กู้หรูอวี้ลืมมารยาทที่แม้จะสั่งสมมาเป็นเวลานาน สายตาของนางจับจ้องไปยังใบหน้าบุรุษที่ใกล้ระยะสายตาของตน จนแอบที่จะพินิจดวงหน้าคมของเขาโดยตรงมิได้ เขามีขนตายาวงอนรับกับดวงตาสีน้ำหมึกยิ่งแสงอาทิตย์กระทบใบหน้ายิ่งแลดูมีเสน่ห์ ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วมังกรยิ่งเพิ่มความดุดันได้ในเวลาเดียวกัน เพียงนางเห็นแค่นี้ก็ทำให้หัวใจที่ร้อนระอุก่อนหน้าหายไปในพริบตา และแทรกมาด้วยความหวั่นไหวในใจสั่นๆ แทนที่ หากตนได้เห็นรอยยิ้มเขาสักนิด อยากรู้ว่าจะเป็นเช่นไร
"คารวะเหนียนอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" กู้ไต้ฝู่สาวเท้าออกมาหลังจากที่ได้รับรายงานจากบ่าวว่าผู้มาเยือน เขาทราบโดยทันทีว่าเป็นผู้ใด จึงรีบมาต้อนรับ เขาเห็นกู้หรูอวี้ยืนอยู่ก็ยิ้มในใจแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นเพราะชายผู้นี้นำพาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้กับแคว้นหนานจื้อเป็นแน่
จ้าวยวี่เสียงพยักหน้าให้กับสตรีตรงหน้าเล็กน้อย แล้วเบี่ยงตัวเดินอ้อมกู้หรูอวี้เข้าไปสนทนากับกู้ไต้ฝู่ เขายิ้มน้อยๆให้กับเจ้าของจวน พลางกล่าวอย่างมีมารยาท
"ข้ามาก่อนเวลา คงไม่สร้างความลำบากใจให้กับใต้เท้ากู้"
"ไม่ขอรับ" ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากัน กู้หรูหวี้ก็เดินเข้ามายืนด้านข้างบิดา กู้ไต้ฝู่ยิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทัน
"เรียนเหนียนอ๋อง นางคือบุตรีของข้าน้อยนามกู้หรูอวี้ คิดว่าท่านอ๋องคงเคยเห็นนางมาบ้างแล้ว แต่อาจจะไม่บ่อยนักเพราะนางมักจะวุ่นเรื่องการศึกษา"
"กู้หรูอวี้?" เขาย่อมจำได้ สตรีที่ดูถูกเขาเมื่อครานั้น แต่เขากลับเอ่ยบางอย่างที่ทำให้สองพ่อลูกยิ้มค้าง
"ข้าจำได้แต่เด็กน้อยอีกนาง ที่ผิวคล้ำกว่านี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกันกับคุณหนูกู้ หรืออาจจะใช่เพราะหลายปีทำให้คุณหนูเจริญวัยเป็นสตรีงดงาม" นั่นเพราะสิ่งที่เขาสื่อไม่ใช่นางตรงหน้า แต่เป็นอีกคนหนึ่งต่างหาก
"นั่นใคร?"
"เหนียนอ๋องเจ้าค่ะ ท่านอ๋องมาเยี่ยมคุณหนูใหญ่" กู้หรูอวี้มองผ่านม่านออกไป เห็นชายหนุ่มที่โตยังไม่เต็มวัย ยกน้ำชาดื่มโดยมีองครักษ์ยืนข้างกาย นางกระซิบสาวใช้บางอย่างและหันกายไปกับสาวใช้ข้างกาย ราวหนึ่งเค่อนางก็กลับมาโดยสลับชุดกับสาวใช้
"ข้าน้อยกู้หลันอวี้คารวะเหนียนอ๋องเพคะ" เหนียนอ๋องเงยหน้าขึ้นมอง แต่เกิดความกังขายิ่ง ใบหน้าละม้ายแต่คล้ายจะไม่ใช่ โดยเฉพาะผิวพรรณ
"เจ้าคือกู้หลันอวี้จริงหรือ? เพราะเท่าที่ข้าจำได้..."
"ทำไมจะไม่ใช่เล่าเพคะ หรือว่าท่านอ๋องเคยเห็นข้า?" เขาพยักหน้ารับเพราะเขาเคยเห็นนางจริง
"เฮ้อ! ถูกจับได้เสียแล้ว ไม่สนุกเสียเลย พี่สาวนอนอยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ ว่าแต่เหนียนอ๋องมาหาพี่สาวของหม่อมฉันมีธุระอันใดหรือเพคะ" นางรู้สึกแปลกใจที่เหนียนอ๋องรู้จักกู้หลันอวี้ แต่เมื่อคิดทบทวนแล้วก็พอจะประติดประต่อได้ว่าเขารู้จักนางได้อย่างไร
"ข้านำยามามอบให้นางน่ะ คุณหนูใหญ่กู้พอจะนำไปให้นางแทนข้าได้หรือไม่?"
"ย่อมได้เพคะ"
"ขอบใจคุณหนูรองมาก ข้าขอตัวลากลับ"
"หม่อมฉันไปส่งเพคะ"
"ไม่ต้องลำบากคุณหนู ข้าไปเองดีกว่า" นางย่อกายให้แต่พอรับรู้ว่าสายตาของเขาไม่ได้มองมาที่ตน เมื่อเขาหันหลังเพื่อจากไป กู้หรูอวี้หันมามองตลับยาที่วางไว้บนโต๊ะ เห็นบ่าวไพร่กำลังเก็บถ้วยชาเข้าพอดี
"ไม่ต้องเก็บ เอาไปทิ้งเสีย"
"ทะ...ทิ้งหรือเจ้าคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ข้าสั่งให้เอาไปทิ้ง" กู้หรูอวี้ไม่สนใจว่าจ้าวยวี่เสียงตำแหน่งอ๋องยังไม่พ้นธรณีประตูของเรือนรับรอง นางก็กล่าวให้ข้ารับใช้ภายในจวนนำถ้วยน้ำชาที่เขากระดกดื่มไปทิ้ง นี่ไม่ใช่การดูหมิ่นเขาทางอ้อมหรอกหรือ? แม้แต่ถ้วยน้ำชาของคนสกุลกู้ยังไม่เหมาะสมที่เขาจะสัมผัส
"คุณหนูกู้ ยอดสตรีแห่งแคว้นนี่เอง งดงามสมคำเล่าลือไม่เสียทีที่ข้ายกย่องอยู่ในใจ" นางรีบย่อกายขอบคุณคำชมของเขา ครั้นจะเอ่ยปากสนทนากลับถูกจ้าวยวี่เสียงหันหน้าไปสนทนากับบิดาของตนเสียก่อน ทำให้นางจำต้องสงบปาก
"ข้ามาก่อนเวลาเพราะต้องไปจัดการธุระอื่น หวังว่าใต้เท้ากู้จะไม่มีธุระอื่น"
"ไม่ๆ พ่ะย่ะค่ะเชิญเหนียนอ๋องทางนี้ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" เขารับเชิญเหนียนอ๋องเข้าไปยังเรือนรับรอง แต่ก็ไม่วายที่จะรีบส่งสายตาให้กับบุตรสาวเมื่อเหนียนอ๋องเผลอ ว่าให้รีบตามเข้ามา เขาจะต้องให้อ๋องผู้นี้พึงใจในตัวบุตรสาวคนนี้ของเขาให้ได้ เพราะเวลานี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป การคิดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเลือกข้างให้ดี
หอหอมหมื่นลี้ยังคงมีลูกค้าเข้าแวะเวียนกันอยู่เป็นประจำและค่ำคืนนี้หนิงไช่กวงก็มาเที่ยวหาความสำราญโดยแปลกตากว่าทุกคืนเพราะจื้อซิ่งเหมี่ยนลงมาดูแลคอยรินสุราให้กับเขา สนทนากันอย่างสนุกปาก
"คุณชายหนิงดวงดีนะเจ้าคะ เทพเจ้าแห่งโชคลาภคอยหนุน ทำการค้าก็เก่ง เสี่ยงโชคก็ยังได้เงินทองมาเป็นกอบเป็นกำ" เขายิ้มร่าเพราะคำกล่าวของนางช่างถูกอกถูกใจเขาเสียเหลือเกิน
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ข้าไม่เคยดวงดีมากอย่างนี้เลย เป็นเพราะเจ้า"
"เพราะข้า? ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ เป็นเพราะตัวคุณชายเองเสียมากกว่า จะมาเกี่ยวข้องอันใดกับสตรีที่ไปด้วยเล่าเจ้าคะ" เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"ข้าเชื่อว่าเป็นเพราะเจ้า ลองคิดดูสิว่าจะมีใครคนไหนที่เล่นแล้วชนะติดกันตลอด คราวก่อนๆที่ข้าเข้าไปโดยไม่มีเจ้า ข้าก็ชนะและแพ้สลับกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าจะเป็นเพราะใคร"
"ก็สุดแล้วแต่คุณชายหนิงเถอะเจ้าค่ะ ถึงแม้ข้าจะปฏิเสธ แต่คุณชายก็คงดันทุรังยกความดีมาที่ข้าน้อย เช่นนั้นข้าขอรับไว้ด้วยใจเจ้าค่ะ" เขายิ้มระรื่น
"ดวงของเราทั้งสองสมพงศ์กันข้าคิดว่า..." เขากล่าวพร้อมเอื้อมมือหมายจะกุมมือจื้อซิ่งเหมี่ยน ดีที่นางชักมือกลับแสร้งยกน้ำชาอย่างแนบเนียน
"คุณชายนี่เป็นนักการค้าที่ดีนะเจ้าคะ" นางกล่าวจบหลังจากดื่มชาเสร็จ
"อะไร?"
"คำพูดเมื่อครู่ หากข้ากล่าวอย่างเข้าข้างตัวเอง ไม่ใช่คุณชายกำลังเกี้ยวข้า แต่ก็คงไม่แปลกเพราะสตรีแห่งนี้ก็มักถูกบุรุษเกี้ยวพาราสีกันแทบทั้งนั้น"
"ข้าไม่ใช่แค่เกี้ยวเจ้า แต่ยังชอบเจ้าด้วยใจจริง อนึ่งสตรีเช่นเจ้าก็เหมาะสมเป็นสตรีของหนิงไช่กวงได้ไม่ยาก"
"คุณชาย...ข้าหาใช่คุณหนูสกุลกู้แล้ว หน้าตาอาจจะพอเดินคู่กับท่านได้ แต่เรื่องชื่อเสียงไม่มีสกุลไหนรับสตรีจากหอนางโลมมาเป็นภรรยาอย่างออกหน้าออกตา อย่างมากก็แค่เพียงอนุอุ่นเตียง"
"เจ้าพูดจาดูถูกตนเอง" เขาแสร้งทำเสียงดุ ไม่ชื่นชอบที่ตัวนางดูถูกชื่อเสียงของตนเอง แต่ความจริงก็คือความจริง ใครบ้างจะยกย่องสตรีเช่นนี้เป็นฮูหยินออกนอกหน้าได้บ้าง
"ถ้อยคำเมื่อครู่นี้ล้วนกล่าวตามความเป็นจริงทั้งสิ้น ข้าไม่ชอบอยู่กับความฝันจอมปลอมเพราะตื่นมาเจอความจริงแล้วปวดใจ ดื่มเถิดเจ้าค่ะ ข้ารินให้นะเจ้าคะ" นางรีบจัดแจงรินสุราให้กับหนิงไช่กวงโดยทันที จู่ๆ เขาก็หยิบบางสิ่งออกมาจากอก
"ข้าเห็นว่าสวยดี จึงซื้อมาให้เจ้า" นางมองปิ่นปักสีงาช้าง ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นของล้ำค่า " ปิ่นปักผมนี้ทำจากงาช้าง คนของข้าได้มันมาจากแคว้นเหมี่ยน ข้าเห็นว่าสวยดีจึงสั่งให้คนนำมาทำปิ่นปักผมให้เจ้า เมื่อเจ้าปักลงบนเส้นผมคงงามไม่น้อย" เขาลุกขึ้นนำปิ่นปักผมมาปักเข้าที่เส้นผมของนาง หากแต่ไม่ปักเพียงอย่างเดียว ใบหน้าค่อยๆก้มลงจุมพิตที่เส้นผมดำขลับ ใช่ว่านางจะไม่รู้ตัวเพียงแต่แน่นิ่ง จนเขารู้สึกลำพองใจ กำลังจะไล้ใบหน้าของตนเข้าที่ซอกหูด้านหลังของนาง
"คุณชายหนิง โปรดให้เกียรติด้วยเจ้าค่ะ" เสียงเย็นของนางทำให้เขาหยุดพฤติกรรมก่อนที่ใบหน้าจะได้ดมกลิ่นกายแทนกลิ่นเส้นผม
"ข้ายังอยากปราศรัยกับท่านอยู่นะเจ้าคะ"
"เมื่อใดเจ้าจะยอมข้าเสียที" เขาเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของตน ด้วยท่าทีที่พยายามสงบแต่ก็ไม่แนบเนียน
"คุณชาย รอให้ข้าพร้อมอีกสักนิดเถิดเจ้าค่ะ ยังไงหากท่านต้องการปลดเปลื้องอารมณ์ข้าจะเรียกสาวงามมาให้ท่าน" นางทำน้ำเสียงออดอ้อน เพื่อให้เขาอารมณ์ดี
"ไม่ต้อง ข้าอยากอยู่กับเจ้า"
"เจ้าค่ะ" นางตอบรับและคีบอาหารส่งให้
"ว่าแต่เจ้าเมื่อไหร่จะพร้อม?" เขายังคงเป็นเด็กน้อยดื้อดึง พยายามเค้นหาคำตอบจากปากนางให้ได้
"ถ้าว่ากันตามจริง ข้าจะมีใจให้คุณชายนั่นก็เรื่องหนึ่ง การค้าก็เรื่องหนึ่ง หาก..."
"เจ้าต้องการเท่าไหร่?"
"คุณชายกล่าวเช่นนี้ ใครได้ยินก็คิดว่าข้าเห็นแก่เงินทอง เราค่อยๆสร้างกระแสธารแห่งรักให้เหนียวแน่นกันไม่ดีหรือเจ้าคะ" นางเค้นรอยยิ้มส่งให้ นัยน์ตาจ้องแกมบังคับให้เขาเลือกวิธีของตน
"แต่..."
"ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจในความรู้สึกของท่าน ข้าอยู่หอนางโลมเห็นชายมาก็มาก ความรู้สึกของบุรุษไม่ใช่ไม่เข้าใจ เพียงแต่ข้าไม่อยากเดินตามรอยท่านแม่ หวังว่าท่านจะเข้าใจ" เมื่อกล่าวจบเป็นจังหวะเดียวกับที่นางได้ยินเสียงเคาะประตู จื้อซิ่งเหมี่ยนจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู สนทนากับคนด้านนอกไม่นานก็เดินเข้ามา
"ข้ารู้ว่าคุณอยากหาความสำราญมากกว่านี้ ข้าจึงถือวิสาสะเรียกสาวงามมาให้แล้วเชิญคุณชายสนุกให้เต็มที่"
"แล้วเจ้าจะไปไหน?"
