“ลงมาสิ! จะนั่งตรงนั้นอีกนานไหม!”
มุกรินทร์รีบลงมาจากรถพร้อมกับมองหน้าของคนที่พาเธอมาอย่างกล้าๆกลัวก่อนจะเดินตามหลังเขาเข้าไปในบ้านซึ่งดูภายนอกนั้นแห้งแล้งและไม่น่าอยู่แต่พอเข้ามาภายในมันกลับดูสะอาดและเป็นระเบียบ
“ต่อไปนี้ฉันเป็นเจ้านายและเจ้าชีวิตของเธอ ทำตามที่ฉันสั่งให้ทำก็พอ!”
“เอ่อ...ฉันไม่เข้าใจ...”
“เธอหูหนวกรึไงเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่เข้าใจ”
ไม่พูดเปล่าแต่เขายังก้าวเข้ามาใกล้เธอจนมุกรินทร์รีบหันหน้าหนีพร้อมสองตาหลับลงอย่างหวาดกลัว นี่เธอกำลังเจอกับอะไรกันแน่ ถูกขายยังไม่พอยังมาเจอกับเรื่องอะไรอีกก็ไม่รู้
“ก็ฉันไม่รู้ ว่าใครเป็นคนซื้อฉันมา...คนนั้นพามาแต่คนนี้ลากมาอีก จะให้ฉันทำยังไง อยู่ดีๆก็ถูกขาย ฮึก! ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฮือๆๆๆ”
“เงียบ...ฉันบอกว่าให้เงียบไง!!!”
สิงหเรศถึงกับตะคอกออกมาอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆคนที่เขาพามาก็ร้องไห้เสียอย่างนั้น จากที่อารมณ์เสียอยู่แล้วกลับยิ่งมากขึ้นไปอีก
“หยุด! ฉันบอกให้หยุดไง หยุดสิวะ!!!”
ไม่พูดเปล่าแต่เขายังตะคอกพร้อมกับจับร่างเล็กเขย่าไปมาจนมุกรินทร์แทบกลั้นสะอื้นไม่ทันเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บไปทั้งร่างก่อนจะถูกปล่อยหรือจะเรียกว่าโยนลงบนพื้นก็น่าจะไม่ผิด
“ฮึก...ฮึก...”
“ฉันคือคนที่ซื้อเธอมาจากพ่อกับแม่ของเธอ แต่ไอ้บ้านั่นมันสะเออะไปรับเธอมา ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม!”
“คุณสิงห์! นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
ป้าศรี แม่บ้านที่คอยดูแลและทำความสะอาดบ้านให้กับสิงหเรศรีบวิ่งเข้ามาดูเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายหนุ่มตะโกนดังลั่นบ้าน แต่สิงหเรศไม่สนใจเดินหันหลังหนีเข้าไปหลังบ้านเมื่อหงุดหงิดไปหมดแล้วในตอนนี้ ส่วนมุกรินทร์พอร่างใหญ่เดินพ้นออกไปเธอถึงกับปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้งอย่างสุดจะกลั้น เธอคงมีเวรมีกรรมแต่ชาติปางก่อนเยอะแยะมากมายถึงใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไม่หมดสักที ส่วนให้ป้าศรีได้แต่มองอย่างรู้สึกสงสาร ปกติผู้หญิงที่สิงหเรศพามาไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญขนาดผู้หญิงตรงหน้า เธอเลยค่อยๆเดินเข้าไปหาพร้อมกับนั่งลงลูบหลังให้อย่างปลอบโยน
“เกิดอะไรขึ้นคะนายสิงห์ ทำไม...”
“ไม่มี ผมรบกวนป้าศรีช่วยดูแลผู้หญิงคนนั้นที ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นแม่บ้านช่วยงานชั่วคราว”
พอเห็นว่ามุกรินทร์เริ่มสงบป้าศรีก็เดินตามเจ้านายหนุ่มออกมา ส่วนสิงหเรศที่ยืนสงบสติอารมณ์อยู่บอกขึ้น
“สั่งทุกคนห้ามเข้าใกล้บ้านหลังนี้เด็ดขาด ถ้าใครขัดคำสั่งก็ไล่ออกไปให้หมด!”
“ได้ค่ะ...”
สั่งเสร็จสิงหเรศก็เดินออกไปทันทีปล่อยให้ป้าศรีได้แต่มองตามอย่างนึกแปลกใจเมื่อนายน้อยแห่ง ไร่เสือสิงห์ กลับมาพร้อมผู้หญิงอีกครั้งหลังจากไม่ได้พาใครมาอยู่ที่นี่ด้วยเกือบปีแต่กลับต่างออกไปตรงดูจะหัวเสียกับคนที่พึ่งพามาเป็นอย่างมากนี่สิ
และหลังจากที่พามุกรินทร์มาทิ้งไว้ที่บ้านท้ายไร่ สิงหเรศก็หายหน้าไปอีกทำเอามุกรินทร์ที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้กับป้าศรีที่จะมาแค่เฉพาะช่วงกลางวันเพื่อทำงานบ้านแล้วก็กลับที่พักเมื่อเสร็จหน้าที่และอีกคนก็เสือสมิงค์ที่แวะเข้ามาถามไถ่เธอแทบทุกวันรวมถึงวันนี้ด้วย
“เป็นยังไงบ้าง ฉันเอานี่มาให้เห็นว่าเธออยากได้”
“สวัสดีค่ะคุณเสือ อะไรคะ...ว้าว มุกอยากได้อยู่พอดีเลย ขอบคุณนะคะ”
“อืม พอดีฉันแวะเข้าไปในเมืองมาน่ะเลยซื้อมาฝาก...”
เสือสมิงค์มองหน้าหวานที่ยิ้มแก้มปริของมุกรินทร์อย่างรู้สึกดีใจที่เห็นเธอยิ้มสักที เขาเองก็ไม่รู้ว่าไปรู้สึกชอบผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทีแรกเขาก็แค่แวะมาดูเธอว่าโดนทารุณหรือทำร้ายอะไรหรือเปล่าแต่พอได้รู้จักและได้คุยเขากลับคิดว่าเธอเป็นคนดีกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยเจอมา ทั้งๆที่โดนมารดาแท้ๆขายทอดตลาดเหมือนกับสิ่งของแต่เธอกลับไม่ได้เอาแต่โศกเศร้าฟูมฟายโทษนั่นโทษนี่เหมือนกับที่ควรจะเป็น เลยทำให้เขารู้สึกสนใจเธอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวพอมารู้ตัวอีกทีเขาก็ละสายตาจากเธอไม่ได้เสียแล้ว
“แล้วกินข้าวรึยังล่ะ”
“ยังเลยค่ะ กำลังจะกินแต่มุกได้ยินเสียงรถเลยออกมาก่อน”
“อ้อ...วันนี้ป้าศรีหยุดนี่...งั้นฉันกินด้วยได้ไหม”
“ได้สิคะ งั้นเชิญเลยค่ะข้าวกำลังร้อนๆ”
เสือสมิงค์เดินตามมุกรินทร์เข้าไปในบ้านที่หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้เพราะน้องชายสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด แต่วันนี้คงต้องแหกกฎเสียแล้วดีที่สิงหเรศไม่อยู่บ้าน พอทานข้าวกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาช่วยมุกรินทร์ปลูกดอกไม้ที่เขาซื้อเมล็ดพันธุ์มาให้เธอจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตกดินเขาเลยเอ่ยลาเพราะถ้าหากอยู่ต่อแล้วสิงหเรศมาเจอเข้าจะทะเลาะกันเปล่าๆ
“เอาเหล้ามาให้ฉันหน่อย”
“อุ๊ย! เอ่อ ค่ะ...”
และขณะที่มุกรินทร์กำลังล้างจาน อยู่ดีๆร่างสูงใหญ่ของสิงหเรศก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากหายตัวไปเกือบเดือนพร้อมกับสั่งให้เธอเอาเหล้าให้แล้วเดินหนีออกไป หญิงสาวแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้เจอเขาหลังจากครั้งแรกที่เขาไปฉุดกระชากลากเธอมาที่นี่แล้วก็หายหน้าไป หญิงสาวรีบวางมือจากจานชามตรงหน้าแล้วเดินไปหยิบเหล้าที่วางโชว์อยู่เต็มตู้ไปให้เขา เมื่อเธอคิดว่าตนเองอยู่ที่นี่ในฐานะคนรับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากที่ทุกข์ตรมในคราแรกกลับเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อวันๆเธอแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากงานบ้านเล็กๆน้อยๆช่วยป้าศรี เขาไม่ได้พาเธอมาทารุณหรือทำไม่ดีไม่ร้ายกับเธอเลยสักนิด แค่นี้เธอก็อยู่เป็นคนใช้ของเขาได้อย่างสบายๆแล้ว
ส่วนทางด้านสิงหเรศเขากลับมาตั้งแต่ตอนเย็นแล้วแต่พอกำลังจะขับรถเข้ามาจอดกลับเจอเข้ากับรถอีกคันที่จอดอยู่ก่อนหน้าและเขาก็จำได้ดีด้วยว่ารถคันนั้นเป็นของเสือสมิงค์ สองมือใหญ่กำเข้าหากันแน่นอย่างโกรธเคืองแต่พอจะลงจากรถกลับเห็นสองร่างเดินยิ้มกว้างหัวเราะกันออกมาจากบ้านของเขานั่นยิ่งทำให้เขาเหมือนถูกน้ำมันร้อนๆราดลงไปบนร่างกาย มือใหญ่กระชากประตูรถปิดลงทันทีก่อนจะนั่งมองไปที่สองร่างที่ทำเหมือนกับว่าเป็นสามีภรรยาที่ช่วยกันปลูกดอกไม้ในสวนอย่างมีความสุข
“นี่ค่ะ...เหล้ากับน้ำแข็ง...เอ่อ คุณต้องการอะ...”
“ไสหัวไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเรียบนิ่งของสิงหเรศก็บอกขึ้น ทำเอามุกรินทร์ที่ตามอารมณ์เขาไม่ทันรีบเดินออกจากห้องรับแขกไปทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายร่างกายของเธอเอาได้
“เฮ้อ ฝาแฝดอะไรต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้ คนหนึ่งเจ้าชายส่วนอีกคนก็ซาตาน”
พอเดินพ้นออกมาหญิงสาวอดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้เมื่อสิงหเรศกับเสือสมิงค์มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันก็จริง แต่เสือสมิงค์นั้นราวกับเจ้าชาย เนื้อตัวสะอาดหมดจดผิวพรรณขาวเนียนหน้าตาไร้หนวดเคราดูยังไงก็เทพบุตรบนดินแต่สิงหเรศนั้นตรงกันข้าม หน้าคมเต็มไปด้วยหนวดเคราแถมเอาแต่ทำหน้ายับยู่ยี่จนแทบไม่มีใครอยากเข้าใกล้ หญิงสาวรีบล้างจานเก็บของเพื่อจะเข้าห้องนอนแต่หัวค่ำเพราะวันนี้สิงหเรศน่าจะนอนที่บ้านเธอเลยไม่อยากออกไปกวนใจให้เขาเห็นหน้า
เพล้ง! เพล้ง! ผลัก!
ตกดึกมุกรินทร์ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเสียงของหล่นแตกด้านนอกดังไปทั่วทั้งบ้าน หญิงสาวรีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปดูจนเจอเข้ากับร่างใหญ่ที่เดินเซไปเซมาอยู่ท่ามกลางเศษแก้วเต็มพื้น ด้วยความตกใจเธอรีบวิ่งเข้าไปดึงแขนใหญ่ที่กำลังจะเหยียบลงไปบนเศษแก้วพวกนั้นจนร่างเมามายเซเข้ามาหาเธอและด้วยน้ำหนักที่มากโขทำเอาสองร่างล้มทับกันลงไปบนพื้นบ้าน
“อ๊ะ! เจ็บ อื้อ คุณ ถอยออกไปก่อน...”
เป็นมุกรินทร์ที่รีบบอกขึ้นเมื่อร่างใหญ่ทั้งร่างดันทับลงมาที่เธอจนเจ็บไปหมด สองมือเล็กพยายามผลักให้เขาออกไปแต่สิงหเรศกลับไม่ได้ขยับเขยื้อนออกไปเลยสักนิด
“ผู้หญิงแพศยา เธอมันแพศยาไม่ต่างจากคนอื่นๆ”
เสียงแหบพร่าราวกระซิบของสิงหเรศดังขึ้นทำเอาสองมือที่พยายามดันเขาออกถึงกับหยุดชะงักไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ฉันว่าคุณเมามากแล้ว โอ๊ย! คุณ...ลุกออกไปก่อนได้ไหม ฉันหนัก”
มุกรินทร์พยายามอีกครั้งก่อนที่ร่างใหญ่จะค่อยๆขยับตัวขึ้นแต่ไม่ได้ลุกออกไปกลับมองจ้องมาที่เธอนิ่ง
“มันดีกว่าฉันตรงไหน...ทำไมผู้หญิงถึงพร้อมกันถวายตัวให้มันจนหมด”
“คุณว่าอะไรนะ ฉันไม่เข้าใจ ฉันว่าคุณเมามากแล้ว ถอยออกไปก่อนได้ไหม”
“เป็นเมียมันแล้วมาลองเป็นเมียฉันอีกคนไหมล่ะ หึ! ฉันอยากรู้ว่ามันจะทำยังไงถ้าผู้หญิงที่มันนอนด้วยมานอนกับฉันบ้าง”
“คุณพูดบ้าอะไรน่ะ! ออกไปนะฉันจะเข้าห้อง”
มุกรินทร์ทั้งพูดทั้งดันให้เขาออกจากร่างของเธอแต่กลับต้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆเขาก็กดจูบลงมาบนปากเล็กที่อ้าค้างของเธอแทนพร้อมกับจาบจ้วงเข้ามาด้านในจนคนที่มัวแต่ตกตะลึงได้แต่ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจกว่าจะมาตั้งสติได้ก็ตอนที่มือใหญ่ลูบไล้เข้ามาในสาบเสื้อและบีบคลึงอยู่ที่สองเต้าอวบนั่นแหละ
“อื้อๆๆๆๆ ไอ้ อื้อออออ อุน”
“ฮึ่ม! จะดิ้นทำไม ทำอย่างกับไม่เคย จะฉันหรือมันก็ไม่ต่างกันหรอก เผลอๆของฉันใหญ่ถึงใจกว่าของมันซะอีก”
“ไม่นะ! ออกไปไม่เอา คุณฉันไม่เอานะ”
“หึ! เธอไม่เอาแต่ฉันจะเอา”
พูดจบปากหยักก็กดจูบลงมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยการจาบจวงรุนแรงจนมุกรินทร์หยุดดิ้นขัดขืน เมื่อยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเขายิ่งเพิ่มแรงกดทับและแรงจูบมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะกลายเป็นเคลิ้มตาม เมื่อกวางน้อยผู้ไม่เคยลิ้มลองรสรักถูกพญาสิงห์ปลุกเร้าทั้งมือทั้งปากขนาดนี้ ไม่นานจากความรุนแรงและเอาแต่ใจก็เริ่มเปลี่ยนไป ความสาวและความหอมหวานที่เขาได้เชยชิมทำให้ชายหนุ่มอดส่งเสียงครางแห่งความพอใจออกมาไม่ได้
ฮึ่ม...ถึงว่าทำไมไอ้เสือมันมาที่นี่ทุกวัน...
สิงหเรศคิดขึ้นมาในใจ ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่ชายมาที่นี่ แต่วันนี้เขาได้เห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่าพี่ชายจะแสดงออกมานั่นก็คือการดูแลเอาใจใส่มากเกินกว่าแค่เป็นห่วงแบบธรรมดาๆอย่างแน่นอน
“อื้อออออ อ๊ะ จะ...เจ็บ”
พอเขาล่วงล้ำมือเข้ามาในส่วนสงวนร่างเล็กถึงกับสะดุ้งถอยหนีทันที ทำเอาคนที่กำลังเคลิ้มถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง ตาคมปรือขึ้นมองอย่างขัดใจ
“เลิกเล่นตัวสักที ถ้าขืนยังเล่นตัวแบบนี้ฉันลากเธอไปเอาหน้าบ้านแน่”
เสียงขู่ดังขึ้นพร้อมกับมองจ้องหน้าของมุกรินทร์จนเธอแทบไปไม่ถูกเมื่อพูดจบเขาก็กลับเข้ามาลุกล้ำกายเธออีกครั้งซึ่งครั้งนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อนเมื่อมันจาบจ้วงสอดลึกเข้ามารุนแรงและรวดเร็วจนหญิงสาวอ้าปากค้างนิ่งด้วยความเจ็บปวด เธอเคยอ่านในพวกนิยายรักว่าการร่วมรักนั้นเต็มไปด้วยความสุขแต่ทำไมที่เจออยู่นี่มันถึงเหมือนกับว่าเธอเหยียบอยู่บนหนามแหลมหลายพันเล่มก็ไม่ปาน
ส่วนสิงหเรศเองไม่ได้สนใจเลยสักนิดเมื่อทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์และความต้องการที่ตื่นขึ้นมานั้นทำให้เขาไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดหรือสุขสม มือใหญ่ที่ล่วงล้ำเริ่มจ้วงแทงเข้าออกหนักหน่วงตามความต้องการของตนเองจนกระทั่งทนไม่ไหวรีบลนลานดึงกระชากชุดที่มุกรินทร์ใส่อยู่ออกพร้อมกับของตนเองโดยที่มุกรินทร์ที่ทั้งเจ็บทั้งอายได้แต่ยกมือขึ้นปกปิดร่างกายเท่าที่จะทำได้ สองแก้มเนียนอาบไปด้วยน้ำตาเมื่อกำลังคิดโทษโชคชะตาที่ไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วย
“อ๊ะ!? อื้อ! กึด! อื้อ!”
เสียงดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอระหงเมื่อกายสาวถูกลุกล้ำสอดใส่เข้ามารวดเร็วและรุนแรง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่นิ้วยาวแต่กลับเป็นท่อนเอ็นร้อนซึ่งใหญ่โตเกินกว่าที่จะเข้าไปในช่องแคบของเธอแต่เขากลับทำได้ถึงแม้มันจะไม่ได้ง่ายดายเลยสักนิด แต่ด้วยความต้องการที่มีมากล้นทำให้เขาทำมันสำเร็จภายในครั้งเดียว
“ฮึ่ม!!”
สิงหเรศครางออกมาอย่างสุขสม เมื่อร่องรักสาวบีบรัดลำเอ็นใหญ่ของเขาแน่น สองมือเอื้อมไปจับกุมสะโพกผายก่อนจะเริ่มขยับจ้วงสอดประสานตามความต้องการที่มีอย่างไม่สนใจกายเล็กที่พยายามบิดหนีความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับเลยสักนิด เขาเฝ้าตักตวงหนักหน่วงจนกระทั่งสุขสมพอใจจึงยอมปล่อยร่างสาวที่ไร้สติให้เป็นอิสระก่อนจะลุกเดินหนีออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งเหมือนครั้งนี้