Chapter 2 เขาทำเพื่อแม่

1093 คำ
ในตอนที่คุณนายขอให้ไอศูรย์แต่งงานกับเธอ และจดทะเบียนด้วย ชายหนุ่มตอบรับทันที ใบข้าวก็ประหลาดใจว่าเป็นเพราะอะไร ที่จริงเขาอยากทำให้คุณแม่ของเขาสมหวังก่อนตายเท่านั้น เพราะคุณพ่อได้บอกกับไอศูรย์แล้วว่า คุณนายผดุงรัตน์น่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าทำอะไรเพื่อแม่ได้ คนเป็นลูกอย่างเขาก็ควรทำ เมื่อได้จดทะเบียนเป็นเมียของเขา คุณนายก็ได้แต่เฝ้าถามใบข้าวว่า... “เมื่อไรจะท้องเสียทีหนูข้าว” เธอก็อยากจะบอกท่านจริง ๆ ว่าตั้งแต่ได้ชื่อว่าเป็นเมียตีตรา ไอศูรย์ยังไม่แตะต้องตัวเธอเลย เอาเรื่องจริงมาพูด ใบข้าว... เธอไม่ได้ฝันเฟื่องและอยากเป็นเมียของไอศูรย์หรอก แต่ทว่าใบข้าวก็อยากจะทำเพื่อคนป่วยอย่างคุณนาย ที่ทุกข์ทรมานกับโรคที่เป็นให้มีความสุขบ้างเท่านั้น อนึ่งเธอก็หลงในรูปร่างหน้าตาของไอศูรย์ ก็หล่อราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่น เธอมารู้ที่หลังว่า ไอศูรย์เป็นลูกครึ่ง พ่อของเขาที่จากไปเมื่อสองปีก่อน เป็นถึงลูกสุลต่านของเมืองหนึ่งในดูไบที่ร่ำรวยขั้นมหาเศรษฐี แต่พอสามีเสียชีวิต คุณนายจึงกลับมาที่บ้านเกิด คือจังหวัดเชียงราย และมาขอใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ ทว่าเวลาที่จะมีความสุขของท่านก็ช่างแสนสั้นเหลือเกิน ตอนนั้นคุณนายผดุงรัตน์ป่วยหนักและกำลังจะจากไป แม้จะมีเงินทองกองท่วมฟ้า ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ มะเร็งที่มีอยู่ในร่างกายของท่านเริ่มลุกลาม การยื้อยุดชีวิตจากน้ำมือของหมอ ก็ทำให้คุณนายอยู่ต่อได้ถึงสามปี สองปีแรกเธอได้อยู่ดูแลท่าน ปีที่สามเธอได้แต่งงานจดทะเบียนกับเขา และหลังจากที่คุณนายเสียเธอก็ยังคงอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกสักพัก ก่อนที่จะหย่าขาดจากกัน ในตอนนั้นเอง วิชัยหรือว่าเปี๊ยกเด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบที่เธอให้ลูกชายไปเล่นด้วย เปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน “น้าข้าวครับ น้าข้าว แย่แล้ว แย่แล้ว” เปี๊ยกหน้าตาตื่นเลยทีเดียว ใบข้าวถึงถลันเข้าไปหา เปี๊ยกยืนหอบแฮก ๆ หน้าซีดจางไปหมด “มีอะไร” “น่านฟ้าครับ หกล้ม แล้วเห็นอะไรขาว ๆ ด้วย” “หา! แผลลึกมากเลยเหรอ” คิดว่าคงจะเห็นไปถึงชั้นไขมันแล้ว “ครับ เลือดท่วมเลย ฮือ…” เปี๊ยกคงจะสงสารน้องมาก และรู้สึกเจ็บแทน “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” “พ่อพาไปอนามัยแล้วครับ” ถึงตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็ยังเรียกอนามัยอยู่ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลชุมชนแล้วก็ตาม ในเวลาต่อมา “ซนจนได้เรื่องนะเรา” ใบข้าวโอบกอดน่านฟ้า โดยไม่ดุด่าสักคำ เธอสงสารลูกน้อยจับใจ แผลแตกที่หัวเข่าเย็บไปตั้งสิบสองเข็ม หน้าตาของเด็กชายซีดเผือด ทั้งกลัวแม่จะดุด่า และทั้งเจ็บเจียนขาดใจ ดวงตาละห้อยมองแม่แบบขอโทษ “มันก็ซนตามประสา แต่ว่าพี่ต้องขอโทษด้วย ไม่ทันได้ดูมัน ถ้าเห็นมันเล่นเสี่ยง ๆ ขึ้นไปบนยุ้งข้าวและกระโดดลงมา เฮ้อ… แต่ทำไม ๆ ไม่ยักกะเห็นหรือก้อนหินฮึ” พิชัยพ่อของเปี๊ยกยกมือขึ้นขยี้หัวของน่านฟ้า “ลุงครับ ถ้าน่านเห็นจะกระโดดลงมาใส่ก้อนหินทำไม จริงไหมล่ะ” น่านฟ้ายังมีแรงเถียง เล่นเอาทุกคนตรงนั้นถึงกับหัวเราะออกมา “ให้มาล้างแผลทุกวันนะ เดี๋ยวจะติดเชื้อได้ และอย่าเล่นซนจนเอาแผลไปคลุกฝุ่นล่ะ” คุณหมอสุนทรีบอก “ขอบคุณนะคะหมอ” “ห้ามซนอย่างนี้อีกล่ะ” ใบข้าวกำกับกับลูกชายของตนอีกครั้ง “เข็ดแล้วครับ” คนที่ตอบคือเปี๊ยกเอง “ฮึ… เอ็งนั่นแหละตัวดี ตัวนำน้องดีนัก เดี๋ยว ๆ ไปถึงบ้านก่อน พ่อจะชำระโทษเอ็ง” พ่อทำท่าจะเพียะเข้าให้ ชี้หน้าปรามาสเขาเอาไว้แล้ว แต่เปี๊ยกรีบเข้าสวมกอดที่เอวพ่ออย่างแน่นขนัด “ต่อไปเปี๊ยกจะไม่เล่นอะไรแผลง ๆ อีกแล้วครับ เนอะน่านเนอะ” หันไปพยักพเยิดกับน้อง “ครับ” สองคนพยักพเยิด เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “นี่ขนาดเจ็บตัวกันน่ะ” แม่ทำหน้าดุขึ้นมานิดหน่อย “เป็นลูกคู่กันดีจริง ๆ ดีนะที่อวัยวะยังอยู่ครบ นี่ถ้าหากขาหักละก็ จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยแหละรู้ไหม? เฮ้อ­... ได้ลำบากกันหมดทุกคน ภาระ” ลุงพิชัยดุทั้งสองคน เอาเป็นว่าที่ดุด่าก็เพราะเป็นห่วงนั่นแหละ ใบข้าวโล่งอกที่ลูกชายแข้งขาไม่หัก เธอจึงได้แต่เช็ดน้ำตาให้ลูก “ลูกผู้ชายใครร้องไห้กัน” “น่านนี่แหละครับ” ทำให้ทุกคนได้หัวเราะกันอีกหนึ่งกรุบ “ไปรับยาแก้ปวดและแก้อักเสบไปกิน คืนนี้แหละจะต้องได้เรื่องแน่ ๆ” หมอสุนทรีพูดอีก จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แผลสดไม่เจ็บหรอก แต่ตอนที่แผลเริ่มแห้งและงวดรัดเข้า มีได้โอดครวญเพราะทั้งเจ็บและก็ทั้งคัน บ่นอุบว่าเข็ดหลาบแล้ว บ้านไอศูรย์ ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่อยู่ในเนื้อที่มากกว่าห้าสิบไร่ ภายในห้องรับแขกตกแต่งด้วยสไตล์ทันสมัย ซึ่งเป็นการปรับตกแต่งขึ้นมาใหม่ หญิงสาวรูปร่างสมส่วนนั่งหน้าเคร่งเครียด ณธิชากำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนของเธอทางมือถือ หัวคิ้วขมวดแข็งเข้าหากัน “ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ฉันอยู่เป็นนางบำเรอบนเตียงกับเขาก็หลายปี แต่เขาไม่มีทีท่าจะขอฉันแต่งงาน แม้ว่าฉันจะขอร้องก็แล้ว พูดอ้อนวอนก็แล้ว อ้อม ๆ อะไรทุกอย่างฉันทำมาหมดแล้ว” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงปลอบโยน และก็เห็นใจเพื่อนของเธอมาก (“รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไปล่ะเธอ ชาช่า… เธอก็รอมาหลายปีแล้วนะ”) “จะบ้าไหม ให้รอ ให้รอ ให้รอ แล้วเมื่อไร ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ มันเบื่อ และไม่มีอิสระอะไรเลย หกปีกว่าแล้ว” เพิ่งจะมาคิดได้เอาปีนี้ มันมีกินมีใช้ สุขสบาย ได้เที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่มีอิสระ และไม่ได้มีเกียรติอะไร เพราะไอศูรย์ไม่ได้ให้ (“ชาช่าทำไมเธอไม่ปล่อยให้ท้อง”) >>><<<
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม