“ปะ ปล่อยก่อนค่ะ หะ หายใจไม่ออก” ฝ่ามือน้อย ๆ ตีลงเบา ๆ ที่ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา เธอหายใจไม่ออกจนใบหน้าเล็กแดงก่ำ กระทั่งเขายอมปล่อยแขนออกในที่สุด
“แค่ก ๆ อะไรของคุณเนี่ย!”
“ฉันต้องถามเธอต่างหากว่าอะไรของเธอ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง” หญิงสาวไอค่อกแค่ก หน้าดำหน้าแดง “ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง”
“ดะ เดี๋ยวสิ ทำไมจะไม่ได้ยิน ไม่ได้หูหนวกสักหน่อย”
“มาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วได้ยินอะไรหรือเปล่า” เขาถามเสียงเข้ม จนคนได้ยินรู้สึกหวั่นใจ มุกดากลืนน้ำลายลงคอ
“คือว่าฉันรู้สึกไม่ดีน่ะ เห็นคุณเงียบ ๆ ไป”
“ฉันก็เงียบตลอด” นั่นสิ เขาก็เงียบอย่างนี้ตลอด มีแต่เธอนี่แหละที่คิดไปเอง “เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม”
“_” เพราะเขาถามย้ำจนเธอสงสัย มุกดาไม่อยากให้เขารู้ ไม่อยากให้เขาไม่พอใจเลยเลือกที่จะโกหก “ได้ยินแต่ไม่เข้าใจค่ะ คุณพูดเป็นภาษาอังกฤษนี่ ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
“จริงเหรอ” เขาไม่รู้ว่าเธอเรียนโรงเรียนสองภาษามา ปรินทร์พยายามไม่ถามไถ่เรื่องของเธอแต่ไหนแต่ไร เขาพยายามหนี หนีมาโดยตลอด จนตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ต้องเผชิญ
“จริงสิ ฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะ ที่มายืนตรงนี้ก็แค่ไม่กล้าเข้าไป แล้วก็รู้ว่าคุณคุยโทรศัพท์อยู่” สิ่งที่หล่อนพูดก็มีเหตุผล น่าเชื่อถือมากเลยทีเดียว
“แล้วมีไร” ถามพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาพิลึก ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อย เขากำลังสงสัยเธออยู่
“กะ ก็แค่ไม่สบายใจ เห็นคุณเงียบ ๆ แปลก ๆ” ปรินทร์มองคนที่ซ่อนแววตาอยู่ เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากับเขา จนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่ปลายคางมน ค่อย ๆ เชยขึ้นให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
“อย่ามาหาผู้ชายกลางดึกอีก” ทว่าคำตอบของเขากลับไม่ตรงกับคำถามของเธอ มุกดากะพริบเปลือกตาปริบ ๆ
“มะ หมายความว่าไงคะ ทะ ทำไมจะมาไม่ได้ ก็ในเมื่อที่นี่ฉันมาบ่อยมาก”
“ไม่เหมือนกัน”
“_”
“ที่นี่ ที่มีฉัน...ไม่เหมือนกัน” ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้
“จ...จะทำอะไรคะ”
“ถ้าไม่ออกไปจะทำแน่” เธอกลืนน้ำลายลงคอ หายใจติดขัดพร้อมกับใจที่เต้นแรงขึ้นมา สบตากับเขาไม่วางตาเลยทีเดียว
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมวันนี้คุณถึงแปลก ๆ เป็นเพราะฉันถามหรือเปล่า ที่ถามว่าทำทำไม ฉันไม่ได้คิดว่าคุณจุ้นเลยนะ”
“ฉันรู้...”
“_”
“กลับได้แล้ว”
“แต่...”
“มุกดา เธอจะทำให้ฉันทนไม่ไหว ฉันไม่อยากให้เรื่องของเราเป็นมากกว่านี้” เขาพูดยาวกว่าที่คิด เป็นประโยคยาวที่ทำให้หัวใจกระตุก เธอรู้สึกหน่วงในอก
“ทำไมคะ ทำไมถึงเป็นมากกว่านี้ไม่ได้”
“_”
“คุณพูดอย่างกับกำลังจะบอกว่าเรื่องของเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไม่ได้” เธอพูดเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย รู้สึกใจหายที่เขาพูดดักทางเธอ ดักทางความรู้สึก ปิดกั้นไม่ให้เธอคิดไปไกล
“ทำไม เธออยากพัฒนาความสัมพันธ์เหรอ”
“_”
“มุกดา”
“เอ่อ...ฉันรู้สึก อึก แปลก ๆ” ฝ่ามือน้อย ๆ กำกางเกงขาสั้นไว้แน่น เธอรู้สึกหวั่นไหวกับเขามากเลยทีเดียว
“แปลก?” เขาถามจี้เธอราวกับจะเอาคำตอบให้ได้ ส่วนคนที่โดนต้อนก็หวั่นใจ กลัวความสัมพันธ์ตอนนี้เปลี่ยนไป
“คือว่า ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน แต่ดูแล้วคุณก็ชอบฉันหรือเปล่า” เธอกลั้นใจเอ่ยพูดออกไป มุกดากลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับลุ้นกับคำตอบของเขา
...ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ ผ่านริมฝีปากหนา ยอมรับว่าหัวใจตัวเองนั้นร่ำร้องไม่ต่างจากเธอ แต่มีบางอย่างที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา ถ้าวันนั้นเธอเกิดรู้ขึ้นมา บอกตามตรงว่าเขาทำใจไม่ได้หรอก
“เปล่า”
“คะ?” มุกดาสะอึกในทันที เป็นคำเดียวที่เล่นเอาจุกอก
“เธอเป็นลูกน้องของฉัน เราคบกันไม่ได้หรอก” เหตุผลของเขานั้นช่างสิ้นคิด สมภารไม่กินไก่วัดงั้นเหรอ ทำไมเป็นนายจ้าง ลูกจ้างแล้วจะคบกันไม่ได้
“คุณอายเหรอ คุณอายถ้าเราจะคบกันเหรอ” หรือเพราะเธอจน หรือเพราะฐานะต่างกัน มุกดาคิดวุ่นไม่หยุด พร้อมกับน้ำตาคลอรอบดวงตา
“เปล่า เธอกลับไปเถอะ”
“ฮึก แล้วทำไมต้องทำดีด้วย!” อยู่ ๆ ก็โพล่งเสียงออกมา ไม่ได้อยากเป็นคนงี่เง่า แต่การกระทำของเขามันทำให้เธอคิดไปไกลมากจริง ๆ
...ชายหนุ่มเพียงแค่มองใบหน้าเปื้อนน้ำตานี้ อยากรั้งเธอมากอดแน่น ๆ แต่ก็คงทำไม่ได้ ก่อนที่เขาจะกลั้นใจเอ่ยพูดบางอย่างออกไป
“ถ้างั้น...เราก็ห่างกันสักพักก็ได้”
“หา...”
“ถ้าสิ่งที่ฉันทำ ทำให้เธอคิดไปไกลเกินเจ้านายลูกน้อง เราก็ห่างกันสักพัก”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ แบบว่าพอเรารู้สึกดีกับใครคนนั้น แล้วเขามาบอกให้หยุด ให้ห่างแบบนี้ ฮึก มันง่ายมากมั้ง” เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา “มาทำดีด้วย มาใจดี มาทำให้หวั่นไหว พูดสองแง่สองง่าม มาทำให้ฉันรู้สึก ฮึก ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้”
“_” คนตัวเล็กฟูมฟายอย่างหนัก เดือนกว่าที่อยู่ใกล้ชิดอิงแอบ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่หวั่นไหว แต่เขาคบกับเธอไม่ได้จริง ๆ
“เจ้านายไม่เอากับลูกน้องงั้นเหรอ ฮึก งั้นฉันไม่ทำงานแล้วได้ไหม” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง แต่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากลับส่ายหน้าเบา ๆ
“กลับเถอะ ฉันจะโทรบอกพ่อเธอ”
“ไม่!”
“มุกดา” เธอโกรธเขา โกรธที่มาทำดี มาทำให้รู้สึกดี แต่กลับบอกไม่ได้คิดอะไร คบกันไม่ได้
“ฮึก ฮือ~ ฉันไม่เคยอกหักเลย เจ็บมาก” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง “ตะ แต่ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอหรอกนะ อึก ไม่รักก็ไม่ต้องมารัก แล้วก็อย่ามาง้อด้วย”
“_”
“ไม่ต้องมาง้อ!” เธอย้ำประโยคเดิม ไม่ได้ต้องการบอกเขา แต่บอกตัวเองว่าอย่ามาง้อเขาอีก
...มุกดาสบตากับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะหมุนตัวเดินหนี โดยที่มีฝ่ามือหนาเอื้อมตาม แต่เขาก็ไม่ได้กระชากตัวเธอเข้าหา เพียงแค่ยกมือค้างไว้อย่างนั้น...
