คนเป็นแม่ตั้งใจรวนลูกชายเต็มที่ นางจะถือว่าที่ละอองดาวถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นเพราะพ่อลูกชายตัวดี มันน่าจับตีก้นเหมือนตอนเด็กๆ นักเชียว
วาโยถอนหายใจอย่างต้องการระงับความรำคาญ เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับมารดาหรอก มันจะบาปเสียเปล่าๆ
“เธอหายดีเมื่อไหร่บอกฉันด้วย จะได้ไปจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จๆ”
ละอองดาวอ้าปากเตรียมจะแย้งว่าเธอไม่หย่าแล้ว ถ้าเขาอยากหย่าให้เขาฟ้องหย่าเอาเอง เพราะอย่างน้อยหากฟ้องหย่าจริงๆ เธอก็จะได้มีเงินทองเก็บไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือบ้าง หรือบางที เขาอาจจะช่วยส่งเสียเลี้ยงดูแก ถึงแม้จะไม่ได้รักใคร่ไยดีก็ตาม
“ใจคอจะลากเมียที่ยังป่วยไม่หายไปหย่าให้ได้เลยรึ! แกจะใจดำไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่าเมียกำลัง...”
“คุณแม่คะ! อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวดาวจะคุยกับคุณโยเอง นะคะคุณแม่ ดาวขอ” ละอองดาวทักท้วงก่อนที่นางวิภาจะเอ่ยถึงหลาน เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเอาลูกมาเป็นเครื่องมือเพื่อปฏิเสธการหย่าในคราวนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
“เลิกพล่ามซะทีแม่ดาว ฟังแล้วระคายรูหู ไม่พูดก็ไม่พูด น่ารำคาญจริงๆ ฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องของหล่อนละ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็อย่ามามีน้ำหูน้ำตากับฉันก็แล้วกัน” นางประชดด้วยความน้อยใจ ลูกชายคงยังไม่รู้เรื่องที่เมียตั้งท้องหรอก และดูเหมือนว่าแม่เมียตัวดีก็ไม่ต้องการให้รู้เสียด้วย หล่อนมันแน่จริงๆ ละอองดาว
“ดาวเป็นอะไรเหรอครับคุณแม่” คนที่สะกิดใจรีบท้วงถามมารดา
“จะเป็นอะไรได้ ก็เป็นไข้หวัดใหญ่นั่นไง” วิภาเล่นตามเกมที่ละอองดาวร้องขอทางสายตา ในเมื่อไม่อยากให้พูดเรื่องนี้ นางก็จะไม่พูด จนกว่าจะถึงเวลา
“แน่ใจนะครับคุณแม่” ลูกชายที่ยังแคลงใจในท่าทีของมารดา เอ่ยถามอีกรอบเพื่อความสบายใจ เขาแค่อยากมั่นใจว่าละอองดาวไม่ได้ป่วยร้ายแรงเหมือนวีนุตตรา
“แน่ใจสิยะ เอ๊ะ...แกจะเอาอะไรกับฉันฮึตาโย จะซักให้มันได้อะไรขึ้นมา รีบมาดูแลเมียแกไม่ดีกว่ารึ ฉันจะได้กลับบ้านไปเอนหลังเสียที ได้กลิ่นโรงพยาบาลแล้วมันขนลุก ขืนอยู่นานกว่านี้ฉันคงได้ชักตาย”
นางวิภาแช่งตัวเองเสร็จสรรพ ยังผลให้ลูกชายมองหน้านางแล้วถอนหายใจอย่างปลงๆ
“คุณแม่อย่าเพิ่งแช่งตัวเองสิครับ รอส่งตัวเจ้ายักษ์เข้าหอก่อน”
“แน่นอนย่ะ ฉันพูดไปอย่างนั้นเอง ฉันจะอยู่เป็นมารผจญพวกแกจนกว่าจะได้รับขวัญหลานคนแรกโน่นแหละ เชอะ!”
วิภาโต้คารมกับลูกชายพอหอมปากหอมคอ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาจวนเที่ยง นางก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป
“คุณโยคะ คือ...”
ละอองดาวกำลังจะพูดเรื่องใบหย่า แต่วาโยกลับโบกมือห้าม
“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เธอกำลังป่วย ฉันเองต่างหากที่ผิด ฉันควรอยู่ด้วยตอนที่เธอเป็นลม เอาเป็นว่าฉันจะไม่เร่งรัดเธอจนกว่าเธอจะยอมไปหย่าเองก็แล้วกัน”
หญิงสาวที่นั่งไหล่ตกอยู่บนเตียง กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ความตื้นตันในถ้อยคำตอนต้นประโยค ถูกถ้อยคำของเขาในตอนท้ายบดบังจนมองไม่เห็นแม้เงา คนอะไรช่างใจร้ายพูดตอกย้ำอยู่ได้ เธอไม่ลืมหรอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องหย่าอยู่ดี
“ดาว...อยากขออะไรสักอย่างตอนหย่า ถ้าพอจะเป็นไปได้” ในเมื่ออนาคตไม่แน่นอน เธอจึงยอมหน้าด้านร้องขอบางอย่าง เพื่อชีวิตของตัวเองกับลูกที่จะเกิดมา อย่างน้อยลูกก็ควรมีที่ซุกหัวนอนที่ไม่ใช่ห้องเช่าเท่ารูหนู
“อะไร” เขาเดินมานั่งข้างเตียง จดจ้องละอองดาวอย่างไม่เชื่อว่าหล่อนจะกล้าขอ ตั้งแต่แต่งงานกันมา ข้าวของเงินทองทั้งหลายหากเขาไม่หยิบยื่นให้ หล่อนก็ไม่เคยปริปากเรียกร้อง นั่นเพราะสัญญาเมียตีทะเบียนที่เขาร่างเอาไว้ มันครอบคลุมในส่วนนี้ด้วย
“ถ้าเห็นแก่ที่แต่งงานกันมา และคุณก็ไม่ได้แต่งงานกับดาวแค่ในนาม ดาวขอ...เรือนไม้หอมได้ไหมคะ” ริมฝีปากสีซีดจางขบเม้มเข้าหากันอย่างต้องการลดทอนความประหม่า เธอรู้ว่าขอมากไป แต่ถ้าไม่มีบ้านเธอคงลำบากแน่ๆ คงไม่มีใครจ้างผู้หญิงตั้งท้องให้ทำงานหรอก และถ้าไม่มีงาน เธอจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ถึงแม้ว่าเงินทองที่เขาเคยให้มันจะมากโข แต่เธออยากเก็บส่วนนั้นไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือมากกว่า
เกิดเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของวาโย ชนิดที่ใครฟังก็รู้ว่าคนหัวเราะกำลังเยาะหยันในบางสิ่ง วาโยเหยียดยิ้มดูแคลนเมื่อทนฟังเมียพล่ามจนจบ
“ในที่สุดเธอก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ อยากได้อะไรอีกล่ะ แม่โสเภณี”
“วาโย!” เธอขานชื่อสามีด้วยเสียงอันดัง เขาจะดูถูกเธอให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอไม่เคยลืมหรอกว่าเป็นใครมาจากไหน และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายใจร้ายที่ชื่อวาโย สาบานเลย
“ทำไมล่ะ ฉันพูดผิดตรงไหน ในเมื่อเธอเป็นโสเภณีที่ฉันซื้อมาจากซ่องจริงๆ” เขายืนยันความจริงเพื่อกรีดหัวใจบางๆ ของภรรยาอีกครั้ง
“แต่คุณก็รู้ว่าดาวไม่เคยขายตัวให้ใครนอกจากคุณ” โต้ออกไปอย่างเจ็บปวด ในหัวใจเขาคงมีแต่ผู้หญิงที่ชื่อวีนุตตรา เมื่อไหร่หล่อนจะตายๆ ไปซะ วาโยจะได้เลิกรักใคร่เจ้าหล่อนเสียที
ว่าที่คุณแม่นึกคิดอย่างเห็นแก่ตัว ความเจ็บจนจุกระคนน้อยเนื้อต่ำใจส่งผลให้หัวใจบางๆ เกิดกิเลสอันมืดดำ เธอต้องการให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้มีความผิด ดับดิ้นสิ้นลมหายใจ ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอไผลมีความคิดชั่วร้าย ก็รีบภาวนาขอให้คุณพระคุณเจ้า ให้อภัยในความคิดผิดบาปคราวนี้ด้วย
“นั่นเพราะฉันเลือกได้ดีต่างหาก” วาโยยกความดีความชอบเรื่องพรหมจรรย์ของแม่โสเภณีตีตราว่าเป็นสิ่งที่คนฉลาดเช่นเขาพึงได้รับ
ละอองดาวน้ำตารินเงียบๆ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายความเจ็บความแค้นที่มันซึมแทรกอยู่ในทรวง บางครั้งที่เขาห่วงหวง ความเจ็บปวดก็เหมือนจะเบาบาง แต่พอเขาเปิดปากว่าพร้อมจะทิ้งขว้าง ความขื่นขมระทมอ้างว้างก็เข้าเล่นงานหัวใจจนยับเยิน
นัยน์ตาสีสนิมจดจ้องร่างบางตรงหน้าอย่างค้นคว้า หล่อนคงห่างการลงทัณฑ์ไปนานกระมัง ถึงได้โหยหามันแล้วเรียกร้องด้วยการตัดพ้อทางสายตาเช่นนี้
“เธอกำลังด่าฉันอยู่ใช่ไหม! อยากลองดีหรือไง!”วาโยปราดเข้าไปรวบร่างอ่อนแรงมากอดไว้ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างต้องการในบางสิ่ง
“อย่า! ดาวป่วยอยู่นะคุณโย” ละอองดาวโต้กลับในสิ่งที่เขาควรรับรู้ เธอไม่สบายนอนแบ็บอยู่อย่างนี้ เขายังมีแก่ใจคิดถึงเรื่องอย่างว่าอีกเหรอ
“ฉันไม่สน ถ้านั่นจะทำให้เธอรู้สำนึก ฉันก็จะทำ” วาโยจับแขนสองข้างของภรรยารั้งเข้าตัว ก่อนจะมอบจุมพิตอันเร่าร้อนให้หล่อน