"มีเรื่องให้ต้องจัดการ ข้าหวังว่าคุณชายจะไม่เคืองเพราะเรื่องเพียงแค่นี้" เขารู้สึกไม่พอใจนางขึ้นมาจริงๆ นางจึงเดินไปหยุดยืนตรงหน้า มือคล้องคอและเขย่งเท้ากระซิบข้างหูก่อนที่จะเม้มติ่งหูเขา
"ข้าชื่นชอบบุรุษที่อดทนเก่ง ฝึกให้มากๆนะเจ้าคะ ถึงคราวของข้าเมื่อไหร่หวังว่าท่านจะนำมันมาใช้กับข้า แรงๆและนานๆ" การกระทำของนางเมื่อครู่ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน ช่วงล่างเริ่มขยายใหญ่ ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น นางไม่แม้แต่จะมองหน้า เพียงเสมองสาวงามที่นางเชิญมา
ความต้องการของบุรุษแล้วไม่ได้ดั่งใจนี่สิที่นางอยากเห็น ทรมานให้มากแล้วนางจะสนองให้อย่างสาสม
จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินออกจากห้องไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน เพียงแค่จะหันหน้าเข้าห้องก็มีเสียงชายเอ่ยทักอีก
"ไม่คิดว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำมันมุทะลุ จนภายหน้จะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวของเจ้าเองหรือ?" นางเค้นรอยยิ้มให้ หันไปเผชิญหน้า
"ขอบคุณท่านอ๋องที่เอ่ยเตือน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของราชนิกุลเช่นท่านจะต้องยื่นมือเข้ามา..." กล่าวจบก็สาวเท้าเข้าห้องตนไป แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้นางหลอกว่าเขา เวลาเช่นนี้เขาล่ะอยากมีปากเสียงกับสตรีเหลือเกิน จึงถือวิสาสะเข้าห้องตามไปติดๆ
"วาจาไม่น่าฟังเหมือนดังใบหน้างามเลยนะ"
"หม่อมฉันไม่รับแขก เชิญเหนียนอ๋องเพคะ"
"เฮ้อ!น้อยใจจริงเชียว เป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่กลับถูกสตรีใจร้ายไล่เสียได้ ชีวิตข้าช่างน่าอดสู" นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตอบคำของจ้าวยวี่เสียง
"ใช่ ข้าไล่ท่าน ไปได้แล้ว"
"อยากให้ข้าออกไป เจ้าก็ลากตัวข้าออกไปสิ"เขายื่นสองแขนให้นางเพื่อให้นางมาสัมผัส นางตวัดสายตาไม่พอใจนัก เขายักคิ้วส่งให้เขารออยู่พักใหญ่เห็นนางไม่มา เขาจึงเดินอ้อมด้านหลังนางแล้วดึงปิ่นปักผมที่หนิงไช่กวงปักให้ออก
"อย่าคิดรับของจากบุรุษที่เจ้าไม่มีใจ"
"ข้าก็ไม่ได้มีใจให้กับท่าน ส่งมา"
"แต่แปลกที่ข้ากลับมีใจให้เจ้า เสี่ยวเฮย!*" นางได้ยินคำนี้แล้วจากอารมณ์ไม่พอใจกลายเป็นเกรี้ยวกราด เดินเข้าไปหาเขา ขอตบปากเชื้อพระวงศ์สักครั้ง แทนที่เขาจะรู้สึกผิดกลับแสดงท่าทางเชื้อเชิญนางให้เข้าใกล้
จื้อซิ่งเหมี่ยนยกมือฟาดไปที่ใบหน้าของจ้าวยวี่เสียง แต่ถูกเขาจับฝ่ามือของนางและไพล่มาที่ด้านหลัง จื้อซิ่งเหมี่ยนรู้ว่าตนสู้ชายผู้นี้ไม่ได้แต่นางก็จะสู้ มืออีกข้างยังว่างจึงยกขึ้นเหนือศีรษะ จิกเข้าที่เส้นผมดำขลับที่มัดเป็นระเบียบ
"โอ๊ย!" เขาร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าสตรีเช่นนางจะกล้าถึงเพียงนี้ แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับนาง เท้านางก็ยังว่างนางกระทืบไปยังฝ่าเท้าแต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไร จึงยกฝ่าเท้าอีกครั้งแต่มิได้กระทืบซ้ำเข้าที่เดิมหากแต่ใช้เท้ากระแทกไปยังหน้าแข้ง เขาเจ็บแต่กลั้นเสียงเอาไว้
"ร้ายไม่เบานี่ ไหนดูสิว่าจะร้ายได้สักแค่ไหน" เขาดันร่างนางเข้าด้านใน และกดนางลงยังเตียงตั่งโดยยังมีตัวเขานอนทับอยู่
"นี่ท่านต้องการอะไรกันแน่" นางพยายามดิ้นเพื่อใ