“ดอกไม้ ตุ๊กตาเยอะแยะเลย รุ่นน้องสาวๆ ให้วราวันปัจฉิมล่ะสิ” แม่บ้านช่วยกันถือดอกไม้ ตุ๊กตา และกล่องของขวัญเข้ามามากมาย วันนี้เป็นวันปัจฉิมของวรากับนารา อีกไม่นานทั้งคู่ก็จะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เอวามองของเหล่านั้น ก่อนเอ่ยถามลูกชายที่เดินเข้ามา
“ของวราที่ไหนล่ะหม่าม้า ของนู่น ของวรามีแค่นี้ครับ” วราบุ้ยปากไปยังน้องสาวฝาแฝดที่หอบหิ้วดอกไม้เข้ามาอีกช่อใหญ่ ส่วนตนเองมีดอกกุหลาบกำใหญ่กับตุ๊กตาอีกสามตัวที่ได้จากรุ่นน้อง
“ทำไม อิจฉาเหรอที่นาราได้ดอกไม้มากกว่าวรา” นาราว่า วางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ ก่อนเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน ส่งสายตาเย้ยหยันพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่จริงจัง
“ทำไมต้องอิจฉา ไม่ได้รู้สึกสักนิด อย่าคิดไปเองสิ”
“หราาาาา”
“นาราน้อยนี่เสน่ห์แรงเหมือนหม่าม้าตอนสาวๆ เลย” นารามีเสน่ห์กับเพศเดียวกัน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือแม้แต่รุ่นเดียวกันมาชอบพอ เสน่หแรงเกินหน้าพี่ชายฝาแฝดอย่างวรา
“แน่สิคะ เชื้อไม่ทิ้งแถวอยู่แล้ว ก็นาราเป็นลูกสาวของหม่าม้านี่น่า”
“สวยไม่เท่าหม่าม้าอย่ามั่นหน้า” วราว่า
“สวยไม่เท่า แต่ถ้านาราเป็นผู้ชายก็หล่อกว่าวราแล้วกัน”
“เสน่ห์แรงขนาดนี้ไม่ยักจะพาแฟนมาแนะนำตัวให้ปะป๊ากับหม่าม้ารู้จักบ้าง” เดลวางมือบนศีรษะทุยของลูกสาวคนเล็ก นารามักชมชอบผู้หญิงสวยๆ มีผู้หญิงมาติดพันเหมือนเอวาตอนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่ความร้อนแรงไม่อาจเทียบชั้นความเป็นคาสโนวี่ของเธอ บางครั้งก็เกิดความสงสัยว่าแท้จริงแล้วนาราชอบผู้หญิงจริงๆ หรือชอบผู้ชายกันแน่ เพราะไม่เคยเห็นพาผู้หญิงคนไหนมาค้างคืนที่บ้าน ไม่เคยไปค้างคืนที่บ้านใคร แต่ก็ไม่เคยเห็นลูกสาวคนนี้ให้ความสำคัญกับผู้ชายคนไหนเช่นกัน จะมีก็แต่ โซน เพื่อนสนิทของธาม สามีของบัว หลานสาวคนโตของตระกูล ที่ดูจะสนิทสนมเล่นหยอกล้อกันอยู่บ่อยๆ แต่รายนั้นก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบพออลิน ลูกสาวของอธิกับไนท์
“กับนารานี่ไม่หวงเลยนะ ให้มีแฟนได้” เอวากระแนะกระแหนคนเป็นสามี รู้ว่านาราชอบพอผู้หญิงด้วยกันก็ไม่เคยแสดงความหวงแหน ต่างจากนีรา ที่หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
“เฮียไปโรงงานก่อน” ว่าแล้วเดลก็ลุกออกไปทันที
“สะกิดไม่ได้เลย” เอวาส่ายหน้ากับความความดื้อหัวแข็งของสามี
“สงสารเจเจ้จัง ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นชีวิตก็เหมือนนักโทษเลย ปะป๊าใจร้าย” นารานึกถึงวันที่ผู้เป็นพ่อลั่นไกใส่คนรักของพี่สาว เธอจำภาพวันนั้นได้ดี วันที่ทั้งคู่หัวใจแตกสลาย ทั้งคู่ต้องพรากจากกัน ผู้เป็นพ่อให้บอดี้การ์ดเฝ้าตามติดพี่สาว นีราที่เคยสดใสก็เปลี่ยนไป หลายครั้งที่ต้องเห็นพี่สาวเหม่อลอย และร้องไห้เพราะคิดถึงคนรัก จนอดค่อนขอดความใจร้ายของพ่อไม่ได้
“สักวันปะป๊าก็จะคิดได้”
“แล้วเมื่อไรล่ะคะ นี่ก็ครบปีแล้วนะคะ นาราสงสารเจเจ้ นารารู้ว่าหม่าม้าก็รู้ว่าเจเจ้เปลี่ยนไป ถึงภายนอกจะยิ้มแย้ม แต่ลึกๆ แล้วก็เศร้า ที่ทำไปก็เพื่อให้ปะป๊ากับทุกคนสบายใจ”
“แต่ถ้าเจเจ้เรียนจบ ปะป๊าก็จะเปิดใจยอมรับความรักของเจเจ้กับพี่เรน” วราว่า สงสารพี่สาวไม่ต่างจากทุกคน และเข้าใจคนเป็นพ่อ
“หม่าม้าก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น แล้วนี่เตรียมตัวกันบ้างหรือยัง” อีกไม่ถึงสองสัปดาห์วรากับนาราก็ต้องไปอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ กับพี่ๆ ทั้งสาม
“ไว้ใกล้ๆ ก็เตรียมทันครับ ของวราไม่ได้มีอะไรมากมาย ไม่เหมือนของนาราหรอก เก็บกี้วันถึงจะหมด” วราไม่พูดเปล่า แต่ยื่นมือไปดึงแก้มนุ่มๆ ของน้องสาวฝาแฝดจนยืด
“โอ๊ย เจ็บนะ หม่าม้าขา วราทำนาราเจ็บอีกแล้ว” มือเล็กปัดป้อง ร้องโอดโอยให้คนเป็นแม่ช่วย
“วราไม่แกล้งนาราสิลูก” เอวาเอ็ดลูกชาย โอบกอดพลางลูบแก้มของนาราอย่างปลอบโยน
“ขี้ฟ้อง วราไปอาบน้ำก่อนนะครับ” วราดีดหน้าผากเนียนไปอีกทีด้วยหมั่นไส้ความสำออยของน้องสาวฝาแฝด รู้ดีว่านาราเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคนเป็นแม่ แต่ก็ไม่เคยคิดน้อยใจ เพราะลูกๆ ทุกคนได้ความรักความอบอุ่นเสมอกัน แต่นาราช่างออดอ้อนออเซาะคนเป็นแม่มากกว่าใครก็เท่านั้น
“ไอ้วราบ้า”
“ไม่เรียกวราแบบนั้นสิคะ”
“ก็วราชอบแกล้งนารานี่ค่ะ”
“ถ้าลูกๆ ไปอยู่กรุงเทพกันหมด บ้านคงเงียบเหงา” พอถึงเวลาที่ลูกๆ ต้องห่างอกเอวาก็ยิ่งรู้สึกใจหาย ครั้งนั้นศิรา ธารา และนีรา ไปเรียนต่อ ก็ยังมีวรากับนารา แต่ครั้งนี้ต้องห่างลูกๆ พร้อมกัน บ้านที่เคยสดใสรื่นเริงก็ต้องเงียบเหงา
“นาราจะมาหาหม่าม้าบ่อยๆ ค่ะ”
“หม่าม้าว่าเป็นหม่าม้าเสียมากกว่าที่ต้องไปหานารา ถึงเวลามหาลัยเปิดก็แทบไม่มีเวลาว่าง ไหนจะเรียน ไหนจะกิจกรรม ไปอยู่นู่นนาราดูแลนีราด้วยนะลูก”
“ค่ะหม่าม้า นาราจะดูแลเจเจ้เอง จะทำให้เจเจ้ยิ้มทุกวันเลย”
“หม่าม้ารู้สึกผิดต่อนีรามาตลอด หม่าม้าช่วยนีราไม่ได้ ช่วยให้นีราสมหวังกับคนที่รักไม่ได้”
“เจเจ้เข้าใจหม่าม้าค่ะ ถ้าเจเจ้รู้ว่าหม่าม้ายังรู้สึกผิดอยู่แบบนี้คงไม่สบายใจ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เจเจ้กับพี่เรนถ้าได้เกิดมาเป็นคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกค่ะ”
“แล้วนาราน้อยของหม่าม้าล่ะ มีคนในใจหรือยัง” มือบางอบอุ่นประคองกอบหน้าของลูกสาวให้สบตา
“…ไม่มีค่ะ เป็นแบบนี้ก็มีความสุขอยู่แล้ว” นารานิ่งงันไปเพียงครู่ ก่อนตอบผู้เป็นแม่ เอวารับรู้ความไหววูบในแววตาของลูกสาว เธอรู้ว่านาราไม่ได้มีรสนิยมทางเพศแบบหญิงรักหญิง จึงอดคิดไม่ได้ว่านาราจะมีคนในใจ แต่ไม่กล้าบอกตรงๆ อาจจะด้วยเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดกับพี่สาวที่ผ่านมา