พี่อินแจชวนฉันกลับคอนโด แล้วจะกลับยังไงล่ะ ขาก็ยังเจ็บ
“พี่กลับก่อนก็ได้ค่ะ ขนมขอรอเพื่อนก่อน” ฉันก้มหน้ามองพื้นขณะที่เอ่ยกับเขา
คงทำได้แค่นั่งรอให้เพื่อนรักเรียนเสร็จ แล้วให้เธอขับรถของฉันกลับไปด้วยกัน แล้วค่อยให้พี่ณัฐไปรับณิชาที่คอนโดอีกที
“รอ รอทำไม ขาเจ็บก็กลับไปพักที่ห้องสิ ไม่เข้าเรียนแล้วนี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมองหน้าสงสัย ฉันก็อยากกลับอยู่หรอก แต่ขายังเจ็บอยู่คงขับรถกลับเองไม่ได้
“ก็ขนมขับรถไม่ได้นี่คะ เจ็บขา” พูดพลางช้อนดวงตาที่หมองเศร้าขึ้นจ้องใบหน้านิ่งเรียบขณะที่เขาก็จ้องมองฉันอยู่เช่นกัน
“ไปกับพี่” ไม่พูดเปล่าพี่อินแจลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วอุ้มฉันขึ้นทันที
ตึกตัก ตึกตัก ด้วยความเร็วของคนตัวสูงที่อุ้มฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นแรงโครมครามดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง
“พี่อินแจ ปล่อยขนมลงค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเบา ตอนนี้แทบไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ เล่นแบบนี้เป็นใครก็ทำตัวไม่ถูก โอปป้าทำแบบนี้ยัยขนมก็เขินเป็นนะคะ
“ไม่ต้องพูดมาก” น้ำเสียงดุที่เอ่ยมาพร้อมกับใบหน้านิ่งเรียบ ทำให้ฉันหุบปากลงในทันทีไม่กล้าพูดต่อ ตอนนี้เขาอยู่ในโหมดโหดแต่หน้าหล่อ
เอาวะ อยากอุ้มก็อุ้มเลยค่ะอินแจโอปป้า ขนมขอเอาหน้ามุดเข้าหาอกอุ่นของพี่อินแจก่อนละกัน ขนาดตอนมาคนยังมองกันขนาดนั้น ขากลับก็ยังจะอุ้มในท่าเดิมอีก อยากมีแฟนที่เป็นรุ่นพี่สุดฮอตก็ต้องทำใจนะยัยขนม
พี่อินแจอุ้มฉันตรงมาที่ลานจอดรถ พอมาถึงรถสปอร์ตคันสีแดงแวววับที่จอดอยู่ เขาก็เปิดประตูด้วยมือข้างเดียวและวางคนที่ถูกอุ้มลงที่เบาะข้างคนขับอย่างเบามือ
“พี่อินแจคะ แล้วรถของขนมล่ะคะ” คนที่นั่งในรถถามออกไปเพราะถ้านั่งรถไปกับเขาจริงๆ แล้วรถฉันจะทำยังไงล่ะ
ณิชาก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันจะกลับแล้ว แล้วใครจะขับรถไปให้ล่ะ เฮ้อ ทำไมถึงเป็นคนคิดเยอะแบบนี้เนี่ย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะดีใจจนเนื้อเต้นไปแล้วที่ได้กลับพร้อมกับพี่อินแจ
“เดี๋ยวให้องศามาขับไปให้” เจ้าของรถหรูว่าพลางยกโทรศัพท์กดโทรออกหาเพื่อนของเขา ผ่านไปไม่นานพี่องศากับพี่ไอดินก็เดินเข้ามาหาพร้อมกัน
“น้องขนมเป็นอะไรครับ” เสียงของพี่ไอดินเอ่ยทักฉันเป็นคนแรกทันทีที่พวกเขามาถึง
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบเลี่ยงว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะไม่อยากให้ใครรับรู้สาเหตุที่แท้จริง
“เดี๋ยวมึงขับรถขนมไปไว้ที่คอนโดกูด้วยนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับพี่องศา คนภายนอกฟังแล้วอาจจะดูเหมือนออกคำสั่ง แต่ความจริงแล้วพวกเขาจะคุยกันแบบห้วน ๆ กันอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ
“คอนโดมึง” สองเสียงดังประสานขึ้นพร้อมกัน พี่ไอดินกับพี่องศาจ้องพี่อินแจด้วยความสงสัย
“พวกมึงเลิกมองกูได้ละ เธอพักอยู่ที่เดียวกับกูเว้ย” พี่อินแจขมวดคิ้วตอบปัดอย่างรำคาญที่ทั้งสองคนนั้นจดจ้องเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“เฮ้อ โล่งอก กูก็นึกว่ามึงกับน้องขนมอยู่ด้วยกัน” ประโยคนี้เป็นพี่ไอดินที่เอ่ยขึ้นมา พลางลอบมองมาทางฉันแล้วคลี่ยิ้มให้
“พวกกูแค่อยู่ข้างห้องกัน แล้วมึงก็มีสาวในสต๊อกอยู่แล้วนี่ ยุ่งอะไรกับเธออีก” พี่อินแจดูหัวเสียขึ้นมาทันทีที่พี่ไอดินบอกว่าโล่งอก ฉันก็งงเหมือนกันคำว่า ‘โล่งอก’ ของเขามันหมายความว่าอย่างไร
“หวงเหรอวะ”
“ใครหวง”
“ก็มึงไง”
“เลิกเถียงกันได้แล้วเว้ย เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับกันพอดี เอากุญแจรถมา” พี่องศารีบเอ่ยท้วงขึ้นเพื่อให้สองคนนั้นเลิกต่อล้อต่อเถียงกันเสียที พร้อมกับยื่นมือมาขอกุญแจรถ
เห็นดังนั้นฉันจึงหยิบกุญแจที่อยู่ในกระเป๋าส่งให้กับพี่อินแจทันทีที่เขายื่นมือมา
“ขอบคุณนะคะพี่องศา ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน” ฉันพูดพลางเอียงหน้ามองไปทางพี่องศาและพี่ไอดินพร้อมกับยิ้มให้ รู้สึกผิดนิดๆ แฮะที่รบกวน
“ไม่เป็นไรครับน้องขนม ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้พี่กับไอดินมาด้วยกัน ขับรถไปให้แค่นี้เอง สบายมาก” พี่องศาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขาคงจะเป็นคนที่ดูสุขุมและอ่อนโยนที่สุดในกลุ่มแล้วล่ะเท่าที่ฉันสัมผัสได้จากการพูดคุยกัน
“พูดมาก” คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างรถเอ่ยท้วงขึ้นพร้อมกับปิดประตูรถใส่หน้าฉันทันที
อะไรของของโอปป้าอีกเนี่ย โกรธอะไรขนมอะ เขาเป็นแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่อินแจไม่ชอบให้คุยกับเพื่อนเขาทั้งสอง เวลาที่คุยกับพี่ไอดินกับพี่องศาทีไรดูเหมือนเขาจะหัวเสียใส่ตลอด
รถสปอร์ตราคาหลักล้านก็เคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่มีรถอีกสองคันขับตามหลังมาติดๆ
จากเมื่อกี้ที่ฉันฟังพวกพี่เขาคุยกัน หรือเรียกว่าเถียงกันมากกว่า ทำให้รู้สึกว่าพี่ไอดินพยายามเอ่ยถึงฉันให้พี่อินแจโมโห หรือว่าเขาจะแอบชอบขนมตัวเล็กน่ารักคนนี้แล้วนะ ‘อร๊าย’ ขอกรี๊ดในใจดังๆ ขอมโนไปก่อนแล้วกัน แต่ก็อยากให้มันเป็นจริงไวๆ
…..
@คอนโด
.
เมื่อมาถึงคอนโด รถทั้งสามคันก็ขับเข้ามาจอดเรียงกันที่ลานจอดรถอย่างพร้อมเพรียง ฉันกะจะเปิดประตูลงเองแต่พี่อินแจลงจากรถเดินมาอย่างไว แล้วเอาตัวเข้ามาขวางหน้าเอาไว้ก่อนที่จะก้าวขาลง
“ไม่ต้องเดิน” เสียงเข้มเอ่ยออกคำสั่ง เลื่อนแขนมาอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิงอีกครั้ง พร้อมกับสายตาอีกสองคู่ที่จ้องมาทางพวกเราแล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ส่วนพี่อินแจกลับไม่ได้สนใจอะไรเลยเดินเข้าไปในคอนโดและตรงไปกดรอลิฟต์ลงมาชั้นล่างอย่างใจเย็น
“พี่อินแจคะ ขนมเดินเองได้ค่ะ ปล่อยขนมลงก่อน เพื่อนพี่มองอยู่” รอบนี้ฉันเขินจริงจังแล้วนะ จะมาทำให้ใจเต้นแรงแบบนี้ไม่ได้นะคะอินแจโอปป้า เอะอะก็อุ้มแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่ยอมให้ปล่อยลงแล้วนะ
“อายทำไม ไม่ต้องพูดมาก หนัก” ฮะ ‘หนัก’ ไอ้พี่อินแจบ้ามาหาว่าฉันหนัก น้ำหนักก็แค่ 45 กิโลเอง ตัวก็เล็กแค่นี้เอาอะไรมาหนักไม่ทราบ
“ถ้าหนักก็วางลงเลยค่ะไม่ต้องอุ้ม” จะนอยด์แล้วนะ ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแต่ทว่าเขากลับไม่มีท่าทีที่จะวางฉันลงง่ายๆ
หึ แล้วก็มาว่าให้ฉันหนัก ทีบอกให้ปล่อยก็ไม่ยอมปล่อย คนปากไม่ตรงกับใจ
“อย่าดิ้น” สายตาดุดันจ้องฉันกลับ ทำเอาคนโดนอุ้มไม่กล้าหือและหยุดดิ้นไปเลยทีเดียว
“กูว่าไอ้อินแจมันแปลกว่ะ”
“แปลกอะไรของมึง”
“มึงก็ดูข้างหน้าเราดิวะ มึงเคยเห็นมันทำแบบนี้กับใครบ้าง”
“เออว่ะ หรือว่ามันแม่งจะ…”
“อืม กูว่าใช่ มึงคอยดูต่อไปก็แล้วกัน กูอยากจะรู้นักว่าไอ้ที่คอยพูดมาตลอดว่ากลัวการมีความรัก ไม่อยากคบใครเนี่ย มันจะทำได้อย่างที่เคยพูดเอาไว้รึเปล่า”
“กูว่าพวกเราเตรียมฉลองได้เลยว่ะ กูว่ามันกลืนน้ำลายตัวเองชัวร์”
ไอดินและองศาคุยกันตามท้ายอย่างมันปาก พวกเขาเดินห่างจากสองคนนั้นพอสมควรจึงไม่มีใครได้ยินที่คุยกัน
“พวกมึงยังไม่กลับ” พี่อินแจหันไปเอ่ยกับเพื่อนทั้งสองคนทันทีที่หันไปเจอว่าพวกเขานั้นเดินตามเข้ามาในคอนโด
“หมดประโยชน์แล้วไล่เลยนะครับไอ้เพื่อนเวร” พี่องศาแกล้งแซวเล่น “กลับก่อนก็ได้วะ วันหลังค่อยมาใหม่” พูดพลางยื่นกุญแจที่อยู่ในมือคืนให้กับฉัน
“ขอบคุณพวกพี่มากเลยนะคะที่ขับรถมาให้” ฉันคลี่ยิ้มหวานและก้มหัวลงเพื่อเป็นการขอบคุณ
“พวกพี่ไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนหันหลังกลับออกไป ตอนนี้ลิฟต์ก็เคลื่อนตัวลงมาถึงชั้นหนึ่ง พี่อินแจอุ้มฉันเข้าไปในลิฟต์ที่มีแค่เราสองคนอยู่ด้านใน
“เอาคีย์การ์ดมาเปิดประตู” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อมาถึงหน้าห้อง และฉันเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ใครจะไปกล้าขัดใจว่าที่แฟนในอนาคตกันล่ะคะ ช่วงนี้ต้องทำคะแนนก่อน
คนตัวสูงอุ้มฉันมาวางลงที่โซฟาอย่างเบามือ จังหวะที่เขาโน้มตัวเพื่อวางร่างเล็กนุ่มนิ่มลง ใบหน้าของเราก็ใกล้กันมาก มากจนจมูกมันเกือบจะชนกันอยู่รอมร่อ และเขาก็หยุดค้างไว้อยู่แบบนั้น ทำให้ตอนนี้เราสองคนเผลอสบตากันอย่างลืมตัว