ฉันจมอยู่กับน้ำตาชั่วครู่แล้วฮึดขึ้นมามองออกไปนอกห้องทำงานของฉัน ทุกอย่างดูเป็นปกติ มีเพียงแค่ฉันที่เป็นบ้าเป็นหลังไปเอง เปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงานหยิบเอากระจกขึ้นมาวางตั้งไว้บนโต๊ะ แล้วมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในกระจก เธอผ่านมันมาได้แล้วนะโรส และกว่าเธอจะผ่านมันมาได้เธอสาหัสมากเลยไม่ใช่หรือไง ฉันพูดกับตัวเองในกระจกแบบนั้น
ขณะเดียวกันหัวใจของฉันก็บอกว่าฉันยังคงใจสั่นกับเขาอยู่เหมือนกับครั้งแรกที่ฉันได้เจอเขาในวันที่เขาเดินผ่านห้องของยายใบเฟิร์นเพื่อนของฉันเข้าไปเปิดประตูห้องของตัวเอง ในตอนนั้นแม้เรายังไม่เคยพูดกันเลยสักคำแต่ว่าเขาทำให้ฉันใจสั่นได้ตั้งแต่วินาทีนั้น คงจะเหมือนกับแฟนคลับที่คลั่งศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบล่ะมั้งต่อให้ไม่ได้พูดคุยแต่ถ้าเพียงแค่ได้เห็น ได้รู้ก็รู้สึกมีความสุข และใช้ความสุขหล่อเลี้ยงตัวเองเอาไว้ ฉันคิดว่า ฉันเป็นแบบนั้น
ฉันยกมือขึ้นทาบไปที่ก้อนเนื้อฝั่งซ้าย ไม่ใช่ที่นมนะแต่เป็นหัวใจที่มันกำลังเต้นอย่างถี่รัว บอกกับฉันว่าหากปล่อยให้เขาไปในวันนี้ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีกแล้วก็ได้นะ
ในตอนนั้นเองฉันตัดสินใจลุกขึ้นยืนแต่เหมือนกับว่าสมองของฉันกำลังใช้นิ้วชี้จิ้มมาที่ขมับแล้วด่าฉันอย่างสาดเสียเทเสีย สงครามระหว่างสมองกับหัวใจศึกนี้ฉันไม่รู้ว่าใครจะชนะ ขณะที่ฉันกำลังอยู่ในสภาพนี้ฉันก็ต้องนั่งลงเพราะสมองมันบอกกับฉันว่า
'อย่าโง่ อีควาย!'
แต่หัวใจของฉันกลับพูดออกมาว่าฉันอาจจะเริ่มต้นใหม่กับเขาได้ ลองกับเขาดูอีกสักครั้ง เริ่มต้นอีกสักครั้งลองพูดออกไปหากเขาไม่เอาเธอ ก็ไม่เป็นไร เธอไม่เจ็บไปมากกว่านี้แล้ว เธอผ่านช่วงที่สาหัสมาแล้ว
ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกความมั่นใจกลับมาแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ฉันก้าวขาออกมาจากโต๊ะแต่สมองของฉันมันก็…
'รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก โง่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว'
มันด่าฉัน นังสมองตัวดี!
"พี่น้ำปรุงคะ คุณหมอเขาเป็นอะไรเหรอคะ"
"นั่นสิคะ พักพิงไม่เคยเห็นคุณหมอเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ฉันไปเข้าห้องน้ำเดินผ่านก็เห็นคุณหมอผุดลุกผุดนั่งแบบนี้แล้ว"
"มัดมุกรู้แล้วค่ะ" ทั้งสองคนต่างก็มองหน้ามัดมุกราวกับว่าอยากจะรู้ด้วยว่าคุณหมอคนสวยของพวกเธอเป็นอะไร
"คุณหมออาจจะเข้าวงการคุณเบเบ้อยู่ก็ได้ค่ะ เห็นว่าช่วงนี้อวบขึ้นต้องตื่นมาวิ่งทุกวัน" สีหน้าของผู้ช่วยอีกสองคนต่างก็แสดงออกมาว่าเห็นด้วย วงการเบเบ้เข้าแล้วออกยาก งั้นเอาเป็นว่าให้คุณหมอเข้าไปคุณเดียวแล้วกัน พวกเธอขอเข้าทางสายมู มูทะ มูย่าง มูจุ่ม ชาบู อะไรแบบนี้
"ฉันว่าฉันอยู่สายมูดีกว่า"
"พักพิงก็สายมูค่ะ"
"จริงเหรอ มูไหนละ"
"มูกรอบค่ะ" น้ำปรุงคนที่โตที่สุดแต่ก็โตกว่าเด็ก ๆ ทั้งสองคนเพียงแค่สองสามปีเท่านั้นจิ๊ปากออกมาแล้วมองไปที่ผู้ปกครองน้องมาร์โค่ที่อยู่ ๆ ก็อยากจะฝากน้องอาบน้ำขึ้นมาแม้ต้องรอคิวถึงสองคิวเขาก็ยอมรอได้ พวกเธอเลือกไม่สนใจผู้ปกครองแล้วตรงไปทำงานของตัวเองกระทั่งมีคนไข้เข้ามาเพิ่มอีกจนได้
โรสลินยังเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเพราะยังไม่มีฝ่ายที่ชนะเลยสักฝ่าย หากมีใครมาช่วยเธอสักคนเธอน่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เธอหันไปที่ประตูเห็นว่ามีผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่าน และบังเอิญสบสายตาที่เหมือนกับว่าผู้ช่วยพยาบาลตั้งใจเหลือบมองมากกว่าในตอนที่เดินผ่าน เธอกวักมือเรียกให้พักพิงเข้ามาหา
"มีอะไรให้พักพิงช่วงเหรอคะคุณหมอ"
"พักพิง ฉันมีเรื่องจะถามน่ะ มันเป็นเรื่องของเพื่อนฉันนะ"
"อ๋อ ค่ะ ถามได้เลยค่ะ"
"คือเพื่อนฉันมันสงสัยว่า ถ้ามันกลับไปหาผู้ชายที่ใจร้าย เย็นชากับตัวเองมันจะเจ็บอีกมั้ยน่ะ" พักพิงทำท่าคิดสักครู่แล้วถามกลับมาว่า
"เขาหล่อมั้ยคะ"
"หล่อ สูงประมาณ 185 เป็นลูกครึ่งน่าจะอังกฤษ หรือเยอรมันนี่แหละ ตาสีเทา ผิวสีขาว รูปร่างกำยำ…" ที่คุณหมอพูดออกมาเหมือนเธอจะเคยเห็นผู้ชายคนนั้นที่ไหนนะ ทำไมคุ้น ๆ จัง
"ผมสีน้ำตาลด้วยนะ หล่อแบบ เห็นก็สะดุดตั้งแต่ไกลเลยนะ"
"หล่อกว่าคุณอชิอีกเหรอคะ"
"คนละแบบสิ" ฉันรอคำตอบจากพักพิงอย่างใจจดใจจ่อจนฉันเริ่มท้อใจปล่อยสองมือจากไหล่เล็กของพักพิง
"พักพิงว่า… ต่อให้หล่อแค่ไหน แต่ถ้ากลับไปก็โง่มากเลยนะคะ"
จึ้ง!
แทงฉันทำไมยะ
"เจ็บแล้วจำเป็นคน เจ็บแล้วทนเป็น…"
"คนอดทนเก่ง!" ฉันรีบสวนไปทันทีเพราะฉันรู้ว่าพักพิงจะพูดว่าอะไร
"แต่!"
พรวด!
"อ่ะ ข ขอโทษค่ะ คุณหมอ" น้ำปรุงกับยายมัดมุกคงมาแอบฟังสินะ
"เข้ามา ๆ เธอสองคนได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย สรุปว่าฉันต้องให้คำปรึกษากับเพื่อนว่าอะไรเหรอ"
"มัดมุกคิดว่า ถ้าเขาหล่อ แล้วทำให้เพื่อนของคุณหมอเจ็บขนาดนั้น แต่กลับมาเจอกันอีกอย่างนี้มัดมุกคิดว่า…" ยายนี่ต้องตอบว่าเป็นพรหมลิขิตแน่ ๆ เลย
"คุณหมอหลอกฟันเขาไปเลยค่ะ เอาคืนไปเลย เอาความหล่อของเขามาใช้ให้เราสุขสมพอเราเบื่อก็ทิ้งเขาก่อน" เดี๋ยว! นี่ใช่เด็กที่ยื่นชานมไข่มุกให้ฉันเมื่อกี้แน่เหรอ
"น้ำปรุงว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะคุณหมอ เจ็บบ่อย ๆ มันไม่สนุกหรอกนะคะ" ที่น้ำปรุงพูดมามันก็น่าคิด
"แต่พักพิงคิดเหมือนมัดมุกนะคะ หลอกฟันไปเลยแล้วชิงทิ้งก่อน"
"แล้วถ้าคุณหมอเผลอเอาใจลงไปเล่นอีกล่ะ" น้ำปรุงเถียง
เดี๋ยว!
"เอ่อ… ทุกคนคะ มันเป็นเรื่องของเพื่อนฉันน่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องของฉัน" ฉันโป๊ะเหรอ ไม่หรอกมั้ง
"พวกเราก็พูดถึงเพื่อนคุณหมอไงคะ"
"เอาเป็นว่าขอบใจทุกคนเลยนะคะ เดี๋ยวฉันขออยู่คนเดียวแป๊บนึง จะคุยกับเพื่อนน่ะ"
"ค่ะ" ทุกคนตอบก่อนจะแยกย้ายกันออกไปส่วนฉันก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม มองผู้หญิงในกระจกเหมือนเดิมพร้อมกับถามผู้หญิงในกระจกไปว่า…
"อยากจะลองอีกมั้ย" สมองเหมือนจะสั่งการแต่หัวใจเอามืออุดปากสมองเอาไว้
ฉันคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นน่ะนะ
"ลองดูอีกสักทีมั้ย เริ่มต้นอีกสักครั้ง" ฉันว่า… ฉันเชื่อหัวใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวขาออกมาพร้อม ๆ กับเสียงของสมองที่พูดตามหลังฉันมาว่า
"ง่าวแท้!"