ตอนที่ 3
“ขอบคุณค่ะ และขอบคุณมากที่ให้เกียรติกับฉัน ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวรับนามบัตรมาถือไว้ ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าสายตาคมกล้าที่มองมานั้นแฝงด้วยบางอย่าง ไม่ใช่ชื่นชมและไม่ได้รังเกียจแต่มองผ่านเลยเหมือนไร้ตัวตนยังไงยังงั้น โมรีจึงรีบตัดบท
“วันนี้คุณโมรีมาเดินแบบด้วยใช่ไหมครับ ผมว่าคุณต้องสวยที่สุดในงานแน่เลย”
โมรียิ้มหวาน หัวเราะเบาๆ “คงไม่หรอกค่ะ เพราะงานวันนี้เครื่องเพชรที่เขาจะประมูลต้องสวยที่สุดค่ะ ฉันได้รับเชิญมาเป็นไม้ประดับฉากมากกว่า ขอตัวก่อนนะคะ”
“น่าเสียดายจังค่ะพี่อิศพี่ภู ทำยังไงดีรินอยากได้คุณโมรีมาเป็นนางแบบมากๆ”
ศริณนามองตามหญิงสาวคนสวยที่เธอหมายตาและหมายมั่นปั้นมือ พอทาบทามกลับถูกปฏิเสธ
“พี่ว่านางแบบคนไหนก็ได้มั้ง เสื้อของรินสวยอยู่แล้วใครใส่ก็สวย”
“แบบยายบุษรินที่พี่ควงอยู่น่ะเหรอคะ ไม่เอาหรอกค่ะพี่อิศ รินอยากได้คนนี้ พอรินเห็นคุณโมรีปุ๊บก็นึกไอเดียออกแบบเสื้อได้ทันที นี่ล่ะค่ะแรงบันดาลใจ ยังไงรินก็ต้องตื๊อคุณโมรีให้ได้”
“ฮ่าๆ แบบนี้แกจะไม่ช่วยน้องรินเหรอวะอิศ” พิภูสนับสนุน เขาเองยอมรับว่าหญิงสาวนามว่าโมรีสวยมาก สวยจับตาบาดจิตบาดใจเหลือเกิน จากที่เห็นในรูปว่าสวยแล้วตัวจริงสวยกว่าอีก
“ช่วยยังไงเจ้าตัวเขาปฏิเสธแบบนั้นก็ได้ยินกันอยู่ รีบเข้าไปในงานกันดีกว่าน่า คนเขาไม่ตอบรับจะไปฝืนใจทำไม”
“ก็รินอยากได้คุณโมรีมาใส่ชุดที่รินออกแบบ ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่อิศช่วยรินหน่อยน้า รินรู้ว่าหัวอย่างพี่อิศไม่จนง่ายๆ หรอก ยังไงก็ต้องทำให้คุณโมรีใจอ่อนได้แน่ นะคะ... นะ”
“เรานี่ยังไง คนอื่นมีเยอะแยะไม่สน”
“พูดแบบนี้แสดงว่าตกลงช่วยรินแล้วนะ อ๊ะ! รินลืมของที่รถ เดี๋ยวรอแป๊บนะคะ ขอกลับไปหยิบของก่อน”
ว่าแล้ว น้องสาวคนสวยของอิศรวัชร์ก็วิ่งกลับไปยังทิศทางที่รถจอดอยู่ ปล่อยให้พี่ชายส่ายหน้า กับอาการกิริยาเหมือนเด็กไม่ยอมโตนั้น
“กะเปิ๊บกะป๊าบยังกะเด็ก แบบนี้เมื่อไหร่จะขายออกวะเนี่ย มีหน้าที่การงาน มีห้องเสื้อชื่อดัง แกดูเจ้าตัวสิภู นึกว่าอายุสักสิบเจ็ดสิบแปดทั้งที่ปีนี้เบญจเพสแล้วนะนั่น”
“แกก็พูดไป น้องรินเขาก็น่ารักในแบบของเขา แต่คุณโมรีสิสวยสะเด็ดเลยว่ะ ถามจริงเหอะอิศ แกไม่คิดสนใจคนสวยๆ แบบคุณโมรีเลยจริงเหรอวะ เมื่อกี้เห็นแกทำท่าทางไม่สนใจเขาเลย”
“สนสิ ผู้ชายที่ไหนก็ชอบผู้หญิงสวย และผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นก็เหมาะจะเอามาประดับเตียงอย่างยิ่งยวด ถ้าตกลงกันได้ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน พบกันด้วยความพอใจ จบแล้วก็แยกย้ายกันไป ข้าสนแค่นั้นว่ะ”
ตอบเพื่อนและบอกตัวเองว่าที่เขาสนใจก็แค่นั้น ผู้หญิงที่เขาจะจริงจังด้วย ต้องดีพร้อม อย่างน้อยที่สุดถึงไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือนก็อย่าได้มีเรื่องเสื่อมเสีย อิศรวัชร์ยอมรับว่าเขาหัวโบราณไม่น้อยในการเลือกผู้หญิงมาเป็นศรีภรรยา
“สวยๆ แบบนั้น ใครจะยอมให้เอามาประดับเตียงเฉยๆวะ แต่ถ้าได้เมียสวยแบบนี้ ถึงต้องสละชีวิตโสดข้าก็ยอมว่ะ”
“แกนี่ท่าจะบ้า เห็นหน้าแค่แวบเดียวฝันเฟื่องจนคิดละทิ้งชีวิตที่แสนสบายของชายโสดเลยเหรอวะ สำหรับข้านะผู้หญิงคนนั้นเป็นได้แค่ดอกไม้ประดับเตียง ไม่มีค่าคู่ควรกับคำว่ารักและตำแหน่งภรรยาหรอก”
“ให้มันจริงเหอะ แกนี่พูดเหมือนมีอคติ ไม่ชอบอะไรคุณโมรีเค้ารึเปล่า”
พิภูยิ้มหน้าบาน เพราะถ้าเพื่อนรูปหล่อของเขาไม่คิดลงสนามชิงสาวสวยคนนี้ เขาก็มีสิทธิ์จะสมหวังเต็มร้อย
“แค่ไม่ชอบผู้หญิงที่มีข่าวกับผู้ชายไปทั่วเมือง”
หากใครบางคนที่เดินย้อนกลับมาแล้วได้ยินประโยคนั้นเข้าถึงกลับควันออกหู ดวงหน้าคมสวยร้อนวูบวาบเมื่อเลือดลมแห่งอารมณ์โทสะสูบฉีดอย่างรุนแรง มือเรียวสวยกำแน่น ดวงตาคู่งามวาววับขึ้น
โมรีแทบอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งเนื้อตัวผู้ชายปากร้ายคนนั้นให้ตายดับลงต่อหน้า เธอรึอุตส่าห์ชื่นชมและนึกนิยมชมชอบเขาอยู่ในใจ ตั้งใจว่าจะเดินย้อนกลับมาเพื่อบอกคุณศริณนาว่าจะลองเอาข้อเสนอนั้นกลับไปคิดดู คิดๆ แล้วเธอไม่ค่อยสบายใจที่ปฏิเสธไปแบบนั้น เมื่อย้อนกลับมากลับได้ยินการสบประมาทและดูถูกศักดิ์ศรีกันอย่างที่สุด
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เก็บกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้สุดความสามารถ
“ไม่มีค่าคู่ควรกับคำว่ารักงั้นเหรอ แค่ดอกไม้ประดับเตียงงั้นเหรอ จะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว”
ร่างบางระหงหันกลับมา พบว่าศริณนากำลังเดินตรงมา เธอจึงเบี่ยงตัวหลบหลังเสา เพราะอารมณ์ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะพูดคุยกับใคร
“ไปกันเถอะค่ะพี่อิศพี่ภู”
“ลืมอะไรน่ะเรา เมื่อกี้ไอ้อิศมันแอบบ่นว่ากลัวน้องสาวสุดเลิฟจะขายไม่ออก”
“จริงเหรอคะ นี่พี่อิศมาแอบนินทารินแบบนี้ได้ไงเนี่ย”
“แล้วมันจริงไหมล่ะ อายุเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก ไม่เอาแล้วพี่ขี้เกียจเถียงด้วย รินเข้าไปในงานกับไอ้ภูมันก่อนนะ พี่ขอคุยโทรศัพท์ก่อนเดี๋ยวตามเข้าไป”
ชายหนุ่มตัดบท ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโบกไปมา รุนหลังน้องสาวให้เข้าไปด้านในอาคาร ศริณนาไม่วายหันกลับมาทำตาเขียวใส่อย่างคาดโทษ
“รินไม่ลืมหรอกนะ พี่อิศต้องทำให้คุณโมรียอมมาเป็นนางแบบ รินถึงจะยกโทษให้ ไปกันค่ะพี่ภู”
“ยัยเด็กนี่จริงๆ เลย”
อิศรวัชร์ส่ายหน้า มองน้องและเพื่อนเดินลับเข้าไปในอาคาร เขาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงพร้อมสอดมือซุกกระเป๋ากางเกงสีดำเป็นมัน เดินอ้อมไปอีกทาง ซึ่งเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
“คุณนี่แปลกคนจริง คนเขาติดต่อให้มาเป็นนางแบบไม่เอา ที่แท้ชื่นชอบการแอบหลบตามซอกตามเสานี่เอง”
โมรีสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าสวยเชิดขึ้น เรียวปากอิ่มแย้มยิ้มหวาน ตอกกลับอย่างไม่คิดรักษามารยาทกับคนที่ไร้มารยาทและอ่อนความเป็นสุภาพบุรุษ
“แหม... งั้นเราก็คงเป็นคนประเภทเดียวกันนะคะ คุณถึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าฉันในซอกหลังเสาแบบนี้”
อิศรวัชร์หน้าเข้มขึ้น มองรอยยิ้มหวานบาดใจนั้นอย่างไม่ชอบใจ และไม่รู้อะไรดลใจให้เขาไม่ชอบหญิงสาวสวยตรงหน้า
“ปากกล้าแบบนี้นี่เอง ถึงได้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้าคิวติดพันกันจนนับไม่ถ้วน”
“ทำยังไงได้ล่ะคะ ฉันเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ไม่ยอมให้ผู้ชายไร้ความเป็นสุภาพบุรุษมาค่อนแคะ ไอ้นิสัยแบบนั้นปกติมันก็เป็นนิสัยผู้หญิง แต่ผู้ชายสมัยนี้แปลก ยังเรียกร้องจะทำตาม คิดแล้วก็แปลกนะคะคุณอิศรวัชร์ว่าไหม ไอ้พวกคนประเภทนี้เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ใบหน้าคมเข้มขึ้น สีหน้าท่าทางของหญิงสาวกำลังบอกอะไรบางอย่าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ตาหรี่มองเรียวปากที่เหยียดยิ้มหยัน
แล้วชายหนุ่มก็ให้ชนิดเดียวกัน กวาดตามองเรือนร่างระหงอย่างไม่เกรงใจ
“เมื่อกี้คุณคงได้ยินที่ผมคุยกับเพื่อนสินะ แปลกใจไหมล่ะที่ผมไม่ได้หลงใหลในรูปโฉมของคุณเหมือนคนอื่นๆ”