และหลังจากวันที่มีอะไรกับแคเรียล ดูเหมือนเขาจะหายไปจากชีวิตของเธอโดยไม่มีแม้แต่ข้อความส่งมาหา คาริสาเอาแต่นั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังเฝ้ารอโทรศัพท์จากเขาอยู่
“ลิซ่า...ตกลงเธอจะไปกับพวกเราไหม?”
“หือ? เอ่อ ไปสิ แล้วจะไปที่ไหนกัน”
“ผับที่ลาสเวกัส งานนี้แฮรี่จ่ายไม่อั้น ไปเถอะ เดียวพวกนั้นบ่น”
และคาริสาก็ตัดใจจากโทรศัพท์ ก่อนจะเดินตามเพื่อนร่วมงานของเธอออกไป เพราะปกติแล้วจะมีการสังสรรค์ขององค์กรเดือนละครั้ง และครั้งนี้ทุกคนก็ตกลงว่าจะไปเที่ยวผับที่ลาสเวกัสเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการช่วยชีวิตของเฮเลน ลูกสาวคนเดียวของแฮรี่เมื่อ 2 เดือนก่อน
“ทำไมต้องมาแถวนี้ด้วย ปกติเราไปแค่บาร์แถวออฟฟิศกันนี่”
“เห็นแฮรี่บอกว่าได้บัตรส่วนลดอะไรมาไม่รู้ เลยพาไปที่นั่นน่ะ”
คาริสาถามขึ้น เพราะบางทีเธออาจได้เจอกับแคเรียลที่นั่นก็ได้ และไม่นานรถก็มาจอดลงที่หน้าผับสุดหรูหราแถมนักท่องราตรีมากมายกำลังเดินเข้าไปข้างใน
“นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้มาสนุกแบบนี้ ต้องขอบคุณแฮรี่ที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการด้วย ไปกันพวกเรา!”
พอคริสพูดจบลง ทุกคนก็พากันเดินเข้าไปอย่างรู้สึกสนุกสนานและตื่นเต้น และพอเข้ามาด้านในเสียงดนตรีดังกระหึ่มแทบไม่ได้ยินเสียงผู้คน และจากนั้นปาร์ตี้อันแสนสนุกสุดเหวี่ยงก็เริ่มขึ้น
“อะไรนะ ให้คนของเราคอยเฝ้าเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา สตีฟต้องสร้างเรื่องแน่นอน”
“ครับ ผมจะให้คนตามติดไม่ให้คลาดสายตาเลย”
ทางด้านแคเรียล การที่เขาหายเงียบไปก็เพราะเรื่องที่สตีฟไปก่อเอาไว้ เมื่อมันไม่ใช่แค่เรื่องการเข้ามาทวงสิทธิ์ แต่สตีฟยังสร้างความปั่นป่วนโดยการดึงตัวคนของเขาออกไปจำนวนมาก เพราะเอาคุณสเตฟานขึ้นมาอ้าง ทำให้เขาต้องหาคนมาแทนแถมยังต้องสะสางคนที่คิดว่าอาจสร้างปัญหาอีก ซึ่งปัญหาเหล่านั้นทำเอาเขาแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนมา 3 วันเต็มๆ แถมวันนี้สตีฟยังเข้ามาที่ผับพร้อมคนติดตามนับสิบคนอีก ต้องเข้ามาสร้างปัญหาอีกแน่นอน
“ถ้าไม่ถอยไป ฉันจัดการพวกแกแน่ รู้ไหมว่าฉันเป็นใครห๊ะ!”
เสียงตะโกนใส่หน้าการ์ดเฝ้าประตูผับดังขึ้น เมื่อคนของแคเรียลไม่ยอมให้สตีฟกับลูกสมุนเข้าไปด้านใน ทำเอาสตีฟถึงกับหัวเสีย
“ผับนี้มันบริการลูกค้าแบบนี้เหรอห๊ะ? ห่วยแตกสิ้นดี! ถอยไป! บอกให้ถอยไปไงวะ!!”
