ไม่อยากเกี่ยวข้อง

1289 คำ
“แก… ไปทำอะไรมาเนี่ย?!” เพลิงนารีเริ่มสำรวจเพื่อนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ไล่ตั้งแต่ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ลำคอขาวเนียนที่มีรอยจ้ำแดงๆ เหมือนรอยคิสมาร์ก เก็บซ่อนความสงสัยไว้ก่อน ดึงผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากร่างของเพื่อน กัดฟันแน่น เมื่อมันไม่ได้มีแค่รอยแดง แต่มีรอยฟันด้วย สภาพยับเยิน เหมือนคนถูกชำเรามาเลย อย่าบอกนะว่า น้าวรรณหลอกอลิสไปให้คนข่มขืน บ้าน่า! ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เตือน เธอเตือนตั้งแต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าจะไปเอาเงินกับแม่เลี้ยงแล้ว แต่ยัยอลิสยังหวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะเห็นแก่หน้าลูกชาย แล้วเป็นไงล่ะ ผู้หญิงหน้าเงินแบบนั้น จะเห็นใครดีกว่าตัวเองล่ะ “…แกกินข้าว กินยาหรือยังอลิส?” เพลิงนารีถามเสียงสั่น “กะ กินแล้ว” “งั้นนอนพักก่อน อาการดีขึ้นแล้วเรามาคุยกัน” มันเป็นประโยคคำสั่ง มากกว่าจะเป็นประโยคบอกเล่า ลลิสารู้สึกได้แบบนั้น เมื่อเพื่อนพูดจบ เปลือกตาหนักอึ้งจึงปิดลงไป ต่อให้ปิดบังยังไง สภาพของเธอคงไม่พ้นสายตาคนชอบจับผิดอย่างเพลิงนารีหรอก เมื่อเห็นว่าเพื่อนหลับไปอีกครั้ง เพลิงนารีก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้คนป่วย เดินไปหาผ้าสักผืนมาชุบน้ำ เช็ดผ้าเปียกชื้นตามเนื้อตัวเพื่อนอยู่นาน เมื่ออุณหภูมิของร่างกายเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับปกติ ก็เดินหนีออกไปจากห้อง เพื่อคิดไตร่ตรองสิ่งที่ตัวเองจะถาม ว่ามันสมควรหรือไม่ 17 : 00 น. เมื่อปล่อยให้คนป่วยนอนพักจนถึงเย็น เพลิงนารีก็ขึ้นมาปลุกคนหลับจากห้วงนิทรา เช็คอาการป่วยของเพื่อนก่อน จากนั้นค่อยจัดแจงหาข้าวหายามาให้เพื่อนกิน นั่งรอจนกระทั่งคนป่วยกินยาเสร็จ เมื่อสบโอกาสให้ถาม ก็ยิงคำถามออกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น สภาพแกถึงได้เป็นแบบนี้ โดนใครทำอะไรมา?” “…” “บอกมาอลิส! แกจะปิดปากเงียบแบบนี้ไม่ได้ ถ้ามันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวเหรอ?!” “ฉัน…” ลลิสาอ้ำอึ้ง ไม่กล้าบอกว่าตัวเองโดนใครทำอะไร เพื่อนของเธอเป็นคนฉลาด ไม่รู้ก็คงแปลก เพราะร่างกายของเธอ มีแต่รอยจ้ำจากการโดนดูด และรอยช้ำจากการโดนกัด เพื่อนเธอมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ให้คิดเป็นอย่างอื่น คงไม่ได้หรอกมั้ง “อลิส!” “… ฉันถูกน้าวรรณหลอก อ่า… ไปขัดหนี้ให้พ่อเลี้ยงภูมินทร์” ลลิสาบอกออกไปในที่สุด ชื่อที่หลุดออกจากปาก ทำเพื่อนสาวร้องลั่นห้อง “หะ! อะไรนะ? พ่อเลี้ยงภูมินทร์เหรอ?” ถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ ใบหน้าซีดเซียวพยักหงึกหงัก เพลิงนารียกมือกุมขมับทันที เพราะชื่อที่ออกมาจากปากเพื่อน เป็นชื่อบุคคลที่เธอเตือนเพื่อนก่อนจะไปตามนัด ว่าถ้าเจอผู้ชายหน้าตาแบบนี้ ชื่อแบบนี้ให้อยู่ห่างๆ แล้วทำไมยัยอลิสถึงได้ตกหลุมพลางจนมีสภาพอย่างนี้ ‘พ่อเลี้ยงภูมินทร์’ ผู้ชายที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งจังหวัด เขาเป็นพ่อเลี้ยงยังหนุ่มวัยสามสิบปี ไม่เพียงแค่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของจังหวัด เขายังหล่อมากๆ จนสาวๆทั้งจังหวัดหมายปองอยากจะเป็นเจ้าของหัวใจ แต่! แต่เขามันบุคคลอันตราย ใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าอะไร แถมเบื่อเมื่อไหร่ ก็เขี่ยทิ้งเมื่อนั้น เป็นคนที่สาวๆใจกล้าอยากเข้าใกล้ ส่วนคนที่หวังความจริงใจอยากจะหนีห่าง เพลย์บอยตัวพ่อแบบนั้น อย่าหวังเลยว่าจะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี “เขา… เขาขืนใจแกสินะ แกต้องไปแจ้งตำรวจนะอลิส เอาน้าวรรณนั่นเข้าคุกด้วย ระยำ! แม่งเลว” เพลิงนารีสรุปด้วยความโกรธ ใบหน้าบึ้งตึงและแดงก่ำ สองมือกำแน่นจนเห็นริ้วเส้นเลือด “ฉัน … ไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นอีกแล้ว มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาเองก็ถูกน้าวรรณหลอกเหมือนกัน ฉัน…อยากให้มันจบแค่นั้น” “ไม่ได้นะอลิส! แกจะยอมไม่ได้ ต้องลากคอพวกเขาเข้าคุกให้ได้” “ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา ให้นึกถึงเรื่องเลวร้ายในคืนนั้นอีก” คำพูดของเพื่อน ทำให้เพลิงนารีได้สติ คนเป็นเหยื่อมักจะเป็นแบบนี้ รู้สึกอับอายที่ตัวเองถูกกระทำ เธอเข้าใจ เข้าใจมากๆเลยแหละ ก็เลยพูดอะไรไม่ออกอยู่อย่างนี้ ทั้งๆที่เหยื่อคนนั้น คือเพื่อนสุดที่รักของเธอเอง “แก… จะเอาอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” “อือ” “เห้อ! แกไม่ผิดเลยนะอลิส คนที่ผิดมันน้าวรรณกับผู้ชายคนนั้นต่างหาก อย่าโทษตัวเองนะ ฉัน ฉันอยู่ข้างแกนะ” เพลิงนารีปรี่เข้ามาสวมกอดเพื่อนไว้ ลูบแผ่นหลังขึ้นลงเบาๆ อย่างปลอบประโลม ลลิสาแทบจะไม่ได้ฟังที่เพื่อนสนิทพูด ทำไมเธอจะไม่ผิดล่ะ ความผิดของเธอมีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่ขัดขืนเขาให้ถึงที่สุด เธอเผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของเขา เรียนรู้ประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ จากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า “… อ่า ฉันไม่เซ้าซี้แล้ว ฉันกลับแล้วนะอลิส พี่เชษฐ์รออยู่ข้างล่าง” “ขอบคุณมากนะนาที่เข้าใจฉัน” “อือ เดี๋ยวฉันมาใหม่นะ” เพลิงนารีเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย ก้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อลงมาถึงข้างล่าง ก็ปิดล็อกประตูหลังบ้านให้เพื่อน เดินไปขึ้นรถของคนรักที่มาจอดรออยู่เกือบชั่วโมง รถยนต์สปอร์ตคาร์ ค่อยๆเคลื่อนออกไป โดยมีคนป่วยยืนมองจนลับสายตา ลลิสาเข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเขาคนนั้น เขาที่สร้างสัมผัสวูบไหวให้ตราตรึงอยู่กับร่างกาย สัมผัสหยาบโลนที่ก่นด่าตราหน้าว่าเลวทราม พอห่างหายจากมัน กลับรู้สึกโหยหาแปลกๆ ความรู้สึกล่องลอยตอนร่างกายหดเกร็ง อยู่ๆก็เกิดอยากรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาอีก เมื่อร่างกายเกิดความต้องการที่ไม่ถูกไม่ควร ลลิสาก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ยกหมอนขึ้นมาปิดใบหน้าแดงก่ำไว้ แต่ใบหน้ามีเสน่ห์ก็ฉายเข้ามาให้เห็นอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าตอนดุ ใบหน้าตอนโกรธ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่เขาสุขสม เธอควรจะลืมมันไป ไม่ใช่จดจำมันจนขึ้นใจอย่างนี้ ‘อืม! อ่า ของเธอแน่นดีจริง อ่า!’ เสียงครางต่ำ กับคำพูดน่าอาย ทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกแปลกๆ ยิ่งเขาบอกว่าแน่น ด้านในยิ่งขมิบตอดให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม แรงโถมจากกายใหญ่ไม่ได้ทำให้ร่างกายหวาดกลัว มันอยากจะตอบสนองเขา กระตือรือร้นรับคำพูดของเขาทุกคำ ‘อืม! แน่นขึ้นอีกแล้ว อ่า! ยิ่งฉันทำแรง เธอก็ยิ่งรัดแน่นสินะ ชอบหรือไง? ชอบที่ฉันทำแรงๆเหรอ’ เป็นคำพูดที่ไม่อยากฟังเอาซะเลย ตอนอยู่ใต้ร่างนั้น เธอพยายามปล่อยผ่านคำพูดพวกนี้ไป แต่ทำไมตอนนี้ถึงจำได้ดีนัก เธอจำได้หมดว่าเขาพูดอะไร ชมร่างกายเธอแบบไหน และทำแบบไหนให้เธอมีความสุข ‘อ๊ะ! อ๊า!’ “อึก! ป่วยจนเสียสติหรือไง! ลืมสิ ผู้ชายเลวทรามแบบนั้น เธอควรลืมเขานะอลิส” ลลิสาดึงสติกลับมา พูดเตือนตัวเองเสียงดัง พลางข่มตานอนให้หลับ ผู้ชายแบบนั้นมีค่าตรงไหนให้เธอคิดถึง ไม่มีค่าหรอก ได้โปรดอย่าคิดถึงเขาอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม