในที่สุด
“ยี่สิบล้าน คามิล”
“โอ้! เป็นเจ้าสาวที่มีค่าตัวแพงมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคามิลประชดประชัน และเมื่อไม่อาจหาทางระบายความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในพระทัยได้ พระองค์ก็ก้าวเท้ายาวๆ ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ถูกพระบิดาตะโกนเรียกไว้เสียก่อน
“คามิล อีกสองวันน้ำอิงก็จะเดินทางมาถึงประเทศอาคาเรีย พ่อจะจัดพิธีอภิเษกในวันถัดไป พ่ออยากให้คามิลมาร่วมงานด้วย”
“ไม่ทราบว่าเป็นการขอร้องหรือออกคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
ราชนิกุลหนุ่มเหน็บแนมพระบิดาด้วยความโกรธ หัวสมองอันชาญฉลาดเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของพระบิดา
“นี่คือคำสั่ง คามิลจะต้องมาร่วมงานอภิเษกของพ่อด้วย”