สตีฟตะโกนเสียงดังพร้อมกับผลักการ์ดออกแล้วเดินเข้าไปด้านในโดยมีพวกลูกน้องของเขาคอยกันการ์ดเอาไว้ ซึ่งพวกการ์ดก็ไม่กล้าทำรุนแรงเมื่อรู้ว่าสตีฟคือลูกพี่ลูกน้องของแคเรียลจึงได้แต่รายงานไปยังเจมส์แทน
“นั่นใครกัน ดูท่าไม่เหมือนมาเที่ยว น่าจะมาหาเรื่องมากกว่านะ”
“นั่นสิ เราไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย คงไม่มีเรื่องอะไรหรอกนะ”
“มีแน่ แล้วมันเป็นใครกัน ดูกร่างแปลกๆ”
กลุ่มเอบีไอที่นั่งอยู่ชั้นสองมองลงมาเห็นเข้ากับสตีฟที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางหาเรื่องแบบสุดๆ พวกเขาไม่อยากและไม่เคยคิดเข้าไปยุ่งกับอันธพาลพวกนี้ แต่ก็ไม่ยอมให้คนพวกนี้เข้ามายุ่งกับพวกเขาได้เหมือนกัน
“วันนี้คงไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อ พวกเรากลับกันเถอะ เอาไว้ค่อยไปดื่มกันวันหลัง”
คริสที่เห็นท่าไม่ดีบอกขึ้น
“แล้วลิซ่าล่ะ”
เขามองหาคาริสา เมื่อเธอไม่ได้นั่งอยู่รวมกับคนอื่นๆ
“เห็นว่าไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงกลับมา”
“กลับออกไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันพาลิซ่าตามไปทีหลัง”
พอได้ยินแบบนั้น คริสรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที
“เฮ้อ เหม็นบุรี่ ทำไมต้องมาดูดกันข้างในด้วยเนี่ย”
ทางด้านคาริสา เธอเดินมาสูดอากาศเพราะทนกลิ่นบุหรี่ที่อยู่ในผับไม่ได้ พอเริ่มดีขึ้นเธอก็เดินกลับเข้าไปทางด้านหลังโดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมงานของเธอกำลังทยอยกันออกมาทางด้านหน้า
“อ่าว ไปไหนกันหมดแล้ว...กลับแล้วเหรอ พึ่งมาเองนี่”
เธอมองซ้ายมองขวาแต่กลับไม่มีใครอยู่อย่างนึกแปลกใจ คาริสาเลยเดินลงไปด้านล่าง เผื่อว่าเพื่อนร่วมงานของเธอจะเปลี่ยนโต๊ะนั่ง
พลั๊ก!
“โอ๊ย เอ่อ ขอโทษค่ะ”
หมับ!
“อะไรกัน เดินมาชนแบบนี้ดูก็รู้ว่าต้องการอะไร หึหึ”
และด้วยความซวยที่เอาแต่มองหาเพื่อนๆ ให้คาริสาเดินฝ่าดงการ์ดไปชนเข้ากับสตีฟอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรีบเอ่ยขอโทษแต่กลับถูกสตีฟจับแขนเอาไว้แทน
“เอ่อ ฉันขอโทษ พอดีฉันหาเพื่อนอยู่”
เธอพยายามดึงแขนออกจากมือเขา แต่สตีฟกลับจับเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงมาจ้องมองเธออย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะเจอแจ๊คพอร์ตเข้าให้
“ผู้หญิงของไอ้แคเรียลนี่...หึหึหึ อะไรกัน วันนี้มันวันของฉันเหรอ”
และสตีฟก็จำได้ทันทีเมื่อเห็นคาริสาชัดๆ ก่อนเขาจะดึงเธอเข้ามาโอบกอดแน่น จนคาริสาตกใจ
“นี่! จะทำอะไรฉัน! ปล่อยนะ!”
เธอพยายามดิ้นรนเพื่อออกไปจากเขา แต่ยิ่งดิ้นสตีฟก็ยิ่งกอดแน่นพร้อมกับก้มลงมามองเธอใกล้ๆอีก
“ไอ้แคเรียลมันเปลี่ยนสเปคจริงๆสินะ หึหึ แต่ก็น่ารักดี สนใจมาเป็นผู้หญิงของฉันไหม ดีกว่าเป็นผู้หญิงของไอ้นั่นอีกนะ หึหึ”
“นี่! อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้นะ! ปล่อยฉันนะ จะทำอะไรของคุณ นี่!!”
คาริสาพยายามปัดป้องมือที่เอาแต่สัมผัสหน้าตาและร่างกายเธอออก เสียงที่เธอคิดว่าดังกลับไม่ได้ดังไปกว่าเสียงเพลงในผับนี่เลยสักนิด เมื่อแทบไม่มีคนหันมามองหรือสนใจเธอเลยสักคน
“นั่นมัน...ลิซ่า!!”
คริสที่พยายามตามหาคาริสาจนทั่วแต่กลับไม่เจอ เขาเลยเดินขึ้นมาชั้นบนแล้วมองหาเธอไปรอบๆผับ และเขาก็เจอว่าเธอถูกกอดอยู่กลางผับโดยที่พยายามดิ้นรนออกมาจากหมอนั่น คริสรีบวิ่งลงไปด้านล่างทันที
หมับ!
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
แต่ก่อนที่คริสจะวิ่งมาถึงตัวคาริสา แคเรียลที่เห็นจากกล้องวงจรปิดเดินมาถึงก่อน เขามองไปที่สตีฟด้วยสายตาเย็นชาในแบบที่ไม่เคยใช้มองใครมาก่อน มือใหญ่จับไปที่มือของอีกฝ่ายแล้วกำแน่น
“อ่าว มาแล้วเหรอน้องชาย พี่เจ็บนะ ทางที่ดีอย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า”
สตีฟมองไปที่แคเรียลอย่างท้าทายไม่ยอมปล่อยคาริสาแถมยังกอดแน่น พวกลูกน้องที่ตามมาพากันตีวงแคบเข้ามาคุ้มกันผู้เป็นเจ้านาย ส่วนรอบๆเริ่มพากันตีวงกว้างเมื่อเห็นท่าว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นเสียแล้ว
“ฉันบอกให้แกปล่อย ตอนที่ฉันยังพูดดีอยู่”
แคเรียลกัดฟันบอกขึ้น เขาพยายามสะกดอารมณ์อย่างที่สุดแล้วที่จะไม่ยกปืนขึ้นมาเป่าหัวของลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างสตีฟ ที่กล้าเข้ามาท้าทายอำนาจของเขาถึงนี่ แถมยังมายุ่งกับผู้หญิงของเขาอีก
“ทำไม หรือผู้หญิงคนนี้สำคัญกับนาย”
“หุบปากแล้วปล่อยเธอซะ!!”
สตีฟเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเริ่มเจ็บแขนกับแรงบีบของแคเรียล และสุดท้ายสตีฟก็ยอมปล่อยคาริสา และแคเรียลก็ดึงเธอมาหลบอยู่หลังเขา
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย...ทำไมฉันต้องมาอยู่ตรงนี้...
คาริสาที่ตอนนี้สั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอถึงกับคิดหนัก
“ก็ได้ๆ หึหึ อะไรกัน แค่ผู้หญิงคนเดียวถึงกับต้องใช้แรงแบบนี้เลยรึไง...หรือว่าสำคัญ หึหึหึ ระวังไว้นะ เป็นคนสำคัญของหมอนี่ไม่ดีหรอก ชะตาขาดไปแล้วรู้ตัวไหม?”
สตีฟบอกขึ้นพร้อมกับมองแคเรียลอย่างท้าทาย ส่วนแคเรียล ตอนนี้เขากำลังจะหมดความอดทนกับสตีฟแล้ว
“ออกไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก...แกก็รู้ว่าฉันสามารถฆ่าแกได้โดยไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด หรือว่าแกอยากลองตายดูสักครั้ง”
แคเรียลพูดขึ้น ทำเอาสตีฟถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเครียดขรึมทันทีพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
“พูดไปเถอะ อีกไม่นานแกก็ต้องไปทักทายพ่อฉันที่นรกแล้ว หึหึ ส่วนผู้หญิงของแก รับรองฉันจะเอาไปเลี้ยงไว้ดูเล่น ไม่ทิ้งแน่นอน”
ฉึบ!
พอได้ยินแบบนั้น แคเรียลถึงกับหมดความอดทน ยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หน้าผากของสตีฟอย่างไม่คิดลังเล จนสตีฟต้องยกมือขึ้นแล้วเดินถอยหลังบ่งบอกว่ายอมถอยแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เที่ยวไม่สนุกแล้วสิ เอาไว้ฉันจะมาใหม่...พร้อมผู้หญิง...หึหึหึ”
และสตีฟก็เดินกลับออกจากผับไป ส่วนแคเรียล ตอนนี้ค่อยๆเอาปืนลงเพื่อสงบสติอารมณ์
“มาทำอะไรที่นี่...”
เขาถามขึ้นแต่กลับไม่หันไปมองคาริสา เมื่อกำลังโกรธ ถ้าเกิดเขาไม่เข้ามาช่วย ป่านนี้เธอคงถูกสตีฟลากออกไปทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว
“ฉัน...”
“ลิซ่า!”
ยังไม่ทันได้พูด คริสที่เห็นว่าสตีฟเดินกลับออกไปแล้วรีบเดินเข้ามาหา เมื่อก่อนหน้านี้เขายืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล เพราะกลัวเข้ามาแทรกอาจเกิดเรื่องขึ้นได้
“คริส...”
คาริสารีบเดินเข้าไปหาคริสอย่างรู้สึกโล่งอก ทำเอาแคเรียลยิ่งโกรธเข้าไปอีกที่เห็นเธอเดินจากไปหาผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่เป็นเขาที่ปกป้องเธอ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงไปอยู่กับหมอนั่นได้”
“เอ่อ เรื่องบังเอิญน่ะ เรากลับกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
คาริสารีบบอกขึ้น เมื่อรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้
“หยุด! ถ้าเดินอีกก้าวเดียวได้เจอดีแน่”
ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เสียงแคเรียลก็ดังขึ้น ทำเอาคาริสาถึงกับหยุดละงักกับคำสั่งของเขา
“นี่! นายเป็นใครมาสั่งให้เธอหยุด...ไปกันเถอะ”
คริสหันกลับมาชักสีหน้าใส่แคเรียลแล้วจับแขนของคาริสาเพื่อพาเดินออกไปจากที่นี่
“ถ้าเดินออกไป ไม่ใช่แค่เธอแน่ที่ต้องเดือดร้อน”
แคเรียลยังคงขู่ขึ้น จนคาริสาค่อยๆดึงแขนออกจากมือคริส ก่อนจะหันไปมองแคเรียลด้วยสายตาโกรธเคือง
“ลิซ่า...”
“นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่...”
“นะ ฉันขอ กลับไปก่อน แล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง”
คริสถึงกับมองคาริสาอย่างไม่เข้าใจ ส่วนคาริสาได้แต่มองเขาอย่างขอร้องเพราะเธอไม่อยากให้เขาเดือดร้อน ก่อนจะเดินตามแคเรียลไปปล่อยให้คริสได้แต่ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก