1.นอนนา
ก่อนไปโรงเรียน แม่บอกคำปันว่า...เลิกเรียนแล้วให้พาน้องไปนอนนากับพ่อใหญ่แป แม่ใหญ่กงที่ทุ่งนาวังโกเด้อหล่า คำปันตอบรับคำบอกของแม่ก่อนที่เขาจะพาน้องชายเดินออกจากเรือนหลังน้อยไป
คำปันกับน้องชายอายุห่างกันแค่ 2 ปี คำปันเรียนอยู่ชั้นป.4 น้องชายของเขาชื่อ อ่อนจันทร์ เรียนอยู่ชั้นป.2 แต่คนละพ่อ และแม่ของคำปันกำลังจะแต่งงานใหม่ แม่มีพ่อให้พวกเขาหลายคน แม่เป็นคนสวย แต่อาภัพรัก
ในชีวิตของคำปันนั้น ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้เป็นคนมาเขายังไม่เคยเห็นหน้าพ่อ และไม่เคยได้เรียกคำว่า “พ่อ” ในชีวิตจริงของตัวเองเลยสักครั้ง แม่ใหญ่ผมบอกคำปันว่า...พ่อมึงมันขี้ใจน้อย อยากได้มูนมังของแม่ใหญ่ แต่เมื่อแม่ใหญ่ไม่แบ่งมูนมังให้พ่อมึงก็เลยโกรธ แล้วพ่อจันทร์ของคำปันก็หนีจากแม่ไปตั้งแต่วันนั้น
ครอบครัวของคำปันมีแม่ใหญ่ผมเป็นหัวหน้าใหญ่ ต้นสายตระกูลของคำปันมาจากบ้านไผ่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แม่ใหญ่ผมได้นำพาลูกหลานมาบุกเบิกนาวังโกซึ่งเป็นพื้นที่ป่าลุ่มน้ำหรือป่าบุงป่าทาม สมัยก่อนเรียกว่าดงหัวลิง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี จากเรี่ยวแรงของลูกหลานของแม่ใหญ่ผมที่โถมแรงกายขุดก่นถากถางจนดงหัวลิงกลายสภาพมาเป็นท้องทุ่งนาวังโก และเป็นไร่นาเนื้อที่กว้างใหญ่หลายร้อยไร่ในยามนี้
ท้องทุ่งนาวังโกมีลำน้ำโพงไหลผ่าน โดยสภาพของพื้นที่จึงเป็นนาทามน้ำแก่ง คำปันไม่รู้ดอกว่าลำน้ำโพงมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ตั้งแต่เขาเกิดและเติบโตมา คำปันก็เห็นสายน้ำลำโพงไหลผ่านท้องทุ่งนาวังโกตั้งแต่จำความได้ คำปันและครอบครัวใช้ชีวิตอยู่กับสายน้ำแห่งนี้จนคุ้นเคย ในฤดูน้ำหลากท้องทุ่งนาวังโกจะมีน้ำท่วมทุกปี หากทว่าในลำน้ำโพงกลับเต็มไปด้วยฝูงปลาค้าว และปลาอื่นๆอีกมากมาย คำปันยังจำได้ดีเวลาน้ำโพงเอ่อล้นฝั่งท่วมท้องทุ่งนาวังโก และท่วมข้าวกล้าตามนาลุ่มนาทามของพี่น้องชาวนาวังโกแล้ว พวกฝูงปลาค้าวจะพากันออกมาแหวกว่ายตามสายน้ำที่ไหลผ่านกอไผ่ริมตลิ่งเสียงดังต้วมต้ามๆ ปลาขาวอีไทยตัวใหญ่ว่ายแหวกพงหญ้าไปตามทางน้ำไหลผ่านไปยังดอนป่าจิก และเลยล่วงลงไปในทุ่งนาวังโก และดอนป่าจิก คำปันกับน้องชายพากันวิ่งไล่เตะปลาขาวอีไทยเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อถึงฤดูกาลน้ำหลากช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนตุลาคม สายน้ำโพงพัดแรงมาก บางแห่งตามเวิ้งวัง สายน้ำพัดพากอไผ่จนตลิ่งพัง และสายน้ำอันเชี่ยวกรากก็ได้พัดกอไผ่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ คำปันยืนเบิ่งมองอยู่ริมตลิ่งกับน้องชาย บางครั้งสายน้ำที่ไหลเชี่ยวและแรงมากจะพัดเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่หรือกอไผ่ลอยละล่องมาตามสายน้ำ สายน้ำโพงที่ไหลแรงและเชี่ยวกรากจะไหลวนเวียนลงไปสมทบลุ่มน้ำเซบายทางอำเภอป่าติ้ว ก่อนจะไหลล่องลงสู่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลของจังหวัดอุบลราชธานี
พ่อใหญ่แปบอกว่า…“พวกมึงอย่าไปยืนอยู่ใกล้ริมฝั่งลำน้ำโพงนะ เดี๋ยวแข้มันจะกิน แข้หรือจระเข้มันมักจะมากับสายน้ำเด้อ” ถ้าปีไหนน้ำท่วมช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ปีนั้นข้าวจะเน่าเสีย ต้องหาปลามาทำปลาแดกไว้ไปแลกข้าวกับพี่น้องทางบ้านท่าลาดและบ้านกุดหิน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องลูกหลานของแม่ใหญ่
พ่อใหญ่แปเป็นผัวของแม่ใหญ่กง แม่ใหญ่กงเป็นพี่สาวของนางทองออน แม่ใหญ่กง และนางทองออน เป็นลูกของแม่ใหญ่ตุ่น ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ใหญ่ผม ส่วนนางทองออนเป็นแม่ของคำปันนั่นเอง พี่สาวของคำปันชื่อทองพัน ซึ่งตอนนี้ได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว และกำลังเติบโตเป็นสาวส่ำน้อย
พี่สาวของคำปันอาศัยอยู่บ้านกับแม่ใหญ่ผม พี่สาวของคำปันชอบนอนตื่นสาย และไม่ชอบไปนาเลี้ยงควาย นี่เป็นเหตุผลหลักที่คำปันกับน้องชายต้องไปนอนนากับพ่อใหญ่แปและแม่ใหญ่กง ซึ่งมีฐานะเป็นลุงและป้าของพวกเขา ทั้งสองมีลูกชาย 2 คน คนหนึ่งชื่อจารย์ธงเป็นลูกชายแม่ใหญ่กง อีกคนชื่อจารย์คำหล้าเป็นลูกชายพ่อใหญ่แป แต่ทั้งสองคนมีนิสัยใจคอที่แตกต่างกันมาก อ้ายจารย์คำหล้ามีความรอบรู้ ขยันทำกิน ส่วนอ้ายจารย์ธงนั้นนิสัยใจคอเป็นคนไม่สู้งาน ชอบโกหก และลักขโมยเงินของแม่ใญ่ผมเป็นประจำ
เมื่อเสร็จจากฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวเปลือกถูกลำเลียงไปไว้ในเล้า จารย์ธงจะแอบขโมยข้าวเปลือกในเล้าไปขายเพื่อไปซื้อเสื้อผ้า และเอาเงินไปซื้อหวย ซื้อของฝากสาวชาวบ้าน ส่วนพี่สาวของคำปันชอบไปร้องสรภัญญะที่วัดไทรงาม พระอาจารย์มหาจันทร์จะเป็นผู้ฝึกสอนการร้องสรภัญญะให้กับหญิงสาววัยรุ่นของหมู่บ้าน ในยามเทศกาลออกพรรษา แถวถิ่นตำบลและหมู่บ้านของคำปันจะมีการแข่งขันการร้องสรภัญญะในยามเทศกาลงานบุญ ซึ่งเป็นจารีตเพณีและวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่เคยปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว
หลังเลิกเรียน คำปันกับน้องชายพากันเดินลัดไปตามทางไปทุ่งนาวังโก ซึ่งต้องเดินผ่านดอนปู่ตา ดอนปู่ตาเป็นป่าดงใหญ่ไพรหนา เป็นที่อยู่ของปู่ตาของหมู่บ้าน ปู่ตาชอบอยู่ในป่าดงใหญ่เพื่อรักษาผืนป่าให้กับลูกหลานและคอยปกป้องภัยร้ายจากผีพเนจรจากถิ่นอื่นที่มุ่งหมายเข้ามาทำร้ายชาวบ้าน
ในวันศีลวันพระใหญ่ ผีปู่ตาจะขี่ม้าตระเวณไปทั่วหมู่บ้าน คอยสอดส่องภัยร้ายที่จะเข้ามารุกรานหมู่บ้าน แม่ใหญ่ผมมักจะบอกเล่าเรื่องราวของผีปู่ตาให้คำปันกับน้องชายฟังอยู่เป็นประจำ
เวลาเดินผ่านดอนปู่ตา คำปันกับน้องชายจะรู้สึกหวาดกลัวมาก เพื่อนๆที่เดินทางไปยังนาวังโกก็จะมีความรู้สึกหวาดกลัวผีปู่ตาเช่นเดียวกัน ทันทีที่ย่างเท้าเข้าสู่ดอนปู่ตา ทั้งสองจะออกวิ่งอย่างรวดเร็ว วิ่งแบบกลั้นหายใจเลยล่ะ กว่าจะผ่านพ้นดอนปู่ตาออกมาสู่ทุ่งนาของพ่อใหญ่ซอได้ หัวใจแทบจะหยุดเต้นกันเลยทีเดียว ตอนนั่นแหละที่เขาได้หายใจเต็มปอด โล่งหมากหัวใจน้อยๆพร้อมกับนั่งเซามีแฮงใต้ต้นกระบกสักระยะหนึ่ง
ช่วงหยุดพักเหนื่อย บางครั้งก็จะเมียงมองหาเห็ดปลวก เห็ดไค และเห็ดละโงกตามโพนจอมปลวกบ้าง ตามสุมทุมพุ่มไม้บ้าง บางทีอาจโชคดีได้อาหารรสเด็ดจากธรรมชาติปั้นแต่งมาให้ โอกาสดีๆอย่างนี้แหละที่พวกเขาเคยนึกฝันเอาไว้ เมื่อได้พบเจอเห็ดปลวกดอกใหญ่ อาการดีใจจะพวยพุ่งขึ้นเต็มอก คำปันกับน้องชาย และเพื่อนๆชาวนาวังโกจะพากันกระโจนเข้าหา และแย่งกันเก็บเห็ดคนละดอกสองดอกเพื่อนำไปให้พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายได้ประกอบอาหารกิน
เช่นเดียวกับตอนย่างเหยียบไปตามคันนา บางครั้ง กบเขียดจะกระโดดลงไปในแปลงนา คำปันกับน้องชายจะตามงมจับกบเขียดในพงหญ้าหรือกอข้าว เมื่อคำปันกับน้องชายเดินทางมาถึงเถียงนา พวกเขาจะพากันรีบเปลี่ยนชุดนักเรียนแล้วสวมเสื้อผ้าชุดเลี้ยงวัวควายลงไปยังทุ่งนาวังโกทันทีเลยล่ะ
แม่ใหญ่กง แม่ทองออน และพี่สาวกำลังพากันถอนกล้า ส่วนอ้ายจารย์คำ อ้ายจารย์ธงกำลังพากันเร่งไถฮุดนาอยู่ทางนาลุ่ม คำปันกับน้องชายจะพากันนำเอาจอบไปขุดไส้เดือนที่ใต้ร่มมะขาม ทั้งสองพี่น้องจะพากันไปใส่เบ็ดที่ห้วยหนองเบ็น ซึ่งเป็นนาของแม่ใหญ่วันดี เวลานี้น้ำโพงกำลังเอ่อนองท่วมท้นล้นขอบฝั่ง ฝูงปลาจากลำน้ำโพงจะพากันออกมาแหวกว่ายหาล่าเหยื่อในค่ำคืนนี้
ดวงตะวันกำลังคล้อยค่ำลงแล้ว แม่และพี่สาวของคำปันและอ่อนจันทร์กำลังจะขึ้นจากการถอนกล้าในแปลงนา และจะพากันมาอาบน้ำที่ลำน้ำโพง ก่อนที่จะเดินกลับไปสู่หมู่บ้านโสกขุมปูน ส่วนอ้ายจารย์คำหล้าและอ้ายจารย์ธงจะพากันไปเยี่ยมยามถามข่าวผู้สาวที่หมู่บ้านใกล้เคียง
หลังจากใส่เบ็ดแล้ว คำปันและน้องชายจะไปจูงวัว ควายเข้าคอกใต้ถุนเถียงนา เมื่อกินข้าวแลงเสร็จแล้ว คำปันและอ่อนจันทร์จะนั่งพักให้ข้าวในท้องได้ย่อยสลายเป็นสารอาหารสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพากันลงไปยามเบ็ดที่นาหนองเบ็นของแม่ใหญ่วันดี
*******