เจ้าของร่างบางปั่นจักรยานกลับด้วยความรวดเร็ว เธอปั่นไม่หยุดพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก พูดออกมาได้ว่าคบกันไม่ได้ ข้ออ้างอย่างนั้นเอามาเล่นกับความรู้สึกของเธอได้อย่างไรกัน
“ฮึก...ฮือ~” พอปั่นมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง เธอก็เปล่งเสียงร้องไห้ออกมาสุดเสียง ไม่ได้มองเลยว่าคนเป็นพ่อมายืนรอหน้าบ้าน ตอนนี้จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียด้วยซ้ำ
“มุก” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อรีบเงยหน้าขึ้นมอง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ
“พ่อเติ้ล ฮึก มะ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
“เป็นอะไร ใครทำอะไรลูก”
“ไม่มีอะไรคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรเลย ฮ่า ๆ” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน ลูกสาวเคยร้องไห้เมื่อไรกัน ใครต่างก็รู้ว่ามุกดาสดใสแค่ไหน
“มุก บอกพ่อมาสิ หรือคุณปริมทำอะไร” คนเป็นพ่อขยับเข้าหา ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ก็รักเหมือนลูก เห็นเธอร้องไห้ก็ยิ่งเสียใจตามไปด้วย หัวใจของคนเป็นพ่อเจ็บระบม
“เขาไม่ได้ทำอะไรค่ะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“อกหักเหรอ” แม้นว่าลูกสาวจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนั้นดูออก แถมที่ผ่านมาทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกสาวรู้สึกอย่างไรกับคนเป็นนาย
“คือหนู...หนูชอบเขา” ว่าแล้วก็โผเข้ากอดเอวคนเป็นพ่อ มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาทำดีกับเธอมาตลอด
“พ่อเข้าใจหนูนะ” และก็เข้าใจคุณปริมด้วย ประโยคหลัง ไตเติ้ลไม่ได้เอ่ยพูดออกมาให้คนเป็นลูกได้ยิน บางอย่างมุกดาก็ไม่ควรรู้ และไม่ต้องรู้ไปตลอดชีวิต
“เขาทำดีกับหนู ฮึก ทำให้หนูคิดไปเองว่าเขาชอบ”
“_”
“ตะ แต่ว่าต่อไปหนูจะไม่คิดถึงเขาแล้ว”
“ดีแล้วล่ะ เราทำใจแล้วก็ออกห่างให้ได้มากที่สุดนะ” น้ำเสียงของคนเป็นพ่อทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง
“ทำไมคะ อึก หรือพ่อจะบอกเหมือนเขาว่าเราคบกันไม่ได้เพราะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง”
“คุณปริมบอกอย่างนี้เหรอ”
“อึก ใช่ค่ะ เขาบอกว่าเราคบกันไม่ได้เพราะเราเป็นเจ้านายลูกน้อง”
“_” คนเป็นพ่อไม่ตอบ เขารู้ว่านี่ก็เป็นข้ออ้าง ข้ออ้างที่จะตัดสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่ให้บานปลาย
“หนูไม่อยากทำงานแล้ว ถ้าหนูไม่ทำงานก็คงได้คบกับเขา เราไม่ใช่เจ้านายลูกน้องแล้ว เขาอบอุ่นใจดี หนูชอบเขา” เธอฟูมฟายออกมาไม่หยุด แม้นจะเป็นระยะเวลาแค่เดือนกว่า แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวมากเลยทีเดียว
“ถึงจะไม่ได้ทำงาน แต่ก็ไม่ได้คบหรอก”
“ทำไมคะ อึก ทำไมถึงคบกันไม่ได้” น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ทำไมทุกถ้อยคำที่คนเป็นพ่อเอื้อนเอ่ยถึงเต็มไปด้วยช่องว่างให้เธอสงสัย
“เอาเป็นว่าเชื่อพ่อนะ ทำงานตามหน้าที่ เอาใจออกให้ห่าง แล้วรักตัวเองให้มาก ๆ” มุกดาไม่อยากตอบรับเลย แต่มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเธอ...