ล่อ ลวง หลอก 6

1488 คำ
"นี่ท่านต้องการอะไรกันแน่" นางพยายามดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการเขาทำเพียงคลายมือให้นางไม่ต้องเจ็บ "จริงๆ ข้าอยากคุยด้วยดีๆ แต่เจ้าพยศนัก คงจะมีวิธีการนี้ที่จะทำให้ข้าและเจ้าได้สนทนากันจริงๆ จังๆ เสียที" "ท่านจะคุยอะไร? ข้าไม่อยากคุย ปล่อย!" "ปล่อยก็ได้" กล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นทำให้ตัวนางไม่ต้องถูกชายที่ไม่ชอบหน้านอนทับ ทว่าเมื่อนางลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกจากเตียงก็ถูกเขารั้งเอาไว้ นางจำต้องยืนอยู่เบื้องหน้าเขา โดยข้อมือยังถูกเขาจับไว้ไม่ปล่อย "เป็นถึงเจ้าของหอนางโลมแต่ไม่รู้วิธีเอาใจบุรุษเพศ ข้าคิดว่าเจ้าควรที่จะให้มารดาดูแลกิจการนี้ต่อจะดีกว่ากระมัง" "หอนี้ก็เป็นของแม่ข้าอยู่แล้ว" "เป็นของมารดาเจ้าก็เพียงแต่ในนาม หากแท้ที่จริงหอแห่งนี้เป็นของเจ้า หรือว่าที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องจริง" "แหม่...การเป็นราชนิกุล มีคนเรียกใช้งานมันดีเช่นนี้นี่เอง อยากรู้อะไรก็ได้ทั้งหมด หม่อมฉันยกย่องบุคคลที่มีอำนาจและเงินตราเสียแล้วสิ" น้ำเสียงประชดประชัน ไยเขาจะไม่รู้ แต่อย่างไรก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดของนางใหม่เสียแล้ว "หึ! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน มันอยู่ตรงนี้และตรงนี้ต่างหาก" เขาชี้ไปที่ศีรษะและหน้าอก "อะไร? " แววตางุนงงระคนสงสัยเอ่ยถามเสียงแข็ง "ความคิดและจิตใจ ข้าไม่รู้ว่าหลังจากที่ข้าต้องไปอยู่ชายแดน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า" "เหนียนอ๋องกับหม่อมฉันไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน เหตุใดท่านถึงได้เข้ามาวุ่นวายเรื่องของหม่อมฉันนัก" ถ้อยคำที่เน้นแต่ละคำ หากใครฟังแล้วรู้สึกได้ว่านางกำลังค่อนขอดเขาอยู่ "พูดอย่างไม่ปิดบัง เพราะข้าชอบเจ้า เจ้าเป็นคนที่ยอมวิ่งเข้ามาปกป้องข้า ทั้งที่อาจจะรู้ว่าภัยเบื้องหน้ารออยู่ และข้าก็ต้องรับผิดชอบที่แอบแตะต้องเรือนร่างเจ้าเมื่อครั้งเจ้ายังเยาว์" "ชอบ! หึ! ช่างน่าขันนัก บุรุษที่มาเที่ยวชมหอแห่งนี้ก็ชอบหม่อมฉันด้วยกันทั้งนั้น หากใครเอ่ยว่าชอบหม่อมฉัน หม่อมฉันต้องชื่นชอบคนผู้นั้นตอบ? หรือแม้นว่าชายผู้นั้นเกี้ยวพาราสีจนถูกอกถูกใจ หม่อมฉันมิต้องยินยอมนอนใต้ร่าง แหวกขากระหวัดและร้องครวญครางเพื่อให้ชายผู้นั้นสุขสมด้วยกระมัง" "วาจาช่างคมเหลือเกินนะ หากเป็นมีดคงบาดใจข้ายิ่งนัก" เขากล่าวจบก็ดึงตัวนางเข้ามาใกล้ นางไม่ทันจะระวังตัวก็ทำให้ร่างโน้มเข้าหาเขา เขารีบจับนางแนบอกกว้าง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ "นี่!" นางถลึงตาใส่อย่างมิเกรงกลัวว่าชายผู้นี้เป็นถึงราชนิกุล "ข้าอยากให้เจ้าสนทนากับข้าปกติ อย่าใช้คำที่ฟังดูเหินห่างเลย" เขาใช้น้ำเสียงหยอกเย้าจนนางโมโห รีบดันตัวออกแต่เหมือนยิ่งเปิดทางให้เขารวบตัวนางได้ เขาจับนางพลิกลงนอนกับเตียงโดยยังมีมือแกร่งจับแขนสองข้างนางไว้ไม่ให้ดิ้น นัยน์ตาสองคู่สบกันอยู่พักใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจื้อซิ่งเหมี่ยนจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้เสียก่อน นางหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาเขา "ปล่อยได้หรือยัง? " "ยัง" เขาตอบอย่างไม่คิด "เจ้าน่ะเป็นสตรี และรู้ไว้อย่าง สิ่งที่เจ้าเห็นบุรุษกับสตรีบนเตียง แม้จะปฏิบัติเหมือนๆ กัน แต่ความรู้สึกที่แสดงออกแตกต่างกัน" เขาพูดออกมาทำให้นางหันหน้ามาด้วยความไม่พอใจ ทั้งก่นด่าในใจว่าเขารู้เรื่องที่นางทำ แต่จื้อซิ่งเหมี่ยนไม่คิดว่าตอนที่นางหันหน้ามาจะทำให้ใบหน้าของตนไปสัมผัสที่ปลายจมูกและริมฝีปากของเขา และนั่นยิ่งเป็นการเปิดทางให้เขากดริมฝีปากอ่อนนุ่มนิ่มของสตรีลงไป รอยสัมผัสริมฝีปากแผ่วเบาราวกับแมลงปอเชยชมผิวน้ำ ภายในใจอยากจะกดนางไว้ใต้ร่างและดื่มด่ำความหวานล้ำของมธุรส หากแต่กลัวว่านางจะตกใจ มือข้างหนึ่งของนางพยายามบิดเบาๆ เขาย่อมรู้ใจปล่อยมือข้างนั้นให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม และมือข้างนั้นค่อยๆ เลื่อนต่ำลูบไล้ เลื่อนจนถึงแผงอก มืออีกข้างที่ยังจับนางไว้ค่อยๆ สอดประสานกับนิ้วเรียวงามทั้งห้า เขาก็รู้สึกใจชื้นบนฝ่ามือ เมื่อเห็นว่านางไม่ได้สะบัดตัวหนีและดูคล้ายนางจะเต็มใจ เขาจ้องริมฝีปากนางอีกครั้งจุมพิตแผ่วเบาด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ทว่าไม่นานเขารู้สึกเจ็บจุกเข้าที่ใต้หว่างขา มือทั้งสองข้างจำต้องมากุมเข้าที่ช่วงล่าง "โอ๊ย!นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? " นางได้ทีรีบพลิกตัวออกจากร่างเขา "นี่เป็นค่าตอบแทนที่เหนียนอ๋องผู้หล่อเหลาอุตส่าห์จูบสตรีเช่นหม่อมฉันจบเกือบเคลิ้ม แต่สิ่งที่ท่านปฏิบัติก็ไม่ต่างอะไรกับ..." นางนึกย้อนถึงวัยเยาว์ แต่ต้องข่มใจเอ่ยต่อ "หม่อมฉันยกเตียงนี้ให้พักสักครู่แล้วจะเรียกลุงเฟิ่งมารับนะเพคะ" นางรีบสาวเท้าออกจากประตู แต่ก็ไม่วายที่จะพูดกับตัวเอง "คิดจะลวนลามข้า ฝันไปเถอะ!" ส่วนจ้าวยวี่เสียงมองตามร่างน้อยไป ฟันบนกัดฟันล่างข่มความเจ็บที่นางได้มอบไว้ให้ "ให้เจ้าร้ายกับชายอื่นเหมือนที่เจ้าร้ายกับข้านะ นางสิงห์น้อย" หนึ่งชั่วยามถัดมาในห้องเล็กแต่ตกแต่งงดงาม เหมือนกับเจ้าของจื้อซิ่งเหมี่ยนนั่งพิงเก้าอี้มือเปิดหนังสืออย่างสบายใจ ทว่าความสงบสุขของนางก็ต้องจบลง เพราะมารดาเดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง "เจ้าทำอะไรรู้ตัวบ้างไหม" จื้อซิ่งเหมี่ยนรู้ว่ามารดากล่าวถึงเรื่องอะไร นางจำต้องวางหนังสือที่พลิกไปพลิกมาและลุกขึ้นเดินหลีกไปทางอื่น "แม่กำลังพูดกับเจ้าอยู่ อย่าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินนะ" "ลูกได้ยินเจ้าค่ะ" "ได้ยินก็ตอบ ทำไมถึงทำรุนแรงเช่นนั้น ชายคนนั้นเป็นถึงเหนียนอ๋อง" "แล้วอย่างไร เป็นอ๋องแล้วทำกับคนอื่นได้ตามอำเภอใจหรือเจ้าคะ" "แต่เจ้าก็ทำเกินเหตุ หากเหนียนอ๋องเป็นอะไรขึ้นมา" คำกล่าวของมารดาทำให้นางประหม่าอยู่บ้าง แต่ยังแสดงสีหน้าปกติอยู่ "ฟังแม่นะ เจ้าไปขอโทษเหนียนอ๋องซะ" จื้อลี่เจียงเอ่ยอย่างใจเย็น "ทำไมข้าต้องไปด้วย ชายมักมาก ข้าไม่ชอบ!" คำกล่าวของบุตรสาวทำให้นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลูบสีข้างพลางกล่าวด้วยเหตุผล "เจ้าฟังแม่ให้ดีๆ นะ เหนียนอ๋องในวัยเยาว์กับตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนไปอยู่ชายแดนเขาขยายดินแดน ปราบโจรอีกทั้งกบฏ ฝีมือของบุรุษแม่คงไม่ต้องเอ่ย แต่ที่แม่จะบอกเจ้าคือ" นางนิ่งไปสักพัก เมื่อเห็นว่าบุตรีเริ่มหันมาสนใจในสิ่งที่ตนพูดจึงเอ่ยต่อ "แม่รู้ว่าเจ้าแค้นคนเหล่านั้น และแม่ก็ไม่ได้ห้ามหากเจ้าจะทำให้พวกนั้นเจ็บและสูญเสียอย่างที่เราสองแม่ลูกเคยประสบมา แม่เพียงขอว่าอย่าหมายถึงชีวิต แต่เจ้าอย่าลืมพวกนั้นมีอำนาจทั้งที่เจ้ามองเห็นและไม่เห็น แล้วเจ้ามีอะไร? หรือเจ้าจะตอบแม่ว่าเจ้ามีหอนางโลม มีบ่อน มีเงิน? ข้าก็จะตอบเจ้าในสิ่งที่เจ้ารู้อยู่ว่าพวกนั้นก็มี และจะดีแค่ไหนถ้าเจ้าได้เหนียนอ๋องคอยหนุนหลังให้เจ้า" "แต่..." "แม่รู้ว่าเจ้าลำบากใจ แม่ก็ลำบากใจไม่แพ้กัน หากชายผู้นั้นเป็นคนรักของเจ้า แม่ก็คงไม่รู้สึกละอายใจนัก แต่ถ้าไม่เพราะแม่รู้มาว่า กู้หรูอวี้ก็ดูจะพึงใจเหนียนอ๋องอยู่บ้างรวมทั้งกู้ไต้ฝู่ก็พยายามผลักดันให้กู้หรูอวี้พิชิตหัวใจเหนียนอ๋องเช่นกัน เจ้ากับนางหน้าตาคล้ายกัน คงไม่ต้องให้แม่พูดนะว่าแม่หมายถึงสิ่งใด" นางฟังคำมารดาก็รู้ความหมายทันที "เจ้าค่ะ" "คืนนี้ให้ฮุ่ยกวงไปนอนกับแม่ ลุงเฟิ่งต้องไปจัดการงาน ก่อนที่เหนียนอ๋องจะกลับจวนเจ้ารีบไปขอโทษเขาเสียก่อน ด้านหนิงไช่กวงเจ้าก็ระวังด้วย ทำอะไรคิดให้จงหนัก" จื้อลี่เจียงกล่าวจบก็เดินหันหลังออกไป ปล่อยให้จื้อซิ่งเหมี่ยนยืนทำใจอยู่สักพักก่อนจะเดินออกจากห้องเล็กไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม