“ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บ” ภาสกรพูดอย่างตั้งมั่น แม้จะรู้ดีว่าถึงอย่างไรเขาก็ต้องทำให้หญิงสาวเจ็บอยู่ดี แต่เขาจะนุ่มนวมที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ๊ะ! เจ็บ มันใหญ่เกินไป” เรนิตาพูดด้วยความเจ็บปวดทันทีที่ชาย
หนุ่มพยายามความดุดันแข็งจัดนั้นเข้ามาในกายของเธออย่างเชื่องช้า
“อา…แน่นมาก อย่าเกร็งสิเรย์ ถ้าเกร็งคุณจะเจ็บ”
ภาสกรก้มลงไปพูดประชิดริมฝีปากสาว ก่อนที่มือสากจากการทำงานหนักในไร่ จะเริ่มลูบไล้ตามหน้าอกอวบเพื่อกระตุ้นอารมณ์หญิงสาวอีกครั้ง และดูเหมือนว่าคราวนี้เรนิตาจะเริ่มหลงไหลเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้จนลืมไปว่าตอนนี้เขากำลังค่อยๆ ดันความเป็นชายเข้ามาในตัวเธอ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทียินยอม
ดวงตาคู่หวานสวยเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นเส้นเลือดเต้นตุบอยู่รอบโคนหนา เมื่อเขาอยากแกล้งเธอจึงดึงมือบางให้ไปจับสัมผัสความดุดันร้อนผ่าวท่าทางกราดเกรี้ยว หญิงสาวรีบสะบัดมือออกด้วยอาการตกใจ
“อย่าตกใจ อีกหน่อยคุณจะคุ้นกับมัน มันไม่ทำอันตราย แต่จะทำให้ฟิน”
“คนบ้า”
ภาสกรจึงตัดสินใจดันแก่นกายของตนเองเข้าไปตอกตรึงจนสุดพื้นที่หวงห้ามของหญิงสาวจนสุดเส้นทาง
“เรย์เจ็บค่ะ เอาออกไป” มือน้อยๆ ผลักหน้าอกแกร่งของเขา “เรย์ไม่ไหวค่ะ ได้โปรด”
“ทนนิดครับคนสวย”
“กรี๊ดดดด!!!!!”
“เรย์!!!” ชายหนุ่มเด้งขึ้นจากเตียงนอนด้วยความตกใจสุดขีด เขามองหาเรนิตาหญิงสาวที่เมื่อครู่นี้ยังนอนทอดกายให้เขาเชยชมบนเตียง แต่เมื่อมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
ภาสกรสะบัดศีรษะอย่างรุนแรงเพื่อเรียกสติของตนเอง นี่เขาฝันไปอย่างนั้นหรือ! ชายหนุ่มมองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ของเขาที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดละครที่เรนิตาแสดงเป็นนางเอกเอาไว้ ก่อนที่ตนเองจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และภาพที่เขาไม่อยากเห็นและเลี่ยงมาตลอดกำลังฉายอยู่ตรงหน้าเขา!
เรนิตากำลังกอดกับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเอกของเรื่องด้วยสีหน้าและแววตามีความสุขตามประสาชายหนุ่มที่รักกันมานานและได้สมหวังในความรักเสียทีตามเนื้อเรื่องของบทละคร ไม่นานพระเอกในเรื่องก็บอกรักนางเอกอย่างหวานซึ้ง ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงมาเพื่อหมายจะครอบครองริมฝีปากบาง…
ปึก! ภาสกรกดปิดโทรทัศน์อย่างรวดเร็วก่อนจะโยนรีโมตลงพื้นอย่างไม่ใยดี เขาไม่สามารถทนดูฉากพรอดรักของเรนิตากับผู้ชายคนอื่นได้
“บทบ้าๆ เดี๋ยวนี้คนเขียนบทเป็นอะไรกันหมด ยัดเยียดแต่บทแบบนี้ให้นักแสดง”
หรือเพราะเขาปรารถนาจะครอบครองหญิงสาวแบบนี้เลยทำให้เขาเก็บเอาเธอไปฝันเรื่องทะลึ่งเมื่อครู่
“เธอนี่มันร้ายชะมัด ขนาดฉันหนีมาอยู่ไกลขนาดนี้ยังตามมาหลอกหลอนกันได้”
ภาสกรกล่าวโทษหญิงสาวลอยๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรนิตาไม่มีความผิดใดเลยสักนิด ถ้าจะมีคนผิดก็คงเป็นเขาที่ต้องการเธอมากเสียจนควบคุมความต้องการของตนเองไม่อยู่จนเก็บเอาไปนอนฝันละเมอเช่นนี้ และเครื่องยืนยันก็คงเป็นความปวดหนึบระหว่างกายแกร่งที่เวลานี้มันกำลังดุนดันเนื้อผ้าออกมา แล้วเขาจะสงบลงได้ยังไงเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วไม่มีเรนิตาอยู่ตรงนี้
“บ้าฉิบ!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย แล้วก้าวฉับๆ กระโดดขึ้นรถออฟโรดคันโปรดขับเข้าไปในไร่ ป้ายทางเข้าขนาดใหญ่บอกให้รู้ว่าที่นี่คือ ‘ไร่น่านฟ้า’ ไร่ส้มที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือ
‘เชียงใหม่’ ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนในความคิดของ ‘ภาค ภาสกร อัศวเหมราช’ แม้เขาจะเรียนจบจากที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วก็ตาม บรรยากาศความคึกครื้น นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศยังคงให้ความสนใจในจังหวัดเชียงใหม่เสมอ ยิ่งช่วงฤดูหนาวเป็นที่รู้กันว่านักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ ใครที่อยากจะมาเที่ยวในช่วงนี้ก็ต้องจองห้องพักกันนานเป็นเดือนๆ
แต่ใครจะไปคิดว่าบรรดาเพื่อนๆร่วมรุ่นคณะวิศวกรรม เอกเครื่องกล มหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่ จะเลือกนัดรวมรุ่นกันในช่วงนี้ คราแรกภาสกรตั้งใจจะปฏิเสธแต่เมื่อมานึกๆ ดูแล้ว การทำงานของเขาก็ได้ความรู้จากการเรียนคณะนี้เป็นอย่างมาก และการที่เขาเก่งและมีความสามารถในการซ่อมเครื่องจักรต่างๆ ได้ก็เป็นเพราะเพื่อนๆ ช่วยกันผลักดันมาตลอด เพราะฉะนั้นหากเขาปฏิเสธไม่ยอมมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นก็คงจะเป็นอะไรที่รู้สึกผิดไปตลอด
ภาสกรเป็นเจ้าของ ‘ไร่น่านฟ้า’ ไร่ส้มที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน เขาใช้องค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาในช่วงปริญญาตรีในการตรวจและดูแลเครื่องจักรของในไร่ได้เป็นอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอครอบครัวของเขายังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ทำให้ภาสกรต้องเรียนต่อปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ พ่วงไปด้วย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ภาสกรเต็มใจทำเพราะเขาเองก็จะได้เอาความรู้มาพัฒนาไร่น่านฟ้าให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก
เมื่อคืนนี้ชายหนุ่มปาร์ตีกับเหล่าผองเพื่อนหนักเสียจนแทบไม่อยากลุกตื่นขึ้นมา และเมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็พบข้อความจากไลน์ของ ‘ใครบางคน’ ส่งมาถึงเขาและทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
‘ไปเจอกันที่ร้าน…นะคะ วันที่...เวลา .... อย่าพลาดนะคะ แล้วพบกันค่ะ’ ภาสกรอ่านข้อความดังกล่าวจากใครคนหนึ่งที่ส่งทิ้งไว้ ก่อนจะใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เจอเธอคนนั้น…ชายหนุ่มได้แต่เห็นเธอผ่านโทรทัศน์ หรือตามโซเชียลมีเดียต่างๆ เนื่องด้วยทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดน่าน และนานๆ ทีจะขึ้นไปกรุงเทพฯเพื่อไปพบกับพ่อแม่นานทีปีหน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาไม่ได้พบ ‘เธอ’ มานานแสนนาน
“จะได้เจอกันแล้วสินะ” ภาสกรยิ้มมุมปาก เขาพอจะรู้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าตอนนี้เธอคนนั้นก็อยู่ที่เชียงใหม่เหมือนกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ทั้งของเขาและของเธอเอง ทำให้เขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบหญิงสาวตัวเป็นๆ จนมาวันนี้ ‘ใครคนนั้น’ ส่งข้อความมาบอกว่าเขายังมีโอกาสได้พบเธอ และมีหรือที่คนอย่างภาสกรจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป…