เจียวซินกับเกิดเหตุในวังหลวง

2960 คำ
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องขึ้นในวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ…” เสียงองค์รักษ์ ห่าวซวนดังลอดเข้ามาในห้องนอนทำเอาสองสามีภรรยาที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เจียวซินรีบใช้มือตนเองจับสาบเสื้อของตนเองไว้แน่น ใบหน้าสวยแดงก่ำมิกล้าแม้กระทั่งจะปรายตามองท่านอ๋อง ฮืออออ เหตุใดนางเผลอไผลได้มากถึงเพียงนี้กัน “เข้ามา เกิดสิ่งใดขึ้น” เฟยเทียนลุกขึ้นไปเปิดประตูให้คนสนิทเข้ามา โดย ไม่ลืมเลื่อนม่านคลุมเตียงมาปิดบังไว้มิให้เห็นร่างบางที่อยู่บนเตียง เฟยเทียน หัวเสียไม่น้อยที่ถูกขัดจังหวะ หากมิใช่เรื่องสำคัญ เขาจะสั่งลงโทษห่าวซวนเสียให้เข็ด “องค์รัชทายาทถูกวางยาพิษพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งหัวหน้าหมอหลวงเหว่ยยังป่วยกะทันหันจึงมิมีผู้ใดให้การรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ” ห่าวซวนบอกกล่าวสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นนายฟังจนครบ “พวกลอบกัด!!! เจ้าไปเชิญท่านหมอจ้าวมา อย่าลืมบอกท่านหมอว่าเสด็จพี่ถูกพิษ” สิ้นคำสั่งของเฟยเทียนห่าวซวนก็รีบร้อนออกไปทันที ด้านเฟยเทียน ที่บัดนี้มีแต่ความโกรธเกรี้ยวเร่งรีบนำเสื้อนอกเข้ามาสวมเพื่อเตรียมพร้อมเข้า วังหลวง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอไปด้วยเพคะ หนิงเออร์อยู่หรือไม่มาช่วยข้าแต่งกายที” เจียวซินที่ได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด จากที่เขินอายอยู่ก็ต้องตกใจจึงเร่งรีบแต่งตัว โดยมีหนิงเออร์คอยช่วย “เช่นนั้นก็ดี ในวังคงวุ่นวายไม่น้อย เจ้าพาหนิงเออร์เข้าไปช่วยดูแลเฟิ่งเออร์และหนิงหลงทีเถิด” กล่าวเพียงเท่านั้น เฟยเทียนและเจียวซินก็เดินทางเข้าวังหลวงทันที เมื่อมาถึงหน้าประตูวังก็พบกับห่าวซวนและท่านหมอจ้าวรออยู่แล้ว เฟยเทียนจึงได้นำทุกคนไปที่ตำหนักขององค์รัชทายาทที่ตอนนี้มีทั้งฮ่องเต้ ฮองเฮา พระชายาเอกและชายารองขององค์รัชทายาท รวมถึงไปถึงองค์หญิงเฟยเฟิ่งและองค์ชายหนิงหลง “เฟยเทียน พี่เจ้า พี่เจ้าแย่แน่แล้ว ฮึก” แม่ของแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่ง มิแพ้ผู้ใดกลับร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “เสด็จแม่ทรงพระทัยเย็นไว้ก่อน ลูกนำท่านหมอจ้าวมาด้วย เสด็จพี่จะปลอดภัย ท่านวางใจได้” “หมอเทวดาผู้นั้นหรือ เขามาด้วยหรือ” ฮองเฮาหลี่ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย มองผ่านไปทางด้านหลังบุตรชายเห็นชายหนุ่มที่สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าผู้หนึ่ง คงจะเป็นคนผู้นี้กระมังที่เป็นหมอเทวดา “พ่ะย่ะค่ะ” เฟยเทียนตอบเพียงเท่านั้นจึงนำท่านหมอจ้าวและห่าวซานเข้าไปในห้องห้องบรรทมขององค์รัชทายาททันที ด้านเจียวซินและหนิงเออร์ก็เข้าไปปลุกปลอบองค์หญิงเฟยเฟิ่งและหนิงหลง “เจียวซิน อุ้มน้องๆ” องค์ชายหนิงหลงที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกจึงเกิดอาการงอแงไม่น้อย จะมิปลุกขึ้นมาก็มิได้ เหตุเพราะคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ยังไม่สามารถระบุตัวได้ หากปล่อยให้องค์ชายตัวน้อยอยู่กับเหล่าพี่เลี้ยงคงมิปลอดภัยเป็นแน่ “เพคะ นอนเถิดเพคะ หม่อมฉันอยู่กับองค์ชายตรงนี้มิไปไหนแน่เพคะ” เจียวซินอุ้มองค์ขายตัวน้อยเข้าอกอีกมือก็โอบรอบเอวขององค์หญิงเฟยเฟิ่งที่สะอึกสะอื้นไม่หยุด . . “พวกเจ้าออกไปให้หมด! ออกไป!” เสียงตวาดดังลั่นของเฟยเทียนดังออกมาจากห้องบรรทมขององค์รัชทายาท ไม่นานเหล่าผู้ช่วยหมอหลวงก็เดินออกมาจากห้องบรรทมอย่างรีบร้อน “เกิดอันใดขึ้น!” องค์ฮ่องเต้ที่กอดประคองฮองเฮาของตนอยู่เอ่ยถามถึงเหตุการณ์ในห้องบรรทม “ท่านอ๋องมิให้พวกกระหม่อมร่วมรักษาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ตัวแทนหมอของสำนักหมอหลวงกล่าวขึ้น “แล้วอาการรัชทายาทเป็นอย่างไร” “อาการยังหนักหนาพ่ะย่ะค่ะ มิรู้ว่าเพียงแค่หมอไร้สำนักผู้นั้นผู้เดียวจะรักษาพระอาการขององค์รัชทายาทได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ แท้จริงหากให้พวกกระหม่อมรักษาพระอาการอาจจะไม่แย่ลงพ่ะย่ะค่ะ” ตัวแทนหมอหลวงเอ่ยตอบคำถาม ฮองเฮาหลี่ที่ได้ยินว่าองค์รัชทายาทยังอาการหนักจึงได้แต่ร้องห่มร้องไห้ออกมา ไม่หยุด ด้านเจียวซินที่ได้ยินคำพูดของหมอหลวงถึงกับคิ้วกระตุกมิใช่ว่าหมอผู้นี้กล่าวตำหนิสวามีนางอยู่หรอกหรือ “ท่านหมอกล่าวเช่นนี้มิใช่ว่าตำหนิท่านอ๋องหรอกหรือ หมอไร้สำนักที่ท่านกล่าวเป็นท่านอ๋องที่พาเขามา จะกล่าวสิ่งใดควรไตร่ตรองเสียบ้างมิเช่นนั้นลิ้นของท่านอาจจะไม่อยู่ในปาก…อีกอย่างการดูถูกความสามารถผู้อื่นไม่เหมาะกับปัญญาชนเช่นพวกท่านกระมัง” เจียวซินที่ทนฟังคำของหมอหลวงไม่ไหวจึงกล่าวออกไปเสียยาวเหยียด เหอะ! ทำทีเป็นพูดว่าตนรักษาได้ เก่งแต่ปากเสียจริง “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าหมอหลวงที่ได้ยินคำขู่ของพระชายาเอกของท่านอ๋องสามถึงกับรีบร้อนเอ่ยคำขอประทานอภัยแทบไม่ทัน ด้านองค์ฮ่องเต้ที่กอดปลอบฮองเฮาหลี่อยู่ถึงกับยกยิ้ม พระองค์มิคิดว่าสะใภ้ผู้นี้จะมีวาจาคมคาย แม้จะได้ยินมาบ้างว่านางมิใช่สตรีที่ยอมอ่อนให้ผู้ใด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์ได้ยินนางใช้วาจาเชือดเฉือน เหมาะสม ถือว่าเหมาะสมกับเฟยเทียนมิน้อย ใช้เวลาไม่นานหลังจากที่เหล่าหมอหลวงออกมาจากห้องบรรทม ก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญของรัชทายาทดังออกมาอยู่เนืองๆ นานกว่าสองชั่วยามเสียงนั้นจึงหยุดลง ผู้คนที่อยู่ด้านนอกมิอาจรู้ได้ว่าด้านในเกิดสิ่งใดขึ้น ได้แต่เฝ้ารอคอยอย่างมีความหวัง “เฟยเทียนพี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง แม่เข้าไปได้หรือไม่” ฮองเฮาหลี่ที่เห็น เฟยเทียนเดินออกมาจากห้องจึงรีบพุ่งเข้าไปหาบุตรชายทันที “เสด็จแม่ เย็นพระทัยลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอจ้าวได้ทำการขับพิษออกให้เสด็จพี่แล้ว ตอนนี้อาการมิมีสิ่งใดต้องเป็นห่วงเพียงแต่ยังมิรู้สึกตัวเท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เฟยเทียนพยายามบอกกล่าวอาการของรัชทายาทอย่างใจเย็น แม้ในใจจะเกรี้ยวโกรธและโมโหผู้ที่คิดลอบกัดกันเช่นนี้ ยามเขาเห็นพี่ชายทุรนทุราย เมื่อขับพิษ เขายิ่งอยากจะจับพวกมันมาถลกหนังแล้วฆ่าทิ้งเสียให้สิ้น “แม่ขอเข้าไปดูพี่เจ้าหน่อยได้หรือไม่” ฮองเฮาหลี่ยังดื้อรั้นจะเข้าไปพบบุตรชายของตน “ลูกว่าเสด็จแม่เสด็จกลับไปพักที่ตำหนักดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะเป็นผู้ดูแลเสด็จพี่เอง” เฟยเทียนมิอยากให้ผู้เป็นแม่เห็นร่างกายของพี่ชายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจากการขับพิษจึงเอ่ยบอกไปเช่นนั้น ทั้งยังส่งสายตาให้ผู้เป็นบิดาช่วยกล่าวโน้มน้าว “พี่ว่าเจ้าไปพักตามที่ลูกบอกเถิดเฟิงเฟิง รุ่งเช้าพี่จะเป็นคนไปรับเจ้ามาพบอาฉี ส่วนคืนนี้พี่และอาเทียนจะอยู่เฝ้าเขาเอง” หากมิรู้ว่านี่คือจักรพรรดิของแผ่นดินคงคิดว่าเป็นบทสนทนาของครอบครัวสามัญชนทั่วไปเท่านั้น ทั่วทั้งแผ่นดินแคว้นเฉินมีใครมิรู้บ้างว่าองค์จักรพรรดิยึดมั่นรักใคร่ต่อฮองเฮาหลี่แต่เพียงผู้เดียว แม้จะมีสนมชายามากมายแต่มิเคยมีผู้ใดได้รับความรัก ความอ่อนโยนเฉกเช่นฮองเฮาหลี่ผู้นี้ “เช่นนั้นก็ได้เพคะ” “พวกเจ้าก็เช่นกัน กลับไปพักที่ตำหนักกันก่อนเถิด” สิ้นเสียงฮ่องเต้ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับตำหนัก เฟยเทียนจึงเดินเข้ามาหาเจียวซินที่โอบกอดทั้งเฟยเฟิ่งและหนิงหลงที่ตอนนี้ได้หลับไปแล้ว “คืนนี้ข้าอาจจะต้องอยู่ทีนี่ทั้งคืน เจ้าไปอยู่ตำหนักเสด็จแม่ก่อนได้หรือไม่” ใบหน้าอันเหนื่อยล้าของเฟยเทียนทำให้เจียวซินอดที่จะยกมือขึ้นสัมผัสเบาๆ บนแก้มสากมิได้ “มิต้องเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันอยู่ได้และจะช่วยดูแลเสด็จแม่และเด็กๆ ให้เองเพคะ” เจียวซินพูดพลางใช้มือปาดคราบเลือดที่ติดแก้มของเฟยเทียนออก “อืม หากกลับจวนข้าจะมอบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม” “โอ๊ะ! เป็นของมีค่าหรือไม่เพคะ” เจียวซินแสร้งทำท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุ หวังให้ท่านอ๋องคลายความกังวลใจลงไปบ้าง “มีค่ามากเลยทีเดียว หึๆ ไปเถิด ฝากเจ้าด้วย” เฟยเทียนกล่าวเพียงเท่านั้น แล้วจึงส่งสัญญาณให้องค์รักษ์เงาดูแลเจียวซินและคนอื่นๆ ให้ดี จากนั้นเฟยเทียนจึงนำฮ่องเต้เข้ามาในห้องบรรทมของรัชทายาท “เหตุการณ์มันเป็นมาอย่างไรเฟยเทียน” ฮ่องเต้เฟยหลงที่นั่งลงข้างเตียงของบุตรชาย “จากที่สอบถามองค์รักษ์เงาของเสด็จพี่ได้ความว่าพิษอาจถูกผสมมากับ ยาบำรุงจากสำนักหมอหลวงพ่ะย่ะค่ะ ด้วยเหตุนี้ลูกจึงกันพวกหมอหลวงออกจากการรักษาในครานี้” “เจ้าตรวจสอบให้ดีว่าพิษมาจากสำนักหมอหลวงจริงหรือไม่ หากมาจากสำนักหมอหลวงจริงเจ้ารู้หรือไม่มันหมายถึงสิ่งใด อย่าได้ประมาท การสืบความครานี้ จงเก็บเป็นความลับ พ่อจะประกาศออกไปก่อนว่าคนวางยาพิษในครานี้ได้ถูกจับกุมแล้ว พวกมันจะต้องหาคนมารับผิดเรื่องนี้เป็นแน่ เดินตามกลลวงของมันไปก่อน” “พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะมิหละหลวมในเรื่องนี้เป็นอันขาด” ฮ่องเต้เฟยหลงนั่งลงบนเตียงที่มีบุตรชายนอนมิได้สติอยู่ ดียิ่งที่เฟิงเฟิงของเขามิได้มาเห็นบุตรชายในสภาพนี้ คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วเตียงทำเอาใจของผู้เป็นพ่อเจ็บปวดไม่น้อย มือหนาของฮ่องเต้ลูบลงไปบนหัวของบุตรชายอยู่อย่างนั้น “เขาจะตื่นขึ้นมาใช่หรือไม่ ท่านหมอ” “องค์รัชทายาทจะฟื้นคืนสติแน่พ่ะย่ะค่ะ” “ขอบใจท่านมาก ขอบใจที่ยอมมารักษาเขา” “เขาเป็นหัวใจของกระหม่อม กระหม่อมจะอยู่ดูแลเขาจนกว่าวันที่เขาได้นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างแข็งแกร่ง” . . ปัง!!! มือใหญ่ที่ประดับด้วยแหวนหยกตบลงบนโต๊ะอย่างแรง “เฟยเทียนอีกแล้วหรือ มันจะคอยขัดขวางแผนการของข้าไปถึงเมื่อใด” “หากท่านอ๋องสามยังอยู่ การชุมนุมที่จะถึงคงมิรอดพ้นสายตาท่านอ๋องไปได้แน่ขอรับ” “อืม ข้าจะจัดการเรื่องนั้นเอง” . . รุ่งเช้าวันนี้ผู้คนในวังยังใช้ชีวิตกันตามปกติ มิใช่ว่าทุกคนมิรับรู้ถึงข่าวร้ายที่องค์รัชทายาทถูกวางยาพิษแต่เพราะเช้านี้มีการประกาศออกมาว่าองค์รัชทายาทได้รับการรักษาจากท่านหมอเทวดาจนปลอดภัย มิมีสิ่งใดต้องห่วงหรือกังวล อีกทั้งยังมีการติดประกาศว่าผู้ที่คิดร้ายต่อองค์รัชทายาทได้ถูกจับกุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮองเฮาหลี่เดินทางไปพบองค์รัชทายาทตั้งแต่เช้า จึงเป็นเจียวซินที่ทำหน้าที่ดูแลเฟยเฟิ่งและหนิงหลง ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อวานเด็กแสบทั้งสองเจอเรื่องสะเทือนใจมาไม่น้อยเจียวซินจึงชวนทั้งสองมานั่งเล่นที่ศาลาริมสระบัวหลวง “เรามาวาดภาพด้วยกันดีหรือไม่” เจียวซินชักชวนเด็กๆ “น้องวาดๆ พี่เฟิ่งเออร์รู้หยือไม่ว่าเจียวซินน่ะ วาดหงส์ได้เหมือนเป็ดที่สุดเลย คิกๆ” องค์ชายตัวน้อยเอ่ยบอกพี่สาวราวกับต้องการโอ้อวดว่าตนเองเคยเห็นภาพหงส์ที่เหมือนเป็ดที่สุด เอ่อ มันใช่เรื่องที่น่าอวดหรือเนี่ยยย “หงส์ก็คือหงส์จะเหมือนเป็ดได้อย่างไรเล่าหนิงหลง” เฟยเฟิ่งคิดว่าน้องชายคงยังมิรู้ความมองหงส์เป็นเป็ดไปได้อย่างไร “จริงๆ นะ เจียวซินๆ วาดหงส์ที่เหมือนเป็ดให้พี่เฟิ่งเออร์ดูทีเถิด” “โถ่อาหลง เหตุใดนำเรื่องนี้มาเย้าเจียวซินอีกแล้วเล่า” เสียงหัวเราคิกคักดังไปทั่วศาลา “มีเรื่องอันใดน่ายินดีหรือไม่ เสียงหัวเราะคิกคักดังไปทั่วทั้งวังเช่นนี้” ชายหนุ่มรูปงามแต่งกายสะอาดสะอ้าน ทั้งยังมีวาจาอ่อนโยนเช่นนี้ คงไม่พ้นเป็นองค์ชายห้าเฉินเลี่ยงหรง “พี่ห้า พวกข้ากำลังวาดภาพอยู่ ท่านสนใจมาวาดด้วยกันหรือไม่” เฟยเฟิ่งเอ่ยทักทายพี่ชายต่างมารดาอย่างสนิทสนม ด้วยความที่องค์ชายห้าผู้นี้อ่อนโยนและมักจะมาพูดคุยกับเฟยเฟิ่งอยู่เสมอ นางจึงค่อนข้างรักและนับถือองค์ชายห้าดังเช่นพี่ชายร่วมมารดาอย่างเฟยฉีและเฟยเทียน ด้านเจียวซินที่เห็นว่าองค์ชายห้าเดินเข้ามาในศาลาจึงลุกขึ้นคำนับผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า “พระชายาก็อยู่ด้วยหรือนี่” เลี่ยงหรงที่เห็นว่าชายาเอกของพี่ชายอยู่ด้วยจึงเอ่ยทัก “เพคะ เสด็จแม่ไปเยี่ยมองค์รัชทายาทแต่เช้า หม่อมฉันจึงได้พาองค์ชายและองค์หญิงมานั่งเล่นกันที่นี่เพคะ” “อ่อ...เป็นเช่นนี้นี่เอง จริงสิข้าได้ยินว่ารองแม่ทัพซีห่าวชนะสงครามแล้ว อีกไม่นานคงจะได้กลับเมืองหลวงใช่หรือไม่” “เอ่อ…” ยังไม่ทันที่เจียวซินจะเอ่ยตอบองค์ชายห้า องค์ชายหนิงหลงที่วาดภาพของตนเสร็จจึงเอ่ยชวนพี่ชายดูภาพวาดของตน “พี่ห้ามาดูภาพของน้อง งดงามหยือไม่” หนิงหลงชี้ภาพของตนให้พี่ชายดูด้วยท่าทางสดใส “โอ้! งดงามยิ่ง น้องชายตัวน้อยของพี่เก่งกาจเสียจริง” เลี่ยงหรงเดินเข้าไปลูบหัวน้องชายพร้อมกับเอ่ยชมมิขาดปาก “คิกๆ เป็นเช่นนั้นจริงๆ พะยะค่า” “บรรยากาศเช่นนี้ทำให้พี่อดนึกถึงลี่ฮวาไม่ได้” ตาคู่งามดูหม่นลงเมื่อพูดถึงน้องสาวร่วมมารดาที่ได้แต่งออกไปเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับชนเผ่าถู่เจี๋ยที่อยู่ทางเหนือของแคว้น “ข้าเชื่อว่าพี่หญิงหกย่อมมีความสุขอยู่ที่นู่นเป็นแน่ พี่ห้าอย่าได้โศกเศร้าไปเลย มาวาดภาพกับน้องดีกว่าเพคะ” เฟยเฟิ่งเอ่ยปลอบใจพี่ชาย เจียวซินที่นั่งฟังอยู่พอจะคาดเดาได้ว่าองค์หญิงหกที่เป็นฝาแฝดขององค์ชายห้าน่าจะถูกส่งตัวไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เป็นแน่และเหตุการณ์นี้คงจะสร้างความโศกเศร้าให้แก่ผู้เป็นพี่ชายอย่างองค์ชายห้ามิน้อย “เสด็จแม่ พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง” เฟยเฟิ่งที่พึ่งเดินกลับเข้ามาในตำหนักเอ่ยถามผู้เป็นมารดาทันทีด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย “อาการดีขึ้นมาก พวกเจ้ามิต้องเป็นห่วง ส่วนเฟยเทียนเขาออกไปไต่สวนคนร้าย” ฮองเฮาหลี่ตอบคำถามบุตร โดยมิลืมหันไปบอกสะใภ้ที่นั่งเล่นกับองค์ชายหนิงหลงอยู่ “เช่นนั้นหม่อมฉันก็เบาใจลงบ้าง” เฟยเฟิ่งและทุกคนในตำหนักล้วนเบาใจเมื่อได้ยินดังนั้น “เจ้ารักเด็กเช่นนี้เหตุใดยังมิมีบุตรเป็นของตนเองสักสองสามคนเล่าเจียวซิน” ฮองเฮาหลี่ที่นั่งมองเจียวซินดูแลองค์ชายน้อยอยู่นานก็เอ่ยถามลูกสะใภ้ “หม่อมฉันเองก็อยากมีเพคะ” เจียวซินตอบไปตามที่ใจคิด ในโลกก่อนนางอยู่ตัวคนเดียวยังเคยคิดที่จะรับเด็กจากสถานสงเคราะห์มาเลี้ยงดู แต่ไม่ทันได้จัดการสิ่งใด ก็ย้อนมาเกิดใหม่ในโลกนี้เสียก่อน “เช่นนั้นเหตุใดยังไม่มีเล่า เจ้าเองก็แต่งกับเฟยเทียนมานานแล้ว” ฮองเฮาหลี่คิดสงสัยอยู่นาน “หรือพี่สามจะมิมีน้ำยาเพคะเสด็จแม่” เฟยเฟิ่งที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยข้อสันนิษฐานขึ้น “มิได้เป็นเช่นนั้นเพคะ เพียงแต่…” เจียวซินอ้ำอึ้งมิรู้จะตอบอย่างไรว่านางยังมิเคยเข้าหอกับท่านอ๋องเลยสักครา “เพียงแค่อันใด…หรือว่า พวกเจ้ายังมิเข้าหอกันงั้นหรือ!!!” ฮองเฮาหลี่กล่าวขึ้นอย่างเสียงดังเมื่อเห็นสีหน้าขัดเขิน อ้ำอึ้งมิยอมพูดอันใดออกมาของเจียวซิน “เพคะ” เจียวซินกล่าวตอบอย่างแผ่วเบา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขิน “พวกเจ้านี่อย่างไร แล้วเมื่อใดข้าจะได้อุ้มหลานเล่า ไม่ได้ความเสียจริง! เจ้าลองบอกข้าทีว่าเหตุใดไม่เข้าหอกันเสียที” “ชักช้าเช่นนี้ หม่อมฉันว่าพี่สามทำมิเป็นแน่เพคะ คิกๆ” เฟยเฟิ่งนั่งหัวเราะคิกคัก “แหะๆ” เจียวซินยิ้มแห้งๆ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปว่าอย่างไร “เห้ออออ หากเฟยเทียนไม่เริ่ม เจ้าก็เริ่มเสียเองสิ เรื่องเช่นนี้จะรอให้ฝ่ายชายเริ่มตลอดมิได้” ฮองเฮาเอ่ยสอนลูกสะใภ้ “ระ เริ่มเองเลยหรือเพคะ” เจียวซินถึงกับพูดตะกุกตะกัก “อ่า จริงสินะ เจ้าโตมากับบิดาและพี่ชายคงมิมีผู้ใดสอนเรื่องปรนนิบัติสามีให้กับเจ้า เช่นนั้นข้าจะสอนเจ้าเอง” ฮองเฮาหลี่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาทำเอาเจียวซินถึงกับขนลุกเป็นเกลียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม