ตอนที่ 3 โซลเมท

1936 คำ
ตอนที่ 3 โซลเมท ตั้งแต่ถูกดวงตาสีแดงก่ำนั่นจ้องมองเข้ามาในดวงตานาตาชาก็รู้สึกว่าสติของตัวเองไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนักราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในฝัน เธอไม่กรีดร้องหรือต่อต้านเมื่อฆาตกรเข้ามาใกล้และปล่อยโทรศัพท์ที่กำลังโทรออกไปหาตำรวจลงพื้นอย่างไม่สนใจ ฆาตกรผีดูดเลือดจับใบหน้าของเธอให้หันไปด้านข้างเพื่อเผยให้เห็นลำคอ นาตาชารู้สึกว่าลมหายใจเย็นเฉียบกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ลำคอ จิตสำนึกของนาตาชาบอกให้เธอต่อต้านแต่เธอขยับได้เพียงปลายนิ้วเท่านั้น แต่ตอนที่เธอรู้สึกสิ้นหวังและปลงตกทันใดนั้นสายตาที่เลื่อนลอยของเธอก็มองไปเห็นใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ นาตาชามองเห็นไม่ชัดนักว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไรแต่เขาน่าจะเป็นชายร่างสูง ฆาตกรผีดูดเลือดที่กำลังจะกัดคอของนาตาชาชะงักเมื่อรับรู้ถึงตัวตนของผู้ที่ปรากฏตัวออกมาใหม่ “เข้ามาได้ยังไงกัน!?” มันตะโกนถามอย่างไม่พอใจและหันไปมองผู้มาใหม่พร้อมกับหยิบมีดออกมา เมื่อมีดอยู่ในมือคนร้ายมันจะดูน่ากลัวและอันตรายมาก แต่นาตาชาไม่รู้สึกถึงความกลัวของชายคนนั้นเลย เธอเห็นมุมปากที่ยกขึ้นอย่างเย็นชาและเย้ยหยันของชายคนนั้นอย่างเลือนราง “หึ ที่แท้ก็แค่พวกชั้นต่ำ” ชายคนนั้นเอ่ย ฆาตกรผีดูดเลือดพุ่งเข้าไปหาชายคนนั้นพร้อมกับมีดในมือโดยหวังจะฆ่าชายคนนั้น พึ่บ! เพียงกะพริบตานาตาชาก็เห็นหัวของฆาตกรผีดูดเลือดกระเด็นหลุดออกจากบ่าและกลิ้งมาอยู่แทบเท้าเธอแล้ว “….” นาตาชามองด้วยสายตาว่างเปล่า เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางทีนี่อาจเป็นความฝันของเธอก็เป็นไปได้ หรือเธอเมาจนเห็นภาพหลอน? แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่านาตาชาจะพยายามคิดในแง่ดีเท่าไหร่สติที่เลือนรางของเธอก็เริ่มกลับมาแจ่มชัดเมื่อฆาตกรผีดูดเลือดถูกฆ่าตายไปแล้ว การมองเห็นที่เลือนรางที่ราวกับคนสายตาสั้นลืมสวมแว่นตาของเธอเริ่มกลับชัดเจนดังเดิม จากภาพ 144p ของหัวคนบนพื้นกลายเป็นภาพ 4k ในชั่วพริบตา นาตาชาอยากให้ตัวเองเป็นลมไปและตื่นขึ้นมาโดยพบว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือความฝัน แต่น่าเสียดายที่คนจิตแข็งอย่างเธอไม่เป็นลมง่ายขนาดนั้น เธอจึงทำใจให้สงบพยายามละสายตาจากหัวบนพื้นและเงยหน้าขึ้นไปมองชายที่เพิ่งปรากฏตัวมาคนนั้น เธอและเขาสบตากัน ทันใดนั้นความรู้สึกคุ้นเคย ผูกพัน และคะนึงหาก็ได้จู่โจมหัวใจของคนทั้งคู่ ทั้งที่เพิ่งเจอกันแต่กลับมีความรู้สึกราวกับได้เจอครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทที่เพิ่งได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี หรือว่าจะเป็น… นาตาชาไม่ทันจะได้คิดทันใดนั้นเธอก็หมดสติไปโดยที่ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก็คือดวงตาสีแดงของชายคนนั้น ดวงตาสีแดงก่ำ ผิวสีขาวซีด ลมหายใจเย็นยะเยือก ร่างกายเย็นชืด หัวใจเต้นช้าจนเหมือนเงียบสนิท และดื่มเลือดเป็นอาหาร ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน และสิ่งนั่นก็มีตัวตนอยู่บนโลกอย่างแน่นอน สิ่งนั่นเรียกว่า แวมไพร์ ดวงตาสีแดงก่ำของแวมไพร์จ้องมองหญิงสาวดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เลื่อนลายเพราะมนต์สะกดของเขาอย่างเย็นชา ความรู้สึกที่นาตาชารู้สึกได้หลังจากสบตากับเขา เขาก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน เขาจึงมองนาตาชาเย็นชาขึ้นมากกว่าเดิมเพราะสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือการถูกสิ่งอื่นมาควบคุมทางเลือกและชีวิตของเขา เขาจึงเกลียดโซลเมทที่สุดเพราะมันเหมือนกับมีบางอย่างมากำหนดและควบคุมโชคชะตาหรือทางเลือกของเขาตามใจชอบ ต้องกำจัดสิ่งขวางหูขวางตานี่ซะ เพียงชั่วพริบตาเขาก็มายืนอยู่ตรงไหนหญิงสาวผู้เป็นโซลเมทของเขา เขายืนมือออกไปหวังจะตัดลำคอเล็กนั่น ในจังหวะนั้นเองลมสายหนึ่งได้พัดมา เส้นผมสีน้ำตาลของหญิงสาวก็ปลิวไสวและบังเอิญมาสัมผัสมือของเขาที่กำลังสัมผัสลำคอของเธอ มือของเขาชะงักและไม่ได้สัมผัสลำคอเล็กตามที่ตั้งใจไว้ “ถูกเหมือนว่ามันจะเป็นแค่แวมไพร์ชั้นต่ำครับ ไม่แม้แต่จะอยู่ในรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งราชาแวมไพร์ด้วยซ้ำ” เสียงของผู้ติดตามได้เรียกสติของเขากลับมา “ตั้งแต่ที่ราชาแวมไพร์ตายไปพวกนี้ก็อาละวาดอย่างโง่เขลาไปทั่วเลย ขี้เกียจตามเก็บแล้วนะครับ ว่าแต่นายท่านจะให้ผมจัดการเธอไหมครับ” กล่าวประโยชค์หลังพลางชี้ไปที่หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ เขาควรตัดคอของคู่โซลเมทที่เขาไม่ต้องการ เขาควรบอกให้ลูกน้อยจัดการเธออย่าให้เหลือร่องรอย เขาควรฆ่าเธอซะเพื่อไม่ให้สิ่งที่ไม่รู้จักมากกำหนดโชคชะตาของเขา “ไม่จำเป็น” แต่เขากลับเอ่ยปฏิเสธผู้ติดตามของตนทั้งที่ขมวดคิ้วอย่างขัดใจ เขาหันกลับไปหาร่างของฆาตกรก่อนที่จะใช้พลังสีดำของเขากลืนกินร่างของฆาตกรตนนั้นจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย “กลับ” ผู้นำแวมไพร์มองนาตาชาที่ยังยืนนิ่งอยู่ในมนตร์สะกดก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแต่ก่อนไปก็ไม่ลืมทิ้งคำพูดหนึ่งไว้ด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “อย่าแตะต้อง ปล่อยไปซะ” ผู้ติดตามของเขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองเจ้านายที่หายไป ถึงท่าทางและน้ำเสียงจะตรงกันข้ามกับคำพูด แต่เขาควรเชื่อประโยคคำสั่งมากกว่าก็เลยปล่อยให้หญิงสาวผู้เกือบโชคร้ายเสียชีวิตรอดชีวิตไปอย่างไร้รอยขีดข่วน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งนาตาชาก็พบว่าตัวเองมานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างป้ายรถเมล์แล้ว ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วหมายความว่าเธอนั่งหลับอยู่ตรงนี้จนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่ นาตาชานึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะมานั่งหลับอยู่ตรงนี้ ปรากฏว่าความทรงจำที่เหมือนฝันนั่นยังชัดเจนและแจ่มแจ้ง เธอโชคร้ายไปพบฆาตกรผีดูดเลือด แต่ตอนที่เธอกำลังจะถูกฆ่ามันก็ได้มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา หลังจากนั้นหัวของฆาตกรก็กลิ้งมาอยู่แทบเท้าเธอ จากนั้นเธอก็หมดสติไปหลังจากได้สบตากับดวงตาสีแดงของชายคนนั้น นาตาชาอดรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความทรงจำที่แจ่มชัดแต่แปลกประหลาดของตัวเองไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจย้อนกลับมาดูสถานที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงเธอก็ไม่พบอะไรเลย พื้นถนนไม่มีซากของร่างฆาตกร ไม่มีคราบเลือดหลงเหลือ ผู้คนที่ตื่นเช้าเพื่อไปทำงานก็เดินผ่านถนนเส้นนี้เหมือนปกติ ทั้งหมดที่เธอพบเจอเมื่อคืนเหมือนเป็นแค่ความฝันของเธอเอง นาตาชากลับบ้านทั้งที่ยังติดใจสงสัย แต่ไม่นานคนที่ไม่คิดมากอย่างนาตาชาก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปชั่วคราว สิ่งที่เธอควรคิดในตอนนี้ก็คือ เงิน ห้องพักจะหมดสัญญาภายในเดือนนี้ อันที่จริงเธอจะมีเงินต่อสัญญาถ้ายังไม่จ่ายค่าเทอมไปก่อนหน้านั้น “เดี๋ยวนะ ทำไมฉันถึงออกจากมหาลัยกลางเทอมล่ะทั้งที่จ่ายค่าเทอมไปแล้ว?” นาตาชาเอะใจขึ้นมา เธอจ่ายค่าเทอมไปแล้วถึงจะไร้ที่อยู่แต่ก็ไม่น่าจะตัดสินใจออกจากมหาลัยอย่างกะทันหันทั้งที่เรียนไปได้แค่ครึ่งปีนี่นา เมื่อนึกเอะใจเธอก็เริ่มนั่งหาความทรงจำที่ลืมไปแล้ว 11 ปี นาตาชาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยคณะศิลปกรรมศาสตร์สาขาวิชาจิตรกรรม ค่าเทอมไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ที่เป็นปัญหาคือค่าอุปกรณ์เพิ่มเติม มันสูงเกินกำลังของเธอที่ไม่มีครอบครัวคอยสนับสนุนแต่ด้วยความรู้สึกสนใจทำให้เธอเลือกยอมจ่ายเงินเข้าเรียน อีกอย่างเธอสามารถขอทุนการศึกษาได้ด้วย ตอนเริ่มต้นนาตาชาเลยไม่มีปัญหาเรื่องเงินมากนัก แต่ในภายหลังเธอสูญเสียสิทธิ์ในการขอทุนการศึกษาไป สาเหตุที่เธอเสียทุนไปก็เป็นเพราะ… ในที่สุดนาตาชาก็นึกถึงยุคอันสิ้นหวังของตัวเองได้ เธอสูญเสียทุนไปเพราะถูกกล่าวหาว่ามีความประพฤติตนที่ไม่ดี นั่นก็คือการขโมยผลงานของผู้อื่น นาตาชายืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำแต่เธอไม่มีโอกาสได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยซ้ำเพราะฝ่ายคู่กรณียืนยันว่าตัวเองเป็นเจ้าของผลงานอย่างถูกต้อง นาตาชาเลยถูกมองว่าเป็นฝ่ายผิดทันที หลังจากถูกตัดสินว่าผิดทุนการศึกษาก็หายไปทันที เงินที่เหลืออยู่ก็น้อยเกินไปที่จะจ่ายค่าห้องพักราคาแพงใกล้มหาวิทยาลัยให้ครบปี นาตาชาเลยต้องย้ายห้องพักเพื่อประหยัดเงินและลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะคิดว่าท้ายที่สุดเธอก็คงเรียนต่อไม่ไหว อย่างไรก็ตามถึงนาตาชาในตอนนั้นคิดว่าไม่เรียนต่อดีกว่า แต่นาตาชาในตอนนี้คิดว่าเธอควรจะเรียนต่อให้จบปีเพราะอย่างไรเสียเธอก็จ่ายเงินค่าเทอมของปีหนึ่งไปแล้ว ส่วนเรื่องห้องพักราคาถูกใกล้เคียงก็ไม่น่าจะหายากนัก ถ้าทำงานพิเศษอีกหน่อยเงินของเธอก็น่าจะพอสำหรับจ่ายค่าห้องพักหนึ่งปี นาตาชาวางแผนชีวิตของตัวเองเรียบร้อยก็นอนเล่นอย่างสบายใจ ถึงปัญหาเรื่องเงินจะยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังเลยสักนิด…. นี่ล่ะข้อดีของคนคิดน้อย…คนไม่คิดมาก ชีวิตก็เลยเหมือนไม่มีเรื่องเครียด แต่หลังจากนั้นนาตาชาก็พบว่าเส้นทางชีวิตใหม่นี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเส้นทางก่อนหน้านี้มาก เธอตระหนักได้ในขณะที่อาบน้ำเพราะเธอพบว่าเหนือหน้าอกขวาของเธอมีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น สัญลักษณ์ครึ่งหนึ่งมีลวดลายเหมือนปีกผีเสื้อสีแดงสดและอีกครึ่งหนึ่งเป็นปีกนกสีดำ ไม่ต้องสืบก็รู้ว่ามันคือสัญลักษณ์โซลเมท แล้วเธอไปพบโซลเมทตอนไหนล่ะเนี่ย? นาตาชามั่นใจว่าตอนอยู่ไนต์คลับเธอไม่ได้รู้สึกพิเศษกับใครนอกเสียว่าตอนนั้น…ตอนก่อนที่เธอจะหมดสติไปหลังจากเห็นหัวของฆาตกรกลิ้งอยู่บนพื้น ถ้าอย่างนั้นมันหมายความว่าในตอนนั้นมันไม่ใช่ความฝันน่ะสิ? นาตาชาตบหน้าผากตัวเองอย่างสับสนกับความทรงจำ ยืนคิดอยู่สักพักก่อนที่จะ…อาบน้ำและเข้านอนพลางคิดว่าเอาไว้คิดทีหลังแล้วกัน __________ แวมไพร์ผู้ปากตรงกับใจมากที่สุดปรากฏตัวแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม