ละอองดาวดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง เขากอดเธอแน่นหนึบประดุจถูกรัดด้วยโซ่เหล็กเส้นหนาหนัก
สามีหนุ่มเลือดร้อนกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการตักตวงความหอมหวานในโพรงปากอย่างหนักหน่วง นาทีนี้เขาสำนึกแล้วว่าไม่ใช่ละอองดาวกระมังที่โหยหาการลงทัณฑ์ แต่เป็นเขาต่างหากที่โหยหาการลงทัณฑ์หล่อนเสียเอง
“อื้อ...ปะ ปล่อย คุณโย...ปล่อย...ดาวก่อน”
เสียงหวานขาดเป็นห้วงๆ เพราะต้องเร่งสูบอากาศเข้าปอด และต้องทนกับแรงสวาทที่เกิดขึ้นจากการรุกไล่ด้วยฝ่ามือร้อนๆ ของเขา
“ฉันต้องการเธอ” บอกเสียงแหบพร่าแล้วกดหล่อนลงนอนบนเตียง
“มะ...ไม่ ไม่! ปล่อยนะ!” ละอองดาวดิ้นรนจนเวียนศีรษะ ทั้งผลักเขาออกห่างเพื่อจะได้หาที่ทางสำหรับ... “อุ๊บ! โอ้กกก...”
ริมฝีปากที่กำลังขบเม้มซอกคอขาวหยุดชะงักในทันใด วาโยรอจนละอองดาวหยุดอาเจียนจึงค่อยขยับออกห่าง เขาไม่มีอะไรจะพูดในเมื่อหล่อนลงโทษคนป่าเถื่อนเช่นเขาด้วยการอาเจียนใส่จนท่วมแผ่นหลังอย่างนี้
ร่างสูงใหญ่วิ่งเข้าห้องน้ำในทันที และเสื้อตัวเก่งก็ได้ย้ายจากเรือนกายลงไปนอนนิ่งอยู่ในถังขยะ วาโยเช็ดเนื้อตัวพอไม่ให้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ติดร่างมากนัก เขาสวมเพียงเสื้อกล้ามขณะกลับไปที่รถเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อยก็กลับมาเผชิญหน้ากับภรรยาอีกครั้ง และพบว่าพยาบาลกำลังดูแลหล่อนอยู่
“คนไข้เพลียมากนะคะ อย่ารบกวนเวลาของเธอจะดีกว่า เธอจะตื่นอีกทีราวๆ บ่ายโมง คุณจะนั่งเฝ้าหรือไปทำธุระอื่นก่อนก็ได้ค่ะ” พยาบาลแสนดีในชุดสีขาวสะอาด บอกกล่าวกับญาติคนไข้
วาโยได้แต่ยืนนิ่งรับฟัง รอบนี้คงต้องฝากไว้ก่อน เอาไว้หล่อนหายป่วยเมื่อไหร่ เขาจะคิดบัญชีเรื่องนี้อีกทีก็แล้วกัน
“งั้นผมฝากด้วยนะครับ เอ่อ...คุณคือพยาบาลเฝ้าไข้ของภรรยาผมใช่ไหม” เขาถามหล่อนบ้าง
“ใช่ค่ะ ดิฉันจะดูแลเธอเอง” พยาบาลสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มให้กับญาติคนไข้ เธอยิ้มทั้งตาทั้งปากเพราะหลงใหลในรูปโฉมของบุรุษตรงหน้า
“แล้วผมจะกลับมาอีกที”
“ได้ค่ะ ดิฉันจะดูแลคนไข้อย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
นางพยาบาลสาวหุ่นอวบอัดเผยยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วกลับมานั่งเฝ้าคนไข้ตามหน้าที่ ในใจก็นึกอิจฉาผู้หญิงที่นอนหลับอยู่บนเตียง เจ้าหล่อนมีสามีที่หล่อ รวย และน่ากอดไปทั้งตัวอย่างคุณวาโยคนดัง น่าอิจฉาจริงๆ
เวลาย่ำค่ำวันถัดมา ณ ห้องพักฟื้นของวีนุตตรา
สายลมเย็นๆ พัดมาระรานใบหน้าที่ทรุดโทรมด้วยโรคาพยาธิรุมเร้า วีนุตตราทอดสายตาลงมองแม่น้ำเบื้องล่างด้วยความเศร้าหมอง เธออยากปล่อยวางทุกๆ สิ่ง อยากปล่อยวางแม้แต่หัวใจที่ไม่เคยเป็นของตัวเองดวงนี้ ทว่าทำได้ยากเหลือเกิน เวลาที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้เธอรักวาโยน้อยลง ดอกรักที่เธอกับเขาช่วยกันปลูกลงในหัวใจ ยังคงยืนต้นอยู่ในสังขารที่ใกล้จะแตกดับ เธอไม่เสียดายที่ได้รักผู้ชายที่ชื่อวาโย แม้ว่าความรักครั้งนี้จะไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของก็ตาม
“พี่นุตดื่มน้ำส้มคั้นไหมคะ” น้องสาวคนดีรินน้ำส้มแก้วใหญ่มาให้ถึงริมระเบียง วันนี้นิลอรเพิ่งได้เข้ามาเยี่ยมวีนุตตรา เพราะว่าเป็นวันแรกที่หญิงสาวต้องเข้าไปทำงานยังบริษัทในเครือจตุรศิลป์
