“สวัสดีค่ะคุณน้ำแข็ง ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่ทำให้น้ำแข็งมีวาสนาได้รับความกรุณาจากคุณป้า คุณท่าน และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับคุณน้ำแข็ง ความดีงามที่คุณน้ำแข็งได้กระทำไว้ยามที่มีชีวิตอยู่ ได้ส่งต่อผลบุญนั้นมาให้กับน้ำแข็งผู้อาภัพคนนี้ น้ำแข็งจะดูแลหลวงพ่อแทนคุณน้ำแข็งเองค่ะ ขอให้คุณน้ำแข็งไปสู่สุคติในภพภูมิที่ดีที่เหมาะกับคนดีๆอย่างคุณน้ำแข็งนะคะ” น้ำแข็งตั้งจิตอยู่ในใจ
คุณหญิงศศิกานต์ ปักธูปก่อนน้ำแข็งและเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เธอแค่นั่งรอเงียบๆ โดยที่สายตามองไปยังน้ำแข็งที่นั่งข้างกาย เพราะใบหน้าของน้ำแข็งทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เป็นภาพที่อบอุ่นใจเหลือเกิน
“ไมล์!” ศศิกานต์ เอ่ยเรียกบุตรชาย เมื่อเร่งฝีเท้ามาที่ยังโซนพักผ่อนของประมุขของบ้าน
ไมล์ที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นตรงหน้าเอกพจน์หันมาทิศทางตามเสียงเรียก “สวัสดีครับคุณแม่” น้ำเสียงยินดีของไมล์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของศศิกานต์ทรุดนั่งบนพื้นพรมระดับเดียวกับบุตรชายและโอบกอดร่างกำยำของบุตรชายไว้อย่างหวงแหน
“กลับมา ไม่บอกล่วงหน้ากันสักคำนะ เจ้าตัวดี”
“ผมก็อยากเซอร์ไพรส์คุณแม่บ้าง”
“ทำสำเร็จแล้ว แม่เซอร์ไพรส์สุดๆ ถาวรใช่มั้ย การกลับมาครั้งนี้ไมล์จะไม่ห่างบ้าน ห่างแม่ ห่างคุณตาอีกแล้วใช่มั้ย?”
“ครับ" ไมล์ตอบรับอย่างไม่ลังเล เพราะการกลับมาครั้งนี้ เขาตัดสินใจไปแล้ว เอกพจน์มองหลานชาย ทำไมนะเขาถึงรู้สึกภาคภูมิใจทั้งๆที่หลานชายไม่ได้บอกกล่าวอะไรกับสี่ปีที่ผ่านมา แต่คนที่ผ่านโลกมานาน สายตาของเขาไม่เคยพลาด ไมล์หรือศตวรรษ อัครกำธร เขาพร้อมแล้วกับทุกสิ่งด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น แต่เอาเถอะ คนอย่างเอกพจน์ไม่มีทางเป็นฝ่ายเอ่ยออกปากเรื่องการสืบทอดกิจการของตนทั้งหมดออกมาก่อนเป็นแน่
หลังจากที่อยู่คุยกันกับคุณตาอยู่สักพัก โดยที่ต่างก็ไม่เอ่ยถึงวันนี้ที่เป็นวันครบรอบสี่ปีของการจากไปของน้ำแข็งหรือปติมา สินทรัพย์นคร เอกพจน์ก็ให้บุตรสาวพาหลานชายไปพักผ่อน อย่างเข้าใจการเดินทางข้ามทวีป ‘เจ็ตแล็ก’
ศศิกานต์และไมล์เดินขึ้นชั้นสอง ไปยังห้องนอนของไมล์ เมื่อไมล์บอกว่าทานอะไรมาแล้ว เขาอยากนอนยาวๆมากกว่า
“เอ๋! เด็กๆยังไม่เอากระเป๋าลูกขึ้นมาจัดเลยเหรอ” ศศิกานต์เอ่ยถามเมื่อเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของบุตรชาย
“ไม่ครับ” ไมล์ตอบสั้นๆ ในขณะเดินรอบๆห้องสำรวจข้าวของเดิมๆของเขาทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่รูปคู่ของเขาและน้ำแข็ง ไมล์เอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมา สายตาจับจ้องเขม็ง สองมือบีบจับกรอบรูปแน่นจนเห็นข้อนิ้วขาวชัดเจน
ศศิกานต์หันกลับมามองบุตร แต่ไม่ได้ถามกลับในความสงสัยเรื่องเสื้อผ้าเมื่อเห็นดวงตาความเจ็บปวดของบุตรชาย ผู้เป็นแม่ได้แต่ถอนลมหายใจ เธอย่อมรู้จักลูกชายที่เลี้ยงมากับมือดี ว่าไมล์เป็นคนอย่างไร ไมล์ไม่ใช่ผู้ชายใจง่าย น้ำแข็งเป็นแฟนคนแรกของไมล์ ด้วยชนชั้นทางฐานะที่แตกต่างกันมากระหว่างน้ำแข็งกับไมล์ในตอนนั้น ทำให้น้ำแข็งไม่อยากจะคบหากับไมล์มากกว่าเพื่อน เธอยังจำได้ที่จู่ๆบุตรชายมาทำอะไรแบบที่ไม่คิดว่าเขาจะทำ อย่างที่ไมล์ให้เธอสอนเขาทำขนมเค้ก ตอนนั้นเธอเหลือเชื่อแปลกใจอย่างถึงที่สุด กว่าจะได้คำตอบว่า จะทำไปให้สาวที่ตัวเองตามจีบมานานกว่าหกเดือนในวันคล้ายวันเกิดของเธอ เพื่อเอาชนะใจเธอคนนั้นให้ได้ และความมุมานะครั้งนั้นทำให้น้ำแข็งตอบรับไมตรีของไมล์ในที่สุด
วันคล้ายวันเกิดของน้ำแข็งเมื่อตอนที่ไมล์และน้ำแข็งอยู่ปีหนึ่ง “ขอบคุณนะคะ” น้ำแข็งเอ่ยกับไมล์ เมื่อมองเค้กที่มีเทียนปักมาหนึ่งดอก
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ มาเป็นค่ะ แทนได้มั้ย” ไมล์เอ่ยกับน้ำแข็ง แม้ใบหน้าจะไม่มีรอยยิ้มและดวงตาแวววาวหว่านเสน่ห์ แต่คำพูดนั้นก็ทำให้น้ำแข็งรู้สึกปลาบปลื้มกับความจริงใจที่ผู้ชายคนนี้มีให้เธอ
“น้ำแข็งสำคัญกับไมล์มากเลยเหรอคะ”
“ใช่”
“ตกลงค่ะ น้ำแข็งจะคบกับไมล์มากกว่าเพื่อนค่ะ” ไมล์ยิ้มออกมา
“ขอบคุณครับ” ไมล์ยิ้มออกมามากมายเป็นครั้งแรก น้ำแข็งเองก็แปลกใจที่เธอพึ่งจะเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของไมล์เป็นครั้งแรก
“นับตั้งแต่วันนี้ไป เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วเนอะ” น้ำแข็งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะหันกลับไปมองขนมเค้กที่สวยงาม น่าจะเป็นรสชาเขียว เพราะครีมเป็นสีเขียวทั้งก้อน ขนมปังเป็นรสอะไรตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ แต่การที่ด้านบนตกแต่งเป็นรูปปราสาทและมีตุ๊กตาหญิงชายจูบกัน นั่นไมล์คงสื่อว่าเป็นตัวแทนเขาและเธอ
“ไม่ ไม่ใช่วันนี้ เราสองคนเป็นแฟนกันตั้งแต่ที่ผมชอบคุณเมื่อหกเดือนก่อนแล้ว” ไมล์พูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบ ทำเอาน้ำแข็งเขินหน้าแดงทันที พูดน้อยต่อยหนักมากผู้ชายคนนี้
“อย่างกับเค้กแต่งงานเลย” น้ำแข็งแซวไมล์ ไมล์ยิ้มเขินๆ ในตอนนั้น เขาวางแผนยาวไกลบอกน้ำแข็งล่วงหน้าแล้วต่างหาก
“สี่ปี่แล้วนะ” ศศิกานต์เอ่ยเบาๆกับไมล์ พร้อมวางมือบนมือของบุตรชายที่เผลอกำกรอบรูปแน่นมากไปแล้ว
“ครับคุณแม่ ผมไม่เป็นไรครับ แค่คิดเรื่องเก่าๆที่ดีๆนะครับ” ไมล์ตอบกลับและเปิดลิ้นชักเก็บกรอบรูปไว้ในนั้น ศศิกานต์ยิ้ม ไมล์โตขึ้นมากจริงๆ เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอจึงยิ้มกลับมาให้กับเธอ แม้นัยน์ตาจะเศร้า ศศิกานต์เข้าใจและไม่อยากทำให้บุตรชายเสียความตั้งใจ จึงเปลี่ยนเรื่อง
“ตกลงกระเป๋าอยู่ไหนเนี่ย” ไมล์ยิ้มและส่ายหน้า
“ไม่มีหรอกครับ”
