ซ่า…
น้ำเย็นจากหัวก๊อกสเตนเลสมันวาวไหลปะทะฝ่ามือนุ่มของเธอ ก่อนที่เธอจะรองน้ำด้วยสองมือ แล้ววักใส่ใบหน้าอย่างไม่ลังเล ทำให้เครื่องสำอางที่แต่งไว้อย่างดีถูกชะล้างออกไป แต่เธอกลับไม่รู้สึกเสียดายสักนิด
เมื่อพอใจแล้ว มือเรียบเนียนของเธอค่อย ๆ วางลงบนขอบอ่างล้างมือ ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ในท่านั้นราวสิบวินาทีได้ สุดท้ายถึงเธอยื่นมือขวาไปปิดก๊อกน้ำที่ปล่อยให้ไหลทิ้งไว้นานเกินพอ
ดวงตาปรือฉ่ำเงยหน้ามองตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ หญิงสาวมองไล่สำรวจดวงหน้าของเธอที่เปียกน้ำชุ่มไปจนถึงปอยผมที่ยาวระต้นคอระหง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนผ่านตลอดลงไปจนถึงเนินอกอิ่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากความสุข แต่มาจากความรู้สึกสมเพช…เธอเกลียดตัวเองที่ต้องยอมทำในสิ่งที่เคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันแตะต้อง
แต่ท้ายที่สุดเธอก็กลืนน้ำลายตัวเอง ดื่มจนขาดสติ ไม่รู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไปบ้าง จนมีสภาพไม่ต่างไปจากพวกขี้เมา…ที่เธอเกลียดเข้าไส้
“ทุเรศฉิบ...อึก! อุบ!!” แค่เอ่ยปากพูดไม่กี่คำ ของเหลวในท้องก็ตีตื้นขึ้นมาถึงคออย่างห้ามไม่อยู่
“อ๊อก! อุแหวะ!!” ฐานิตารีบถลาตัวเข้าไปในห้องน้ำ เธอนั่งคุกเข่ากองอยู่กับพื้นมือเกาะคอห่านเอาไว้แน่น อาเจียนทุกสิ่งอย่างที่เธอดื่มและกินเข้าไปออกมาจนคอโก่ง น้ำหูน้ำตาไหลอาบใบหน้า ร่างกายของเธอร้อนแดง จนแทบจะหายใจไม่ออก
“แค่ก ๆ เฮือก! อุบ!” ฐานิตารีบยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะกลืนของเหลวที่กำลังตีตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลืนลงท้องไป มันเป็นการกระทำที่น่าขยะแขยงเอามาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฐานิตาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องอาเจียนออกมารอบเด็ดขาด
เพราะแค่นี้เธอก็ทรมานไม่น้อยแล้ว…
“ไม่เอาแล้ว” ฐานิตาพึมพำ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กข้างตัวขึ้นมาเปิด หยิบโทรศัพท์เครื่องแพงออกมา มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะปลดล็อกรหัสที่ตั้งไว้ แล้วกดเข้าไปที่ไอคอนโทรศัพท์
นิ้วที่สั่นระริกไถหน้าจอไปมา สายตาพร่ามัวเลื่อนหาชื่อของ ‘น้ำหวาน’ ที่บันทึกไว้ในรายชื่อ อีกทั้งยังอยู่ในประวัติการโทรล่าสุดโดยไม่ต้องหาให้ยุ่งยาก เมื่อเจอแล้ว เธอก็ไม่ลังเลที่จะกดโทรออกไปหาในทันที ราวกับจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ปลายสาย
ตู๊ด~ ตู๊ด~
[ฮัลโหล โทรมามีไรคะสาว?] เสียงหวานใสของคนปลายสายเอ่ยถามด้วยถ้อยคำเป็นกันเอง หลังจากที่เธอรับสายของฐานิตา
“น้ำหวาน” ฐานิตาเรียกชื่อของอีกฝ่ายสั้น ๆ ราวกับไร้เรี่ยวแรงจะพูด
[เป็นอะไรอะ?] น้ำหวาน หรือ ดรัลพรเอ่ยถามฐานิตาอีกครั้ง อย่างผิดสังเกต
[ทำไมเสียงแหบเซ็กซี่ขยี้ใจอย่างนั้นคะ] เธอถามแบบติดตลกในตอนแรก
“มารับหน่อย”
ก่อนที่อารมณ์ติดเล่นของเธอจะเปลี่ยนไปทันที หลังจากได้รับคำตอบใหม่ที่ออกจากปากฐานิตา
“อึก ฉัน...เมา”
[เมา? ใครเมา! ขออีกรอบได้ปะ!!] ดรัลพรถามย้ำเสียงดังกับคำตอบที่ไม่คาดคิด ดวงตาเบิกกว้างและหวังว่าสิ่งที่ได้ยินคงเป็นเพราะเธอหูฝาดไปเอง แต่ว่ามันดันไม่เป็นอย่างนั้นนี่สิ
“ฉันเมา...”
[ฮะ? ทำไมเป็นงั้นอะ!]
“ดื่มมา”
[เออรู้! แต่ไหนว่าไม่กินเหล้าไง! เกิดอะไรขึ้นกับแกฮะเนี่ย! ไปโดนใครเขามอมมา!] ดรัลพรยิงคำถามรัว ๆ ด้วยความตกใจและประหลาดใจในคราวเดียวกัน
“ลูกค้าขอมา...คนนี้ฉัน...ฉันสู้ไม่ได้...ยกธงขาว”
[โอ๊ย น้ำหวานจะเครซี่! ไหนว่ามาสิทำไมถึงสู้ไม่ได้ มันมีเหตุผลอะไรนักหนาฮะ!]
“หมื่นห้า...สองชั่วโมง”
[อ๋อ กระเป๋าหนักนี่เอง...แต่แล้วไงอะ! มันหนักจนทำให้แกถึงกับยอมออกนอกลู่นอกทางขนาดนี้เลยเหรอ? แยมไม่เล่นนะเว้ย เอาจริงดิ]
“เขาขอหลายรอบ อีกอย่าง…แกก็ว่าฉันหน้าเงิน ถ้าทำลูกค้าไม่พอใจ ช่องทางรวยก็หายหมดพอดี” ฐานิตาตอบดรัลพรด้วยน้ำเสียงแฝงความตลกแบบขมขื่น เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น
โดยเฉพาะคำพูดแย่ ๆ ที่เธอโดนมา…
[จิ๊ เหลือจะเชื่อ เลิกได้เลิกนะไอ้นิสัยเห็นแก่เงินเนี่ย] ดรัลพรพูดตำหนิอย่างอดไม่ได้ เธอรู้ว่าฐานิตาเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีปมเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้ฐานิตาไขว้เขวได้ถึงขนาดนี้เหมือนกัน
ยิ่งมีครั้งแรกแบบนี้...ดรัลพรก็ยิ่งกลัวว่าฐานิตาจะพลาดท่าอีกเป็นครั้งที่สองเหลือเกิน เพราะไอ้นิสัยเห็นแก่เงินเธอนี่แหละ...
[แล้วนี่สร่างเมายัง]
“ก็พอได้อยู่”
[ได้อยู่...แหม คันมือเหลือเกิน] ที่ว่าคันมือดรัลพรไม่ได้พูดเล่น เธอรู้สึกจริง ๆ แต่ก็ด้วยเพราะความเป็นห่วงทั้งนั้นใน [เฮ้อ! งั้นก็รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันซิ่งไปรับเอง ก้านมะยมในมือนี่สั่นริก ๆ พร้อมตีเด็กดื้อละ]
“โอเค งั้นเดี๋ยวออกไปรอหน้าผับนะ” ฐานิตายิ้มนิด ๆ เธอตอบพร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปที่ทางเดินในห้องน้ำ
[เออ แล้วก็อย่าไปรอที่มืด ๆ ล่ะเข้าใจไหม แกแม่งยิ่งล่อเสือล่อจระเข้อยู่ด้วย]
“อืม เข้าใจแล้วค่ะ” ฐานิตารับคำและวางสายลง เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา และก่อนที่จะออกไปจากห้องน้ำ เธอก็หันไปส่องกระจกอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยนักให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน
เมื่อพอใจแล้ว ฐานิตาจึงเดินไปยังประตูของห้องน้ำที่เปิดอยู่ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไปด้วย โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้มีชายร่างสูงยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตู
“!!...พี่นิก” ฐานิตาตกใจจนหัวใจเต้นเร็ว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
นิก ชายหนุ่มผิวสีแทนเป็นเพื่อนของนายเก้า ลูกค้าของฐานิตาในค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้จักเขา
