“นายครับ เธอกลับไปแล้วครับ”
เจมส์เดินเข้ามารายงายแคเรียลที่นั่งทำงานอยู่ เมื่อคนที่ให้คอยดูแลคาริสาแจ้งมาว่าเธอกลับไปแล้ว
“อืม เรียกริกะมาหาฉันหน่อย”
“ครับ”
แคเรียลที่กำลังตรวจบัญชีของผับอยู่บอกขึ้น เมื่อเขาพบสิ่งผิดปกติในรายการบัญชีของสองสามเดือนที่ผ่านมา
“นายเรียกหามิกะเหรอคะ?”
“อืม มานั่งสิ”
มิกะ สาวแก่ชาวญี่ปุ่นวัย 45 ที่ยังดูสาวและสวยอยู่เดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับแคเรียลด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อเธอรู้ว่าเจ้านายหนุ่มคงตรวจเจอความผิดปกติของบัญชีแล้ว
“จะบอกหรือให้ฉันพูดเอง”
แคเรียลพูดขึ้นพร้อมกับเปิดตรวจไปเรื่อยๆ
“เอ่อ มิกะขอโทษนะคะที่ไม่ได้รายงาน พอดีช่วงสองสามเดือนมานี้สตีฟเข้ามาที่นี่บ่อยๆ และทุกครั้งก็มักจะอ้างว่าที่นี่เคยเป็นของนายสเตฟาน เขาควรมีสิทธิ์เป็นเจ้าของด้วย...มิกะไม่รู้ต้องทำยังไง...”
“อืม พอแล้ว”
มิกะยังพูดไม่ทันจบแคเรียลก็บอกให้หยุดพูด เมื่อเขารู้ดีว่าลูกพี่ลูกน้องของเขานั้นไม่ได้ลงรอยกับเขาเลยสักนิด เมื่อดันกลายเป็นเขาที่ สเตฟาน อดีตหัวหน้ามาเฟียคนเก่าเลือกให้ขึ้นมาแทนที่ก่อนจะสิ้นลมหายใจ ไม่แปลกที่สตีฟที่เป็นลูกแท้ๆจะโกรธแค้นแบบนั้น
“ทีหลังถ้าสตีฟเข้ามาอีก รายงานฉันทันที”
“ได้ค่ะ”
“ออกไป”
และมิกะก็รีบเดินกลับออกไป เพราะอันที่จริงเธอทำงานเป็นผู้จัดการที่ผับแห่งนี้มาตั้งแต่คุณสเตฟานยังอยู่ ทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธหรือขัดขืนต่อสตีฟ เพราะยังไงบิดาของสตีฟก็เคยมีบุญคุณกับเธอ
“ที่คาสิโนก็รายงานว่าสตีฟเข้าไปที่นั่นบ่อยๆ แล้วก็มักสร้างปัญหาจนต้องเชิญออกจากคาสิโนแต่สตีฟก็เอาแต่บอกว่าเขามีสิทธิ์และกำลังจะกลับมาทวงสิทธิ์นั้นคืนด้วย จะเอายังไงดีครับ”
เจมส์รายงานออกมา เมื่อเขาจะบอกแคเรียลมาหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีโอกาสบอกสักที
“ให้คนไปสืบมาว่ามันต้องการจะทำอะไร”
“ครับ”
แคเรียลสั่งขึ้น เพราะสตีฟหายหน้าไปเกือบ 4 ปี และตอนนี้กลับมาบอกจะทวงทุกอย่างคืนจากเขาทั้งๆที่เขามีสิทธิ์กับทุกอย่างที่เขาถือครองอยู่ในตอนนี้
“ตอนเย็นฉันจะเข้าคาสิโน สั่งให้เอาบัญชีทั้งหมดมา ฉันจะตรวจสอบเอง”
“ครับ”
เมื่อที่ผับแทบไม่มีปัญหาเพราะมิกะทำงานได้อย่างดีเยี่ยม จะมีก็แค่เรื่องที่สตีฟเข้ามาดื่มกินเหมือนกับว่าเทเหล้าราคาแสนแพงของผับเล่นแต่กลับไม่ยอมจ่ายเงิน นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
และพอมาที่คาสิโน แคเรียลกลับพบสิ่งผิดปกติมากมายเต็มไปหมด เวลาเพียงเดือนกว่าๆที่เขามัวแต่ยุ่งกับธุรกิจใหม่ ไม่นึกว่าที่คาสิโนจะยุ่งเหยิงแบบนี้
“ไปเรียกผู้จัดการมา”
“ครับ”
ไม่นานผู้จัดการก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่ได้รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร
“อธิบายมาว่าบัญชีนี้มันคืออะไร”
“ครับ? เอ่อ คือคุณสตีฟเข้ามาที่คาสิโนและขอส่วนแบ่งจากรายได้ไป ผมเห็นว่า เอ่อ มันก็ไม่ได้ผิด ถ้า...”