“อย่าบอกนะ ว่าเรามาแต่ตัว” ไมล์เดินไปที่ปลายเตียง นั่งลงและล้วงเอากระเป๋าสตางค์และพาสปอร์ตออกมา
“ผมไม่ได้มาแต่ตัวครับ ผมมีกระเป๋าเงินที่ข้างในมีใบขับขี่สากล มีบัตรประชาชนที่กำลังจะหมดอายุ บัตรเครดิตสองใบ เงินไทยน่าจะสักหมื่นกว่าบาท และพาสปอร์ต ครับคุณแม่” ศศิกานต์เบิกตากว้างมองบุตรชายสุดที่รัก
“เรานี่น่าจริงๆเลย” ศศิกานต์ เดินกลับไปยังตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง และเลือกหาเสื้อผ้าเดิมที่ยังอยู่ในตู้ รูปร่างของไมล์เปลี่ยนไปมาก เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ศศิกานต์เลื่อนเสื้อผ้าเมื่อสี่ปีก่อนไปเรื่อยๆ จนตัดสินใจได้ในที่สุด “แม่ว่าลูกน่าจะมีปัญหาเรื่องเสื้อผ้านะ เดี๋ยวแม่ออกไปจัดการให้ ลูกก็นอนพักผ่อนไปแล้วกัน เอ้านี้!ชุดนอน คงเป็นชุดเดียวที่ลูกน่าจะใส่ได้ในตอนนี้”
ไมล์ยิ้มและรับมาอย่างว่าง่าย เขาลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ศศิกานต์จัดการรื้อเสื้อกางเกงออกมาจากตู้เสื้อผ้าทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป พร้อมกับตะกร้าผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่บุตรชายไม่มีทางจะสวมได้อีกแล้ว
“น้ำแข็ง ป้าเปลี่ยนใจแล้ว ป้าอยากได้เพื่อนไปช็อปปิ้งจ๊ะ” ศศิกานต์โทร.ออกหาน้ำแข็งทันที เมื่อเดินลงมาข้างล่าง ส่งตะกร้าผ้าใบใหญ่ให้กับเด็กในบ้านและบอกให้เอาไปเลือกกันเลยว่าใครใส่ตัวไหนได้และที่เหลือให้เอาไปบริจาค
เจ็ดโมงเช้าในวันถัดมา ไมล์ที่เริ่มรู้สึกตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มยังคงสงบมองฝ้าเพดานอยู่นิ่งๆ ไมล์กำลังคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำ เวลาที่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไมล์ออกมาจากห้องน้ำใน ชุดนอนชุดเดิม แม้เขาจะทำภาระกิจตอนเช้าครบทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่ในตู้เสื้อผ้าเขาก็ยังว่างเปล่า ไมล์จึงเดินออกไปที่ระเบียง รอเสื้อผ้าที่เรียบร้อยพร้อมใช้ถูกลำเลียงเข้ามาช่วงไหนสักช่วงในตอนสาย
ไมล์สูดอากาศเย็นสบายบริเวณระเบียงฝั่งสวน แม้ห้องเขาจะอยู่ชั้นสอง แต่เรื่องสวน ต้นไม้ คุณตาท่านไม่เคยปล่อยให้บ้านไร้ต้นไม้ มีทั้งต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้าเขียวขจีทั่วทั้งพื้นดินในสวนกว้างด้านหลัง คุณตาปลูกต้นไม้ทั้งเล็กทั้งใหญ่หลากหลายพันธุ์ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอดสายตาสอดส่งมองไปเรื่อยๆ
และทันใดนั้นเอง!! คิ้วหนาค่อยๆ มุ่นเข้าหากันมากขึ้น ดวงตาหรี่ลงเรื่อยๆ เมื่อพยายามโฟกัสบางอย่างในสวนตรงนั้น ไมล์หลับตาปี๋ไว้สักสิบวินาที และจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง! ยังเหมือนเดิม ร่างหญิงสาวที่เดินๆหยุดๆ บริเวณต้นอะไรสักอย่างที่มีดอกสีขาวเล็กๆที่เขาไม่แน่ใจว่าใช่ ต้นมะลิ เหรอเปล่า