“พี่นิกมาทำอะไรตรงนี้คะ”
“น้องแยมจะกลับแล้วเหรอคะ?” นายนิกไม่ตอบคำถามของฐานิตา แต่กลับถามเธอแทน
“ค่ะ พอดีว่าแยมเมามากน่ะค่ะ ไม่ค่อยไหวเลยว่าจะกลับแล้ว” ฐานิตาตอบคำถามของชายหนุ่ม เธอยิ้มบาง ๆ แม้ว่าจะยังตกใจไม่หายก็ตาม
“พี่ดูไม่ออกเลยนะคะว่าน้องแยมกำลัง ‘เมา’ อยู่” นายนิกพูดเสียงกระเส่า เขาเน้นคำว่าเมาและมองฐานิตาอย่างกรุ้มกริ่ม ก่อนที่จะมองชุดเดรสสีขาวที่เธอสวมด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“แยมคงปล่อยของไปเยอะมั้งคะ เลยดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่จริง ๆ แล้วแยมเมามากเลยค่ะ” ฐานิตายิ้มเจื่อน เพราะรู้สึกไม่ดีที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น
“พี่สนใจแยม” นายนิกไม่สนใจคำตอบของฐานิตาด้วยซ้ำ เขาบอกความต้องการของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา และเปลี่ยนเป็นมองหน้าของเธอแทน “ไปต่อกับพี่ได้ไหมคะ?”
ครืดด ครืดด เสียงโทรศัพท์มือถือของฐานิตาดังออกมาจากกระเป๋าได้จังหวะพอดี หลังสิ้นคำถามของนายนิก
“วันนี้คงไม่สะดวกค่ะ พอดีแยมให้เพื่อนมารับแล้ว น่าจะมาถึงแล้วด้วยค่ะ” ฐานิตาได้โอกาส เธอรีบหยิบมือถือที่ส่งเสียงออกมาจากกระเป๋าและกดรับสายทันที โดยไม่ดูให้ดีว่าคนที่โทรมาจะใช่ดรัลพรหรือเปล่า
“ฮัลโหล แกถึงแล้วเหรอ...”
[สวัสดีค่ะท่านมีพัสดุตรงค้าง...] โอเค...ไม่ใช่ดรัลพร แต่ก็เอาเถอะนาทีนี้ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน
“อ๋อ ถึงแล้วใช่ปะ ได้ๆ ...โอเค เดี๋ยวออกไปนะ อือ…แค่นี้ก่อนนะ”
“.....”
“ขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนแยมมารับแล้ว” ฐานิตาฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ ในใจคิดว่าเธอคงรอดแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เดินผ่านนายนิกไปด้วยซ้ำ
หมับ! เขาก็คว้าแขนของเธอเอาไว้เสียก่อน
“เฮ้ยพี่! ปล่อยแยมนะคะ!” ฐานิตาร้องออกมาด้วยความตกใจ ขณะถูกดึงให้กลับเข้าไปในห้องน้ำ
“พี่ไม่ได้โง่นะคะ แยมทำแบบนี้แล้ว...ยังคิดที่จะปล่อยให้พี่เหงาอยู่คนเดียวอีกเหรอคะ” นายนิกพูด เขาจะกระตุกยิ้มร้ายกาจ
เขามองฐานิตาราวกับเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ แสดงออกชัดว่าต้องการเธอ และมันทำให้ฐานิตารู้สึกหวาดหวั่น จนแทบจะควบคุมสติไม่ได้
“พะ พี่จะทำอะไรแยม” ฐานิตาถามเสียงสั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวยากเกินกว่าที่จะควบคุม
เธอกลัว…ฐานิตากลัวการคุกคามจากผู้ชายคนนี้ เพราะเธอมั่นใจว่าเขากำลังหวังอะไรจากเธออยู่ อะไร…ที่หมายถึงคุณค่าในตัวของเธอ