ผู้จัดการคาสิโนที่เป็นลูกน้องเก่าของคุณสเตฟานและยังภัคดีต่อสตีฟบอกขึ้น เมื่อความคิดของเขาคือสตีฟควรได้เป็นคนรับช่วงต่อ พอสตีฟเข้ามาขอความช่วยเหลือเลยยอมทำตามโดยคิดว่าแคเรียลอาจจะเห็นด้วย เพราะยังไงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“อืม ไม่ผิด ลากออกไป แล้วอย่าให้โผล่มาที่นี่อีกเด็ดขาด”
แคเรียลสั่งขึ้น ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเดินเข้ามา
“ครับ? เอ่อ ผมขอโทษ ให้อภัยผมสักครั้งเถอะนะครับนาย ผม เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ นาย!”
ผู้จัดการคาสิโนรีบนั่งคุกเข่าขอร้อง แต่ก็ยังถูกลากตัวออกไปอยู่ดี
“ผมว่ามันแปลกๆนะครับสตีฟหายไป 4 ปี โผล่มาอีกทีก็ทำเหมือนอยากจะมาก่อกวนทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไร หรือว่าจะมีแผน”
“อืม มีแน่นอน ให้คนคอยดูแลไว้ ทั้งผับทั้งที่นี่ ถ้าเกิดมีพวกแปลกๆหรือสตีฟเข้ามา ให้ไล่กลับไปได้เลย”
“ครับ”
รับคำสั่งเสร็จ เจมส์ก็เดินกลับออกไป และพอเห็นว่าลูกน้องออกไปหมดแล้ว แคเรียลก็วางทุกอย่างลง พร้อมกับหมุนเก้าอี้มองออกไปนอกกระจกห้องทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็ความมืดเข้าครอบคลุมและแสงสีเสียงก็กำลังแข่งกันเต้นระบำอยู่ด้านนอก เขายังจำได้ดีหลังจากที่บิดามารดาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เขากับน้องสาวเลยต้องมาอยู่กับคุณสเตฟาน ซึ่งเป็นลุงของเขา เขาถูกเลี้ยงมาให้เข้มแข็งเพื่อที่จะดูแลน้องสาวของเขาได้ แต่ไม่เคยนึกว่าจะต้องกลายมาเป็นมาเฟียแบบนี้ เพราะถ้าวันนั้นเขาปฏิเสธ ทั้งเขาและน้องสาวของเขาอาจไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วก็เป็นได้ เพราะสตีฟต้องกำจัดเขาก่อนที่จะขึ้นมารับตำแหน่งถ้าเกิดอยากมาแทนที่คุณสเตฟาน เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นพวกลูกน้องเก่าของคุณสเตฟานก็คงไม่เคารพและยอมรับทำให้แคเรียลจำต้องยอมรับตำแหน่งที่ได้มาเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ
“หึหึ มันดมกลิ่นได้แล้วสินะ อะไรกัน แค่เงินไม่กี่ล้านทำเป็นงกไปได้ ที่จริงมันควรเป็นของฉันหมดนั่น ไม่ใช่แก”
ทางด้านสตีฟ ตอนนี้ผู้จัดการคาสิโนหอบร่างกายอันสะบักสะบอมมาหาเขาพร้อมกับบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น และขอให้เขาช่วยรับเข้าทำงาน
“คุณสตีฟจะรับผมเข้าทำงานด้วยใช่ไหมครับ ตอนนี้ผมตกงานแล้ว”
“อืม ไปเป็นผู้จัดการซ่องที่มาเก๊าแล้วกัน ที่นั่นน่ะวุ่นวาย ช่วยไปจัดระเบียบให้หน่อยแล้วกัน”
“ครับ? เอ่อ มาเก๊า แต่ผมมีลูกมีเมียที่นี่...”
“อ่าว ก็ไปหาใหม่ที่โน่นสิ อยากบอกว่า ผู้หญิงน่ะเด็ดๆทั้งนั้น หึหึหึ”
พูดจบ สตีฟก็ลุกเดินออกไป ปล่อยให้อดีตผู้จัดการคาสิโนของแคเรียลถึงกับอึ้งกับสิ่งที่สตีฟเสนอให้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาได้ทำพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตแล้ว
“ไล่มันออกไป แล้วอย่าให้เสนอหน้ามาที่นี่อีก น่ารำคาญชะมัด”
พอเดินออกมานอกห้อง สตีฟก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละคน เพราะกว่าเขาจะตั้งหลักกลับมาที่นี่ได้ เขาผ่านงานเลวทรามต่ำช้ามาจนหมดแล้ว จะปล่อยให้คนโง่ไร้สมองเข้ามาในชีวิตเขาง่ายๆแบบนั้นคงไม่ได้
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง...
“หรือว่าป่วยหนัก โทรมาก็ไม่รับ อะไรกัน...”
คริสยืนอยู่หน้าห้องพักของคาริสาพร้อมด้วยอาหารเต็มมือ เขาพยายามกดกริ่งหน้าห้องแต่คนที่อยู่ในห้องกลับไม่ตอบรับสักที จนเข้าเริ่มเป็นกังวล
“หรือว่าไม่อยู่ แต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์อยู่ในห้องนี่น่า...”
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
ผลั๊วะ
และความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาก็เป็นผล เมื่อประตูห้องของคาริสาเปิดออก พร้อมกับเจ้าของห้องยื่นหน้าอันซีดเซียวออกมา
“อ่าว คริส...มีอะไรรึเปล่า?”
เสียงแหบแห้งถามขึ้น เมื่อเธอรำคาญจนต้องลุกมาเปิดประตูทั้งๆที่เวียนหัวแทบยืนทรงตัวไม่อยู่จากพิษไข้
“นี่เธอ...ดูแย่มากเลย...ฉันซื้ออาหารมาให้ ขอเข้าไปได้ไหม?”
“อื้อ เข้ามาสิ”
และคาริสาก็เชิญให้เขาเข้าไปในห้อง คริสที่มองตามอย่างเป็นห่วงรีบเดินตาม
“เดี๋ยวฉันจัดอาหารรอ อาบน้ำเสร็จก็ออกมานะ”
“อื้อออ”
เธอตอบรับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานเธอก็กลับออกมาด้วยร่างกายดีขึ้นหลังจากได้นอนพักมาหลายชั่วโมง
“ไม่สบายเหรอ?”
“อื้อ อยู่ดีๆก็ไข้ขึ้นน่ะ”
คาริสาบอกออกมา โดยเลี่ยงที่จะเล่าเรื่องที่เป็นสาเหตุของมันให้คริสฟัง
“ถึงว่าไม่ไปทำงาน นี่ กินนี่ซะสิจะได้กินยา ฉันซื้ออาหารญี่ปุ่นมาให้ เห็นว่าเธอชอบ”
คริสรีบดันอาหารตรงหน้าไปให้เธอ เมื่อเขาไปยืนต่อแถวเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่ออาหารชุดใหญ่นี่ เพราะเห็นว่าเธอชอบมันเอามากๆ
“ว๊าวววว ขอบคุณนะคริส ของโปรดฉันทั้งนั้นเลย”
และคาริสาก็รีบตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก เมื่อความหิวกำลังเล่นงานเธออย่างหนัก ถึงจะตัวเล็กแต่เธอถือได้ว่าเป็นคนกินจุต่างจากตัวของเธอเลยก็ว่าได้
“กินด้วยกันสิ เยอะขนาดนี้ใครจะกินหมด”
ปากที่เคี้ยวไม่หยุดบอกขึ้น เมื่อเห็นว่าคริสไม่แตะต้องอาหารเอาแต่มองเธอ ก่อนที่คริสจะเริ่มกินบ้าง จากนั้นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน