ผัวะ!!!
อ๊ากกก!!!
เจ้าชายคามิลร้องตะโกนดังลั่น ทิ้งพระวรกายนั่งลงกับพื้น กุมกล่องดวงใจด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง พระพักตร์หล่อเหลาบูดบึงแดงก่ำเพราะความปวด ที่แล่นไปทั่วพระวรกายจนถึงกับพูดไม่ออก
“น้ำอิง!...” เจ้าชายคามิลหลุดเสียงเรียกเจ้าของลูกเตะด้วยน้ำเสียงยากลำบาก
ทางด้านฐิติรดาไม่ได้อยู่ดูผลงานของตนเองนานนัก พอเห็นคนตัวใหญ่ทรุดกายลงนั่งกับพื้นตะโกนร้องลั่นท้องทุ่งหน้าดำหน้าแดงไปหมด หญิงสาวก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาฉับพลัน เธอผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และก่อนจะวิ่งเข้าไปภายในตำหนักหรูหรา ก็ไม่ลืมเค้นเสียงเยาะเย้ยด้วยความสะใจอย่างยิ่งยวด
“สมน้ำหน้า! ขอให้ใช้การไม่ได้ไปตลอดทั้งชีวิต!”
“น้ำอิง! ฝากไว้ก่อนเถอะ...”
เจ้าชายคามิลแผดเสียงตะโกนตามหลังร่างอรชรที่วิ่งหนีเข้าไปภายในตำหนัก และฐิติรดาก็ไม่ลืมโต้กลับในทันทีทันใด ทั้งๆ ที่ไม่ได้หันหน้ามามองเจ้าชายคามิล
“เสียใจ ไม่รับฝากใครทั้งนั้น”
ฐิติรดาวิ่งหนีไปนานหลายนาทีแล้ว ทว่าเจ้าชายคามิลยังลุกไม่ขึ้น เพราะเท้าเล็กที่เตะผ่าหมากสุดแรงเกิด ทำเอาพระองค์ปวดซ่านไปทั้งพระวรกาย
“จะยืนตะลึงอีกนานไหมวะไอ้นาฟฟาล มาช่วยพยุงเราลุกขึ้นหน่อยสิวะ”
ชายชาติกษัตริย์หันไปถลึงดวงเนตรจ้องมอง พร้อมกับตะโกนด่าองครักษ์นาฟฟาล ซึ่งยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไม่ห่างสักเท่าไร
องครักษ์นาฟฟาลทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ อีกทั้งยังตะลึงงันด้วยความคาดไม่ถึงว่าสาวไทยใจกล้าผู้นี้ จะอาจหาญชาญชัยถึงขั้นเตะผ่าหมากเจ้าเหนือหนุ่มซะเต็มแรง และเมื่อหายจากอาการตกตะลึง กอปรกับได้ยินสุรเสียงห้าวทุ้มของเจ้าชายคามิล จึงรู้สึกตัวรีบขยับกายเข้าไปประคองพระองค์ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าชาย เป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“จุกสิวะ ถามได้”
เจ้าชายคามิลตรัสตอบอย่างโมโห เกิดมาไม่เคยเจอใครแสบทรวงเท่ากับฐิติรดามาก่อน และไม่เคยมีใครทำกับพระองค์เหมือนที่ฐิติรดาเท่าเมื่อสักครู่ด้วย
องครักษ์นาฟฟาลตีสีหน้าเจื่อนๆ เมื่อถูกเจ้าเหนือหัวตวาดด่า เขาเข้าไปช่วยหิ้วปีกให้พระวรกายล่ำสันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปค่อนข้างลำบาก เพราะดูท่าว่าเจ้าเหนือหัวจะเจ็บอยู่ไม่น้อย
“เจ็บชะมัดญาติเลยวะนาฟฟาล”
เจ้าชายคามิลโอดครวญ พลางกระโดดเบาๆ ให้อาการจุกเสียดจากหายไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก เพราะอาการปวดยังคงจุกแน่นอยู่ จนต้องสั่งให้องครักษ์นาฟฟาลช่วยประคองเข้าไปในตำหนัก
“ไม่ไหววะนาฟฟาล เจ้าพาเราเข้าไปในตำหนักที”
“ให้กระหม่อมตามหมอหลวงมาดูอาการไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะหิ้วปีกเจ้าเหนือหัวเข้าไปภายในตำหนัก องครักษ์นาฟฟาลก็เอ่ยถามด้วยความหวังดี คิดว่าเจ้าเหนือหัวคงเจ็บหนัก จนต้องพึ่งพาการรักษาจากหมอหลวง
เจ้าชายคามิลโบกพระหัตถ์ปฏิเสธว่อน ก่อนจะตรัสออกมาอีกหน “ไม่ต้องไปตามหมอทั้งนั้น ขืนให้หมอมารักษาก็อายแย่สิวะ เดี๋ยวนั่งพักสักครู่ก็คงหายแล้ว”
“ถ้างั้นให้กระหม่อมเอายาแก้ปวด หรือเอาน้ำแข็งมาประคบไหมพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์นาฟฟาลยังคงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้หรอกว่ารสชาติของการถูกเตะกล่องดวงใจนั้นเป็นยังไง และไม่อยากเจอะเจอด้วย เพราะเท่าที่เห็นพระพักตร์บูดเบี้ยวหน้าดำหน้าแดงของเจ้าเหนือหัว ก็พอจะเดาออกว่าคงเจ็บเอาการ
“เจ้าไปเอายาแก้ปวดให้เราดีกว่านาฟฟาล”
เจ้าชายคามิลตรัสสั่ง พลางชี้นิ้วพระหัตถ์ให้องครักษ์นาฟฟาลหยิบรีโมททีวีจอพลาสม่าจอใหญ่ยักษ์ให้กับพระองค์ ก่อนอีกฝ่ายจะเดินไปทำตามคำสั่ง
“เจ้าชายรอสักครู่นะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะเอายามาให้พ่ะย่ะค่ะ”
ราชนิกุลหนุ่มพยักพระพักตร์รับ พร้อมกับตรัสสั่งอีกครั้ง “เอายาแก้ปวดชนิดอย่างแรงเลยนะนาฟฟาล”
เมื่อองครักษ์นาฟฟาลเดินออกไปจากห้องโถงแล้ว เจ้าชายคามิลก็กดรีโมทเปิดทีวีและเลือกไปยังช่องที่ฉายภาพวงจรปิดภายในตำหนักของพระองค์โดยเฉพาะ จากนั้นก็เลือกภาพย้อนหลังไปเมื่อสิบนาทีก่อน เพื่อดูว่ากระต่ายสาวเนื้อหวาน เจ้าของลูกเตะผ่าหมาก แอบไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน
และพอได้เห็นภาพซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอทีวี เจ้าชายหนุ่มก็กระตุกยิ้มกว้างตรัสออกมาด้วยความถูกพระทัยอย่างยิ่งยวด
“ฮึๆๆ เข้าหาที่หลบซ่อนตัวซะจริงๆ เลยนะน้ำอิง”
หลังจากฝากลูกเตะให้เจ้าชายคามิลเจ็บปวดไปนานหลายนาที ฐิติรดาก็วิ่งหนีสุดชีวิตเข้ามาภายในตำหนักหรูหรา หญิงสาวไม่รู้ว่าจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ให้รอดพ้นจากไฟสวาทของเจ้าชายคามิล และในที่สุดก็เลือกวิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ใกล้กับบันไดที่สุด
“ไปซ่อนตัวที่ไหนดีนะ”
ฐิติรดาพึมพำถามตัวเอง เมื่อเข้ามาในห้องดังกล่าวได้แล้ว แม้ภายในห้องจะไม่ได้ถูกเปิดไฟให้ความสว่างไสวไปทั่ว แต่ไฟสีนวลซึ่งถูกเปิดไว้ตรงหัวเตียงนอน ก็พอช่วยให้หญิงสาวเห็นห้องนอนหรูหรา ซึ่งถูกประดับตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและของตกแต่งล้วนราคาแพงทั้งสิ้น จนหญิงสาวนึกเอะใจว่าการทำอาชีพองครักษ์ในประเทศอาคาเรีย ได้เงินเดือนมากน้อยเท่าไรกัน ผู้ชายที่ชื่อคามิลถึงได้มีเงินทองตกแต่งห้องนอนซะหรูหราราวกับเป็นลูกมหาเศรษฐีก็ไม่ปาน
“ดูท่าจะรวยไม่หยอกเลยนะนายคามิล”
ฐิติรดาเหน็บแนมอีกฝ่ายเบาๆ และพอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ถึงกับตบหน้าผากของตัวเองเบาๆ พร้อมกับงึมงำออกมาด้วยความโมโหจับใจ
“อยากจะบ้าตาย น้ำอิงนะน้ำอิง เธอช่างเลือกที่หลบซ่อนตัวได้ดีเหลือเกิน”
กรรมเวรของฐิติรดา ห้องหับมีให้เลือกซ่อนตัวไม่รู้กี่สิบห้อง แต่ดันแจ๊คพอตมาเลือกโดนห้องนอนของเจ้าชายคามิลซะนี่ แล้วแบบนี้เธอจะหนีรอดไหมเนี่ย?
“ซ่อนในตู้เสื้อผ้าก็แล้วกัน”
เจ้าของนัยต์ตากลมโตบอกกับตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว กอปรกับได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินขึ้นบันไดมา จึงรีบวิ่งเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ตนเองหมายตาไว้แต่แรก
“สาธุ! ขอให้อย่าหาเราเจอเลย”
ฐิติรดายกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมกับบนบานศาลกล่าว หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ขณะหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นกายหอมสะอาดของผู้เป็นเจ้าของห้อง