จัสมินกลับมาทำงานปกติหลังจากที่ลาหยุดไปหนึ่งวัน บวกกับต่อจากวันลาคือวันหยุดของเธอด้วย ทำให้เธอไม่ต้องเข้ามาที่คลับสองวันติด
“ไหล่แกไปโดนอะไรมาน่ะมิน” มุกหมวยถามอย่างสงสัยที่เห็นรอยแผลจางๆ บนไหล่ของเพื่อน แม้จะแผลเล็กแต่ด้วยผิวกายที่ขาวผ่องอมชมพูของจัสมินทำให้มองเห็นได้โดยไม่ต้องสังเกต
“นี่น่ะเหรอ…” จัสมินลูบเบาๆ ที่รอยบนไหล่ตัวเอง จะให้ตอบว่าเป็นรอยที่ถูกไนต์กัดมาก็คงไม่ดีเท่าไหร่ “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ”
“อุบัติเหตุจากอะไรกัน”
“แล้วแกจะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย”
“ก็คนมันสงสัย เห็นลาหยุดก่อนวันหยุดตัวเอง แถมยังลาช่วงที่คุณไนต์กลับมาด้วย ไม่ใช่ว่ารอยนั่น… นี่! คุณไนต์คงไม่ได้ซ้อมแกจนช้ำใช่ไหมจัสมิน!” มุกหมวยร่ายยาว ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างคนตกใจในความคิดของตัวเองที่คิดไปไกลว่ารอยแผลบนไหล่เพื่อนนั้นอาจจะมาจากการถูกซ้อม
“นี่แกเบาๆ สิ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินก็เข้าใจผิดหมดหรอก”
“ก็จังหวะมันเหมาะเจาะพอดีนี่นา”
“มันไม่มีอะไร แค่อุบัติเหตุจริงๆ” จัสมินรีบพูดตัดบทแล้วหันไปแต่งหน้าต่อเพื่อหยุดหัวข้อสนทนานี้
ก็อย่างที่ว่าจะให้เธอบอกไปตรงๆ ได้อย่างไรว่านี่คือรอยที่ถูกไนต์กัดมา เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ในสถานการณ์ที่สถานะเป็นแค่ของเล่นแบบนี้ ใช้คำโกหกน่าจะดีกว่าตอบไปตามตรง
เมื่อถึงเวลาที่คลับเปิดให้บริการทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองตามปกติเหมือนทุกวัน
จัสมินยังคงเลือกสวมชุดสีดำเหมือนเดิม แต่ดีเทลของชุดเธอในคืนนี้เป็นแบบแขนยาวหนึ่งข้างเว้าช่วงเอวคอดทั้งสองด้าน ที่เธอเลือกชุดนี้ก็เพื่อจะใช้ปกปิดรอยแผลที่ไหล่ไม่ให้ใครเห็น
“ทำไมกลับเร็วจังเลยล่ะคะ เพิ่งจะเที่ยงคืนเองนะ” จัสมินเอ่ยถามลูกค้าที่ตัวเองบริการด้วยน้ำเสียงที่ดูมีจริตอย่างออดอ้อน
“อยากให้ผมอยู่ต่องั้นเหรอครับ” ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“แล้วได้มั้ยล่ะคะ?”
“น่าเสียดายที่ผมต้องบอกว่าไม่ได้ เอาไว้ว่างๆ จากงานจะมาบ่อยๆ นะครับ”
“งั้นหมดแก้วนี้ก่อนนะคะ ดื่มไม่หมดจัสไม่ให้กลับนะ” เสียงอ่อนเสียงหวานของจัสมินดังขึ้นอีกครั้ง
แก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งชงเสร็จถูกยกขึ้นไปจรดริมฝีปากของลูกค้าที่เธอบริการอยู่ ยกป้อนจนหมดแก้วในรวดเดียว ก่อนที่ลูกค้าของเธอและเพื่อนที่มาด้วยกันจะลุกเดินออกไปหลังจากที่ดื่มหมด
หลังจากที่ส่งลูกค้าเสร็จ จัสมินเดินหลบมาที่ด้านหลังที่ที่เป็นพื้นที่สำหรับพนักงานของคลับ เพื่อที่จะพักหายใจหายคอ เพราะยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าที่คลับจะปิด แต่ช่วงดึกๆ แบบนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นแทบจะร้อยเปอร์เซ็น ทำให้การบริการไม่ได้มีอะไรมาก แค่นั่งดื่มพูดคุยกันปกติเหมือนว่าเป็นเพื่อนกัน ซึ่งเธอชอบเวลาช่วงนี้ที่สุด เพราะไม่ต้องคอยนั่งยิ้มหวานพูดจาเสียงสองเสียงสามให้เมื่อย
หมับ!
“อ้ะ…!”
จัสมินส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ ร่างกายของเธอก็ถูกใครบางคนที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงเข้ากับผนัง แม้ว่าแรงเหวี่ยงจะไม่ได้แรงจนทำให้รู้สึกเจ็บ แต่ก็ตกใจไม่น้อยที่เจอแบบนี้
“คุณ…” เมื่อเห็นว่าคนที่จับตัวเองเหวี่ยงเข้าผนังเป็นใคร ความตกใจก่อนหน้าก็หายไปทันที “มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“นั่นควรจะเป็นคำถามของฉัน” ไนต์ตอบกลับเสียงเรียบ ใช้สายตาคมมองสำรวจคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงแสงไฟตรงนี้จะไม่มากพแ แต่ความมืดก็ไม่อาจบดบังความน่าดึงดูดของเธอได้
“ฉันแค่ออกมาพักค่ะ เดี๋ยวก็กลับเข้าไป…”
“ไม่ต้อง”
“คะ?” จัสมินทำหน้างง ที่ได้ยินคนตัวสูงพูดแทรกมาทั้งที่เธอยังพูดไม่ทันจบ
“ขึ้นไปที่ห้องวีไอพี”
“ห้องวีไอพี… วีไอพีไหนคะ”
“หนึ่ง”
จัสมินพยักหน้ารับ เตรียมจะเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อขึ้นไปที่ห้องวีไอพีหมายเลขหนึ่งตามที่เจ้าของคลับบอกมา แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อคนตัวสูงยกมือขึ้นดันผนังไว้ไม่ยอมให้เธอได้เดินออกไปง่ายๆ
ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบตาคมที่มองมานิ่งๆ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่บนใบหน้า เพราะระยะห่างของใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ สัมผัสที่เย็นเฉียบจากมือหนาที่จับเข้าที่เอวคอดของเธอแล้วลูบไล้เบาๆ ทำเอารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน แต่ไม่นานเขาก็ยอมผละออกห่างโดยไม่พูดอะไร
“ฉันไปได้รึยังคะ”
“อืม”
เมื่อได้ยินเสียงขานรับในลำคอดังขึ้นสั้นๆ เธอก็รีบหมุนตัวเดินออกไปทันที แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก หันกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง ที่ตอนนี้มีคนตัวสูงเดินตามมาติดๆ
“มีอะไร” ไนต์เลิกคิ้วถามเสียงเรียบ
“เปล่าค่ะ”
จัสมินหันกลับมาก้าวเดินต่อ ตรงไปที่บันไดทางขึ้นไปยังห้องวีไอพี รู้สึกว่าเธอจะกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าพนักงานเสิร์ฟที่เดินสวนกันไปมา เพราะที่ด้านหลังของเธอนั้นมีเจ้าของคลับเดินตามหลังมาติดๆ เขาไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากเธอด้วยซ้ำ
พอมาถึงชั้นสองที่เป็นโซนห้องวีไอพีก็นึกว่าไนต์จะเดินต่อไปที่ชั้นสามที่เป็นห้องทำงานของเขา แต่ทว่าเขากลับเดินตามเธอมาจนถึงที่หน้าห้องวีไอพีหมายเลขหนึ่ง
“ใครอยู่ด้านในเหรอคะ”
“ไม่มี”
“คะ?”
“ไม่มีใคร เข้าไปได้แล้ว” พูดจบไนต์ก็เอื้อมมือเปิดประตูเดินนำเข้าไปก่อน
จัสมินได้แต่มองตามเข้าไปก่อนจะรีบก้าวตาม ภายในห้องนั้นไม่มีใครอยู่อย่างที่เขาว่าจริงๆ
เมื่อประเมินสถานการณ์เสร็จก็เดินเข้าไปหาคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว เตรียมจะทิ้งตัวลงนั่งบนตักเขา แต่ทว่าก็ถูกคนตัวสูงยกมือกันไว้
“ไปนั่งที่อื่น”
“คะ?”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้มีกลิ่นคนอื่นบนตัวเธอ”
“แล้วแบบนี้ฉันจะยังได้ค่าแรงเต็มมั้ยคะ” เมื่อรู้เหตุผลก็รีบถอยห่างออกมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะทักท้วงเรื่องค่าจ้าง เพราะการที่เขาเรียกเธอมาในเวลางานแบบนี้เธอต้องเสียรายได้จากทิปที่อาจจะได้เพิ่มจากลูกค้า แม้ว่าอยู่กับเขาจะได้มากกว่านั้นก็ตาม
ไนต์ชะงักมือที่กำลังจะรินไวน์ใส่ในแก้ว เงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็กที่เพิ่งจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ฉันเปิดห้องในฐานะลูกค้า”
“ไม่เห็นต้องทำอะไรแบบนี้เลยนี่คะ ปกติก่อนเลิกงานถ้าอยากเจอคุณก็ให้คนมาบอกฉันไว้อยู่แล้ว” คำตอบของคนตัวสูงชวนให้คิ้วขมวด ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาเปิดห้องวีไอพีแล้วเรียกเธอขึ้นมาทั้งที่บนตัวของเธอมีกลิ่นน้ำหอมของคนอื่นติดอยู่แบบนี้ทำไม ทำไมเขาไม่รอให้เธอเลิกงานแล้วเรียกขึ้นไปที่ห้องทำงานทีเดียว จะได้อาบน้ำไม่ให้มีกลิ่นคนอื่นติดตัว
“นานเกินไป”
“คะ?”
“เลิกสงสัยแล้วนั่งเงียบๆ ไปจนเลิกงานก็พอ” เขาทนรอให้คนอื่นนั่งลูบเอวคอดของเธอต่อไม่ไหว ยิ่งชุดที่เธอใส่อยู่เว้าช่วงเอวยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด เพราะนั่นจะเท่ากับการที่เธอถูกจับโดยตรงไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น
จัสมินทำตามที่ถูกสั่งคือการนั่งเงียบๆ คิดดูแล้วก็ดีเหมือนกันที่เธอไม่ต้องไปนั่งดื่มบริการลูกค้าต่อ แต่เรื่องที่ให้เลิกสงสัยก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ
มือหนายกแก้วไวน์ขึ้นจิบ สายตาคมมองตามเรียวขาสวยของคนตรงข้ามตวัดขึ้นไขว่ห้างจนกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วรั้งขึ้นสูงแทบไม่ปิดอะไร แก้วไวน์ที่ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากถูกกระดกรวดเดียวจนหมด เพื่ออาศัยจังหวะการกลืนไวน์ลงคอกลบเกลื่อนการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
ริมฝีปากอวบอิ่มแอบยกยิ้ม เมื่อเห็นสายตาคมของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามจ้องมองที่ต้นขาของเธอไม่วางตา นั่นทำให้เธอแกล้งขยับตัว ยกขาที่เพิ่งไขว่ห้างลงแล้วสลับอีกข้างยกขึ้นทับกันแทน ก่อนจะได้ยินเสียงเข้มดังมาจากคนตัวสูง
“อย่ายั่ว”