“อรดื่มเถอะจ้ะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” วีนุตตราบอกแล้วหันไปพยักหน้าให้นางพยาบาลที่ยืนหลบอยู่เงียบๆ มาเข็นรถเข็นของเธอเข้าห้อง
นิลอรเลยจิบน้ำส้มแก้วใหญ่แทนพี่สาว วันนี้สีหน้าของพี่ดีขึ้นมาก ดูท่าว่าคงเป็นเพราะยาดีที่ชื่อวาโยกระมัง
“วันนี้พี่โยมาหาพี่นุตหรือเปล่า” นิลอรถามต่อ เพราะวันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้แวะเข้าบริษัทเลย
“มาสิ เรามาช้าไปนิดเดียว โยเพิ่งกลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง แต่เดี๋ยวคงมามั้ง เพราะเห็นบอกว่าจะมากินข้าวเย็นกับพี่”
วีนุตตราเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา นิลอรกับนางพยาบาลช่วยกันยกร่างผอมของหล่อนขึ้นวางบนเตียง ก่อนที่นางพยาบาลจะหลบไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องเพื่อเปิดโอกาสให้ญาติและคนไข้ได้สนทนากันโดยสะดวก
“อ้อ...ถึงว่าสิ อรไม่เห็นที่บริษัท”
คราวนี้วีนุตตราเลิกคิ้วสูง สงสัยว่านิลอรจะเข้าใจผิด
“ถ้าหมายถึงบริษัทที่เราไปทำงานน่ะ โยไม่ได้เข้าไปดูทุกวันหรอก เขาน่าจะทำงานอยู่อีกชั้นของตึกนั้นนั่นแหละ บริษัทจตุรศิลป์ทำธุรกิจสองตัว น้องชายโยทำบริษัทน้ำแร่ ส่วนโยเขาทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เขากำลังจะเริ่มลงทุนในต่างประเทศ ทำนองว่าสิ่งก่อสร้างจำพวกคอนโดฯ อะไรพรรค์นี้แหละ พี่ก็ไม่อยากจะถามเซ้าซี้ แค่ที่โยช่วยเราก็มากพอแล้ว พี่เกรงใจ”
วีนุตตราเอ่ยช้าๆ เนิบนาบ เธอไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลังที่วาโยช่วยเหลือเธอนั้น มันมากเกินกว่าความรักของผู้หญิงป่วยใกล้ตายจะตอบแทนเขาได้ด้วยซ้ำ
“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง แล้ววันนี้พี่สาวของอรอาการเป็นไงบ้างคะ เมื่อไหร่จะลุกมาไล่ตีน้องซะที น้องอยากวิ่งไล่จับกับพี่จะแย่แล้ว” น้องน้อยออดอ้อนอย่างน่ารัก อ้อนพี่สาวที่ป่วยเรื้อรังมานานปี
“พี่ก็อยากวิ่งเหมือนกันยัยอร แต่มันคงไม่มีวันนั้นแล้ว”
เสียงบางเบาแผ่วลงอีกเท่าตัว นิลอรน้ำตาซึมเมื่อรู้ว่าพี่สาวคนดีตระหนักอยู่มิคลายว่าเจ้าหล่อนต้องสิ้นลมในวันใดวันหนึ่ง เธอไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย
“พี่นุต...แต่งงานกับพี่โยนะคะ” นิลอรนั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยประโยคนั้น จับมือผอมแห้งของพี่สาวมาแนบกับพวงแก้มสีน้ำผึ้งอ่อนจาง
“ไม่เอาน่า พี่...จะตายอยู่แล้วนะอร”
“อรแค่...อยากให้พี่มีความสุข แม้ว่าวันนั้นพี่จะไม่อยู่กับอรแล้ว” น้องน้อยว่าพลางน้ำตาคลอ แล้วในที่สุดหยดน้ำตาก็หยดลงฝ่ามือผอมแห้งของพี่สาว
“เหลวไหลน่าเด็กน้อย พี่มีความสุขมากพอแล้ว อีกอย่าง...พี่โยของเราน่ะ เขาแต่งงานแล้ว ลืมหรือเปล่าฮึ” วีนุตตราทอดเสียงแผ่วบางล้อเลียนน้องด้วยความจริง บางทีเธอก็สะใจเล็กๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีวันได้หัวใจของวาโย แต่บางทีก็รู้สึกผิดที่แย่งเอาเวลาที่สมควรเป็นของเจ้าหล่อนมาเป็นของตัวเอง สามปีที่เธอป่วย วาโยมาคอยดูแลไม่ห่าง ผู้หญิงคนนั้นจึงได้นอนกอดเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้น
และถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้แต่งงานกันเพียงในนาม แต่เธอมั่นใจเหลือเกินว่าหัวใจของสุดที่รักยังอยู่กับเธอมิจากไปไหน แม้ความเป็นจริงจะสะกิดใจให้คิดอยู่ไม่คลาย ว่ารักแท้มักแพ้ความชิดใกล้ก็ตาม
“แล้วถ้าพี่โยหย่าแล้วล่ะ พี่จะยอมแต่งหรือเปล่า”